ปัจจุบัน
ก๊อก ๆ
“ได้เวลาแล้วนะฟอง ไปกันเถอะ”
ฉันหลุดจากภวังค์ความคิดในอดีตกลับมาสู่ปัจจุบัน ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตปลดกระดุมสบาย ๆ เปิดประตูเข้ามาเรียก ฉันผละออกจากหน้าระเบียงแล้วหยิบหมวกปีกกว้างมาสวมพร้อมสะพายกระเป๋าอย่างเตรียมพร้อม แรมพ์ยิ้มมองนิด ๆ ก่อนเดินนำฉันออกจากห้องไป
เพียงเวลาไม่นานพวกเราทั้งสี่กลับมาอยู่บนเรืออีกครั้ง พี่ร๊อคบอกว่าจะพาไปเที่ยวที่เกาะแห่งหนึ่งซึ่งเขาการันตีความสวยงามของที่นั่นอย่างภูมิอกภูมิใจ เขาว่ามันเป็นเกาะร้างที่ไม่ค่อยมีใครไปนัก แต่บรรยากาศและทิวทัศน์ของที่นั่นกลับสวยงามสุดจะบรรยายเลยล่ะ ตลอดการเดินทางพวกเราพูดคุยกันบ้าง มีเพียงพี่ไรม์ที่หลบไปนั่งหัวเรือคนเดียว
ฉันเหม่อมองไปทางเขาราวกับถูกมนต์สะกด เรือนผมสีชมพูอ่อนเหลือบเทาส่องประกายรับแสงแดดสะท้อนกับสีครามของน้ำทะเลขับใบหน้าหล่อเหลาแสนเย็นชาสะกดสายตาของฉันจนไม่อาจละได้
ฉันรักผู้ชายคนนี้... รักมาตลอดและยังรักไม่เคยเปลี่ยน...
ความรู้สึกเหล่านี้มันตอกย้ำซ้ำ ๆ ในหัวใจ ความเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนแล่นวาบเข้ามากลางอกกับความจริงที่ว่าเขาคนนั้นไม่เคยรักฉันเลย ไม่สิ... แม้แต่คำว่าคิดถึงกันก็คงไม่มีวันหลุดออกมาจากปากของเขา…
“ถึงแล้ว” ฉันกะพริบตาเรียกสติตัวเองกลับมา เสสายตามองไปทางท่าเทียบเรือเล็ก ๆ เมื่อเรือเทียบท่า แรมพ์ขึ้นจากเรือคนแรก เขาหันกลับมารอรับมือจากฉัน ฉันมองมือเขาชั่วครู่ก่อนจะเอื้อมเตรียมจับ แต่กลับต้องชะงักเมื่อถูกใครอีกคนชนไหล่เบา ๆ จนเซเกือบล้ม วงแขนแกร่งตวัดรอบเอวบางรั้งร่างฉันเข้าสู่อ้อมกอดเขา ฉันสบตาเขาอย่างตื่นตระหนก
พรึ่บ!
“เกะกะ” วงแขนอบอุ่นผละออกอย่างรวดเร็วจนฉันเสียหลักเกือบจะล้มอีกครั้ง โชคดีที่เท้าแขนจับราวไว้ได้ทัน พี่ไรม์ผลุนผลันขึ้นท่าไปโดยไม่หันกลับมามองฉันสักนิด ได้ยินเสียงพี่ร๊อคตะโกนว่าเขาตามหลัง แต่ฉันไม่ได้สนใจฟัง เพราะสิ่งที่สะกดทั้งตัวและหัวใจของฉันให้หยุดนิ่งเมื่อครู่ก็คือ… สายตาห่วงใยจากเขาคนนั้น แม้เพียงวูบเดียวก่อนจะกลายเป็นความเย็นชาก็ตาม…
.
.
.
“ที่นี่สวยจริง ๆ ด้วยค่ะ” ฉันเหม่อมองความสวยงามรอบเกาะด้วยสายตาทึ่ง ๆ ที่นี่มันสวยมากจริง ๆ น้ำทะเลสีครามใสสะอาด ทุ่งป่าเขียวขจี และยังมีหน้าผาหินสูงชันตั้งตระหง่าน
“เห็นสวย ๆ แบบนี้ แต่ที่นี่ค่อนข้างอันตรายนะ จึงไม่ค่อยมีใครนิยมมาเที่ยว”
“เอ๊ะ อันตรายเหรอคะ?” คิ้วสวยขมวดมองพี่ร๊อค ไกด์จำเป็นที่ทำหน้าที่อย่างดีไม่ขาดตกบกพร่อง พวกเราสี่คนเดินเลียบชายหาดห่างจากท่าเทียบเรือมาเกือบครึ่งกิโลแล้ว และกำลังจะก้าวล้ำเข้าไปในอาณาเขตป่ารกทึบ
“เพราะที่นี่เป็นเกาะเล็ก ๆ ใช้เวลาเดินแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็วนได้รอบเกาะแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นบริเวณกลางเกาะก็เป็นป่ารกทึบและยังมีภูเขาหน้าผาสูงชันมีถ้ำอีกมากมาย ดูจากความอุดมสมบูรณ์ของป่าก็น่าจะรู้ว่าที่นี่ต้องมีสัตว์อาศัยอยู่แน่ ๆ” พี่ร๊อคเดินนำพวกเราเข้าไปตามทางเดินแคบ ๆ ซึ่งมีโขดหินและต้นไม้สูงใหญ่ขนานข้าง ทางเดินที่ค่อนข้างสูงชันขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ฉันต้องเอื้อมมือจับตามโขดหินตลอดทาง โดยมีแรมพ์คอยช่วยเหลือ
ส่วนพี่ไรม์น่ะเหรอ… เขาเดินรั้งท้ายหลังสุดเลยล่ะ
“หมายถึง… พวกสะ เสือเหรอคะ?” คำถามตะกุกตะกักของฉันเรียกสายตาขบขำจากพี่ร๊อคแทบจะทันที เขายื่นมือมาดึงมือฉันขึ้นยืนบนพื้นหินสูง ขณะแรมพ์กับพี่ไรม์ปีนตามขึ้นมา
“เสือน่ะไม่มีหรอก แค่หมอนั่นคนเดียวก็น่ากลัวพอแล้วมั้ง” เขาแอบหันไปแขวะพี่ไรม์ซึ่งเขม่นมองมาทางฉันเล็กน้อยก่อนละสายตาไป ฉันจึงละสายตาตามและก็พบว่าข้างบนนี้วิวสวยมาก!
“ว้าว… สวยจังเลย”
สายลมพัดแรงกระทบใบหน้าและเส้นผมปลิวสยายไปด้านหลัง ฉันไม่สนใจจะรวบมันสักนิด ทำเพียงเงยหน้าขึ้นและหลับตารับลมเย็น ๆ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าท่าทางนั้นตกอยู่ในสายตาของผู้ชายทั้งสามคน
“ดีจังเลยนะคะที่ได้มา ฟองไม่เคยมาเที่ยวที่แบบนี้เลยค่ะ ตอนอยู่นิวยอร์คปะป๊าทำแต่งานตลอด เวลาซัมเมอร์ก็ไม่ค่อยได้ไปไหน วัน ๆ ฟองอยู่แต่ในบ้านฝึกทำอาหารไปเรื่อย ๆ แก้เบื่อ ไม่คิดเลยว่าโลกภายนอกจะสวยงามขนาดนี้” ไม่รู้ว่าเพราะบรรยากาศพาไปหรือเพราะความอัดอั้นตันใจตลอดเวลาหลายวันมานี้กันแน่ ฉันถึงได้หลุดปากพูดเรื่องตัวเองออกมา พอนึกขึ้นได้ก็รีบหันมองทุกคนด้วยสีหน้าตกใจ “เอ่อ… ขอโทษค่ะ ฟองไม่ได้ตั้งใจทำให้เสียบรรยากาศนะ”
“ขอโทษทำไม พี่บอกฟองแล้วไง มีอะไรก็พูดออกมาอย่าเก็บไว้คนเดียว พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ” พี่ร๊อควางมือลงบนศีรษะฉันเบา ๆ อย่างที่ชอบทำ รอยยิ้มอบอุ่นของเขาเปรียบเสมือนพระอาทิตย์ยามเย็น ฉันละสายตามองแรมพ์ซึ่งกำลังขยับยิ้มอ่อนโยนส่งมาให้กำลังใจกัน มันทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ทั้งสองคนใจดีกับฉันมาก ฉันรู้สึกดีจริง ๆ ที่ทริปนี้มีพวกเขามาเที่ยวด้วยกัน
“ขอบคุณนะคะ” ฉันขยับยิ้มบางพลางทอดสายตามองเส้นขอบฟ้าสีครามตัดกับน้ำทะเล พอได้พูดออกมามันก็อยากจะพูดต่อราวกับสิ่งที่อยู่ในใจมันพรั่งพรูออกมาไม่หยุด “ฟองฝันมาตลอดว่าอยากจะกลับมาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวกิตติโสภณอีกครั้ง ช่วงเวลาที่ฟองอยู่กับทุกคนในตอนเด็ก เป็นช่วงเวลาที่ฟองมีความสุขมากค่ะ ฟอง…”
ฟองคิดถึงช่วงเวลานั้นมาก…
ฉันต่อประโยคนั้นในใจเมื่อสายตาปะทะเข้ากับดวงตาคมเข้มของใครคนหนึ่ง พี่ไรม์ยืนอยู่ไม่ไกลจากฉันนัก และเขากำลังมองมาทางฉันด้วนสายตานิ่ง ๆ คาดเดาอารมณ์ไม่ถูก มันกลืนกินคำพูดของฉันไปจนหมด
อ่า… ฉันคงจะพูดมากไปสินะ…