วันเดินทางของทริปฮันนีมูนมาถึงในที่สุด ฉันตื่นเช้ากว่าปกติ จัดเตรียมกระเป๋าของเราสองคน รอจนพี่ไรม์ลงบันไดมา วันนี้เขาแต่งตัวสบาย ๆ ด้วยเสื้อเชิตสีครามปลดกระดุมสวมทับเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนสีดำ เขามองฉันเพียงเสี้ยววินาทีก่อนเมินหน้าหนีไป ฉันก้มมองชุดตัวเองด้วยความไม่มั่นใจ ชุดแซกสีขาวกระโปรงยาวพลิ้วกับหมวกปีกกว้าง มันดูแปลก ๆ งั้นเหรอ…
ครู่ต่อมาพวกเราถึงสนามบิน ระหว่างรอเช็คอิน เสียงทักคุ้นหูก็ดังขึ้น
“โหย โทรหาก็ไม่รับนะพี่รอง เกือบตกเครื่องแล้วไหมล่ะ” เจ้าของเสียงคือผู้ชายร่างสูงสวมเสื้อเชิตลายสดใสกับกางเกงสี่ส่วนสไตล์ชายทะเล ใบหน้าหล่อใสเผยยิ้มให้ฉันตาหยี ฉันอ้าปากค้างทันทีที่เห็นหน้าเขา
“ระ แรมพ์? มาส่งพวกเราเหรอ?”
“หืม? มาส่งที่ไหน จะไปด้วยต่างหาก เนอะพี่ใหญ่” แรมพ์ตอบยิ้ม ๆ แล้วพยักเพยิดหน้าไปทางด้านหลังฉัน พอหันมองตามก็พบกับผู้ชายร่างสูงอีกคน เขามาในชุดเสื้อเชิตสีขาวกับกางเกงยีนส์สีซีด ใบหน้าหล่อเหลาชักสีหน้ายุ่งยากใจเล็กน้อยเมื่อเดินมาถึง
“เจ้ารองยังไม่ได้บอกน้องเหรอว่าพวกพี่จะไปด้วย” ฉันนิ่งค้างกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนหันมองร่างสูงข้างกาย เขาทำเมินใส่ฉันเหมือนฉันไร้ตัวตนด้วยซ้ำ จนพี่ร๊อคตบไหล่เขาแรง ๆ เขาถึงหันมามองฉัน
“ฉันชวนมาเองแหละ ถ้าไปกันแค่สองคนเธอคงหมดสนุกแน่”
“แต่นี่มันทริปฮันนีมูนไม่ใช่เหรอคะ ถ้าแม่รินรู้เข้า…”
“ก็อย่าปากโป้งสิ” พี่ไรม์ตัดบทฉันด้วยสีหน้ารำคาญ “อีกอย่างนี่ไม่ใช่ทริปฮันนีมูนอะไรทั้งนั้น อย่าเข้าใจผิดสิ”
ฉันหน้าชาไปหมด มันปรับความรู้สึกไม่ถูก สองวันมานี้ฉันตื่นเต้นจนนอนแทบไม่หลับ ฉันดีใจมากที่จะได้ไปเที่ยวกับพี่ไรม์สองคน แต่ไม่คิดเลยว่าความจริงแล้วไม่ได้มีแค่ฉันกับเขา…
“ฟองไม่สบายใจเหรอ งั้นพี่กับเจ้าแรมพ์กลับก็ได้นะ” พี่ร๊อคมองฉันอย่างลำบากใจ แรมพ์เองก็เงียบไปเช่นกัน ฉันรีบเงยหน้าส่งยิ้มให้ทั้งคู่ทันที
“เปล่าค่ะ ฟองแค่กลัวว่าถ้าแม่รินรู้แล้วพวกพี่จะโดนดุ”
“ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก เราบอกแม่ว่าจะไปเหนือกันน่ะ แค่อย่าถ่ายรูปอัพลงโซเชี่ยลก็พอ” แรมพ์อธิบายยิ้ม ๆ ฉันจึงยิ้มตาม เขาเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของฉัน เราอายุเท่ากันจึงสนิทกันมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของเขา แม้ฉันจะย้ายไปนิวยอร์คแต่ก็ยังติดต่อกับแรมพ์อยู่เสมอ ฉันได้รู้ความเป็นไปของพี่ไรม์มาตลอดเวลาสิบกว่าปีก็จากแรมพ์นี่แหละ เขาจึงเป็นเพื่อนคนสำคัญสำหรับฉันมาก
“ถ้างั้นก็ดีเลย เรามาเที่ยวกันให้สนุกเถอะเนอะ” รอยยิ้มสดใสเผยออกมาอย่างยอมรับสภาพ มีพี่ร๊อคกับแรมพ์ไปด้วยก็ดีเหมือนกัน มันอาจจะสนุกกว่าอยู่กับคนใจร้ายอย่างพี่ไรม์แค่สองคนก็ได้
.
.
.
“ฮ้า~ทะเลทะเล๊ทะเล~”
เพียงเวลาไม่นานพวกเราก็มาถึงจุดหมายปลายทาง ตลอดเวลาที่อยู่บนเครื่องบิน พี่ไรม์ไม่พูดกับฉันสักคำ ฉันก็ไม่ได้กวนใจอะไรเขา ปล่อยให้เขาอยู่ในโลกส่วนตัวของเขาให้พอใจ
หลังจากเช็คอินเสร็จกระเป๋าของพวกเราถูกนำขึ้นไปเก็บบนห้อง โดยฉันพักกับพี่ไรม์ตามเดิม ส่วนพี่ร๊อคกับแรมพ์พักห้องเดียวกัน ตอนแรกฉันคิดว่าพี่ไรม์จะแย้งอะไร เพราะเขาคงไม่อยากจะนอนห้องเดียวกับฉันหรอก แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น
“โชคดีนะที่พี่ใหญ่ใช้เส้นสายจองห้องพักที่โรงแรมนี้ได้ ถึงจะไม่ใช่ห้องสวีทฮันนีมูนแบบฟองก็เถอะ แต่ก็เป็นห้องพรีเมียร์ดีลักซ์เลยน้า~”
“คืนนี้พักที่นี่ไปก่อน รอที่เกาะทำความสะอาดเรียบร้อยค่อยไปแล้วกัน”
“เอ๊ะ หมายความว่ายังไงเหรอคะ?” ฉันขมวดคิ้วมองพี่ร๊อค
“อ้าว พี่ยังไม่ได้บอกเหรอว่าทริปนี้เราจะไปค้างที่เกาะส่วนตัวกัน”
เกาะส่วนตัวงั้นเหรอ…
“พอดีพี่ใหญ่เพิ่งคิดได้แบบปุปปับก็เลยโทรสั่งคนดูแลให้ทำความสะอาดเมื่อเช้า แต่ไม่อยากให้แม่ผิดสังเกตเลยค้างที่นี่ไปก่อนคืนหนึ่ง”
อ้อ… อย่างนี้เองเหรอ…
แสดงว่าพี่ไรม์ก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้วสินะ ถึงว่าทำไมเขาไม่แย้งเรื่องห้องพักเลย เพราะรู้ว่ายังไงก็แค่คืนเดียวงั้นสินะ
.
.
.
“ร้อนไหมฟอง”
“หะ… อ้อ ก็นิดหน่อยนะ แรมพ์ล่ะ ใส่เสื้อสองตัวไม่ร้อนแย่เหรอ” ฉันมองผู้ชายข้างกายผ่านเลนส์แว่นกันแดดสีชา แรมพ์ยิ้มน้อย ๆ แล้วถอดเสื้อเชิตออกเหลือเพียงเสื้อกล้ามสีขาวก่อนเอนตัวนอนพิงเก้าอี้ชายหาดตามฉัน พวกเรานั่งอยู่บนหาดทรายริมทะเล ถัดจากแรมพ์ไปเป็นพี่ร๊อคและพี่ไรม์ ซึ่งทั้งคู่มาถึงก็ทิ้งตัวนอนบนเก้าอี้ไม่พูดไม่จา
“ว่าแต่วันนี้มีโปรแกรมอะไรบ้างอ่ะ ขอดูโบรชัวร์ของฟองหน่อย”
ฉันยื่นใบโปรแกรมของทริปฮันนีมูนให้แรมพ์ ปรายสายตาเหลือบมองคนที่นอนอยู่ห่างไกลไปด้วย แวบหนึ่งที่ดวงตาคมเข้มเหลือบมองมาทางฉัน เราสบตากันชั่วครู่ก่อนเขาจะเลื่อนหมวกลงมาปิดหน้าตัวเอง ฉันเม้มปากนิด ๆ สายตาเลื่อนมองพี่ร๊อคบ้าง เขามองฉันแล้วขยับยิ้มบาง ก่อนหันกลับไปอ่านนิตยสารในมือต่อ
“อืม… ฟองจะไปร่วมโปรแกรมพวกนี้ไหม?”
“เอ๊ะ? มะ ไม่รู้สิ” ฉันจะตอบได้ยังไงในเมื่อมันเป็นทริปฮันนีมูนที่ต้องมีคู่ไปด้วย
“ไม่ไป ฉีกทิ้งไปเลย” และนั่นเป็นคำตอบแบบตัดทอนความรู้สึกกันสุด ๆ ของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่ของฉัน พี่ไรม์ตอบโดยใบหน้ายังซ่อนอยู่ใต้หมวกสีคราม
เขา… ยังชอบสีครามอยู่สินะ
ฉันเผลอยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่ามีสิ่งหนึ่งที่เขายังเหมือนเดิม แม้หน้าตาและนิสัยของพี่ไรม์จะเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน แต่ความชอบของเขาก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน มันทำให้ฉันรู้สึกว่าอย่างน้อย ๆ เขาก็ยังคงหลงเหลือตัวตนในอดีตอยู่บ้าง
“ถ้างั้นก็ไปเที่ยวตามโปรแกรมเราแทน พี่ใหญ่จัดการไว้หมดแล้ว” แรมพ์โผล่งขึ้นมาพลางหยิบโบชัวร์ของตัวเองมาดู “อืม… เย็นนี้พักเหนื่อยไปก่อน เริ่มทัวร์พรุ่งนี้เช้าหลังไปเกาะแล้ว”
“ทัวร์เหรอ?” คิ้วสวยขมวดมุ่น พี่ไรม์เองก็เหมือนจะสงสัยไม่ต่างจากฉัน เพราะเขาเปิดหมวกออกเล็กน้อยแล้วมองน้องชายคนเล็กของตัวเอง
“อ่าหะ ทัวร์ดำน้ำดูประการัง เที่ยวเกาะ แล้วก็ปาร์ตี้บาร์บีคิว อ้อ! ยังมีถนนคนเดินตอนกลางคืนด้วยนะ เราจะพาฟองไปตะเวนดูแสงสียามค่ำคืนของที่นี่เอง” แรมพ์ร่ายโปรแกรมยาวเหยียด ฉันพยักหน้าฟังเขาด้วยท่าทางตื่นเต้นอย่างมาก ดีจริง ๆ ด้วยที่มีแรมพ์กับพี่ร๊อคมาด้วยแบบนี้ อย่างน้อย ๆ ฉันก็ได้ไปเที่ยวตามที่หวังเอาไว้ แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว
ทว่า… ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าท่าทางตื่นเต้นของตัวเองนั้นจะขัดหูขัดตาใครบางคนเข้า เพราะเขาลุกขึ้นยืนแล้วปรายตามองฉันก่อนจะเดินจากไป
“พี่รองเป็นไรไป” แรมพ์มองตามหลังพี่ไรม์ด้วยสีหน้างุนงง ขณะพี่ร๊อคทำเพียงเปิดนิตยสารหน้าถัดไปแล้วขยับยิ้มมุมปากตอบด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี
“หึ สงสัยอากาศมันร้อน”