หลังทานมื้อเย็นเสร็จ พวกเราแยกย้ายกันขึ้นห้องเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า คืนนี้พี่ร๊อคบอกให้พักผ่อนให้เต็มที่เพราะพรุ่งนี้ต้องเก็บกระเป๋าไปเกาะและยังต้องตะเวนเที่ยวทั้งวัน
ฉันขึ้นห้องมาก่อนทุกคน เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็นั่งรอพี่ไรม์ เพื่อนร่วมห้องอีกคนของฉัน แต่รอแล้วรอเล่าเขาก็ยังไม่เข้าห้องมา จนนาฬิกาบอกเวลาเกือบเที่ยงคืนฉันจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความหาแรมพ์ คิดว่าเขาน่าจะรู้ว่าพี่ไรม์อยู่ที่ไหน แต่จะให้ถามตรง ๆ เลยก็เกรงใจแฮะ…
.
.
อองฟอง : แรมพ์อยู่ไหนเหรอ?
.
.
ฉันเปิดคำถามแบบกลาง ๆ ด้วยความเกรงใจเขา ถึงแรมพ์จะเป็นเพื่อนฉัน แต่เราก็ไม่ได้สนิทกันถึงขนาดคุยกันได้ทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องชีวิตคู่ที่แสนอธิบายยากของฉัน
.
.
แรมพ์ : อยู่บาร์ชั้นล่างน่ะ มีอะไรหรือเปล่า?
.
.
บาร์… งั้นเหรอ…
.
.
อองฟอง : อ้อ ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่… อยู่กับใครบ้างเหรอ?
.
.
ฉันเม้มปากเล็กน้อยอย่างรอคอยคำตอบ เพียงไม่กี่วินาทีแรมพ์ก็ตอบกลับ ฉันเผลอกำโทรศัพท์ในมือแน่นเมื่ออ่านจบ
.
.
แรมพ์ : พี่ใหญ่ พี่รอง
.
.
อย่างนี้นี่เอง… ที่พี่ไรม์ไม่กลับห้องสักทีเป็นเพราะนั่งดื่ทอยู่กับพี่น้องเขาสินะ
.
.
แรมพ์ : ฟองจะลงมานั่งด้วยกันไหม?
อองฟอง : ไม่เป็นไร ฟองง่วงแล้ว รู้สึกเพลีย ๆ นิดหน่อย ขอบใจที่ชวนนะ
.
.
ฉันตอบปฏิเสธอย่างกลาง ๆ อย่างน้อย ๆ ก็สบายใจได้ว่าพี่ไรม์ไม่ได้หายไปไหน ถึงห้องนี้จะค่อนข้างกว้างและน่ากลัวอยู่หน่อย ๆ แต่ฉันก็เริ่มจะชินกับการถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวแล้วล่ะ เพราะงั้น… แค่นี้ฉันสบายมาก
.
.
.
[บทบรรยาย ไรม์]
“เป็นอะไรเจ้าแรมพ์ ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่นั่น สาว ๆ ที่นี่ไม่ถูกใจหรือไง” ผมมองตามสายตาพี่ร๊อคที่เอ่ยถามน้องชายคนเล็กด้วยน้ำเสียงหยอก ๆ แรมพ์เงยหน้ามองพวกผมแล้วขมวดคิ้ว
“ห่วงฟองน่ะสิ เห็นบอกว่าเพลีย ๆ เมื่อเย็นก็กินน้อยมาก” แก้วเหล้าในมือผมชะงักเล็กน้อยยามรับฟังสิ่งที่แรมพ์พูด นึกถึงเมื่อช่วงเย็นที่ทานอาหารร่วมกัน อองฟองทานน้อยอย่างที่แรมพ์ว่าจริง ๆ แต่เธอจะเป็นอะไรมันก็เรื่องของเธอ ไม่ได้เกี่ยวกับผมสักหน่อย
“คงเดินทางมาเหนื่อยละมั้ง” พี่ร๊อคยกเหล้าขึ้นจิบพลางเหลือบมองผมนิด ๆ “จะว่าไปแกก็นะเจ้ารอง แม่สั่งให้พาน้องมาเที่ยวฮันนีมูนแท้ ๆ แต่กลับไม่ดูแลเทคแคร์อะไรน้องเลย แถมยังชวนพวกฉันมาอีก นี่ถ้าไม่ติดว่าห่วงน้อง กลัวน้องจะถูกคนไร้หัวใจอย่างแกทอดทิ้งตลอดทริป ฉันคงไม่มาด้วยหรอกนะ”
“นั่นสิ ทำไมวะพี่รอง? ทำไมพี่ต้องเย็นชาใส่ฟองขนาดนั้นด้วย ยัยนั่นเลือกพี่ มองแต่พี่มาตลอดแท้ ๆ แทนที่จะใจดีกับเธอบ้าง กลับดีแต่ทำร้ายจิตใจเธอตลอด พี่นี่มันเป็นพวกลิงได้แก้วแท้ ๆ” แรมพ์มองผมตาขวาง ยกแก้วขึ้นกระดกอึก ๆ แล้วปาดหลังมือเช็ดปาก ไอ้สำนวนลิงได้แก้วนี่มันอะไรกันวะ? จะกล่าวหาว่าผมไม่เห็นคุณค่าของผู้หญิงคนนั้นอย่างงั้นเหรอ…
เหอะ! ไร้สาระสิ้นดี!
ใครจะพูดยังไงก็ได้ ถ้าไม่ลองมาเป็นผม ไม่มีทางรู้หรอกว่าสิบกว่าปีมานี้ผมต้องเจอกับอะไรบ้าง โซ่ล่องหนที่มันล่ามตรวนทั้งร่างกายและจิตใจของผม นับวันมันยิ่งรัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก
จนกระทั่งวันนี้วันที่โซ่ตรวนนั้นยังคงล่ามผมไว้อย่างแน่นหนาด้วยคำว่าแต่งงาน หากทว่ามันกลับให้อิสระแก่ผม อิสระที่ผมร่ำร้องมาโดยตลอด และคนที่มอบมันให้ผมก็คือคนคนเดียวกับที่รัดตรึงผมด้วยโซ่เส้นนั้นนั่นแหละ
.
.
.
แกร๊ก…
ตีหนึ่งยี่สิบนาทีผมผละจากพี่น้องร่วมสายเลือดกลับมาที่ห้องพัก ตอนแรกตั้งใจว่าจะนอนรวมกับพวกนั้น แต่ไม่รู้ทำไมสองเท้ามันกลับเดินขึ้นมาชั้นสวีทเสียได้ คีย์การ์ดในมือถูกโยนลงบนโต๊ะพร้อมโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ ผมมองไปทางห้องนอนที่ปิดไฟมืดสนิท เธอคงหลับไปสักพักแล้ว ช่างเหอะ ผมก็ไม่ได้คิดจะนอนร่วมเตียงด้วยอยู่แล้ว
สองเท้าเดินมาทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวใหญ่ เอนร่างนอนพิงอย่างเหนื่อยล้า สองตาหลับพริ้มก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์เข้มข้นในเลือด
ขณะนั้น… ผมฝันประหลาด…
สัมผัสอบอุ่นและอ่อนนุ่มราวขนนกข้างแก้มเรียกใบหน้าผมเอนซบอย่างโหยหา ความอุ่นกายสบายใจแล่นวาบเข้ามาในห้วงฝัน ผมรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังหลับฝันดีในรอบสิบกว่าปี ไม่รู้ว่าครั้งสุดท้ายที่ได้นอนหลับสนิทขนาดนี้มันผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว แถมยังหลับสบายจนไม่อยากจะตื่นเลยด้วยซ้ำ
อะไรกันนะ… ความรู้สึกอบอุ่นหัวใจแบบนี้…
.
.
.
ดวงตาหวานสั่นน้อย ๆ ยามมือบางถูกใบหน้าหล่ออิงซบ ก่อนนี้เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงปิดประตู เมื่อเดินออกมาก็พบกับร่างสูงกำลังนอนขดตัวอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ เธอเดินกลับเข้าห้องนอนหยิบผ้านวมออกมาคลุมร่างหนาซึ่งโผเข้าหาความอบอุ่นแทบจะทันที
ตอนแรกแม้จะกลัวว่าอาจทำให้เขาตื่น แต่พอเห็นว่าคนเมาหลับลึก เธอจึงนั่งยอง ๆ บนพื้นด้านหน้าโซฟา ระดับสายตาอยู่ตรงกับดวงหน้าหล่อร้าย มือบางเผลอเอื้อมสัมผัสข้างแก้มสากไปด้วยไรเคราเบา ๆ เธอสะดุ้งนิด ๆ ในตอนที่เขาเอียงหน้าซบฝ่ามือเล็ก ราวกับกำลังโหยหาความอบอุ่น
หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักดั่งกลองระรัว สองตาจับจ้องใบหน้าของคนใจร้ายยามหลับใหลด้วยความรู้สึกแสนคิดถึง
หากตัดสีหน้าเย็นชาและแววตาไร้ความรู้สึกของเขาออกไปได้ก็คงจะดี… ผู้ชายคนนี้ก็คงจะกลับมาเป็นพี่ชายที่แสนใจดีของเธอเหมือนเดิม
พี่ชายที่เป็นรักแรกและรักเดียวของเธอ…