EP.01 [Wedding]

1444 Words
การแต่งงานคือความฝันของผู้หญิงทุกคน การได้ใส่ชุดเจ้าสาวสีขาวสวย ๆ ราวกับเจ้าหญิง ได้เดินบน Virgin Road ท่ามกลางกลีบดอกไม้โปรยปรายราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์ ระหว่างทางคลาคล่ำไปด้วยแขกเหรื่อนับร้อยนับพันที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในการสาบานรักของคู่บ่าวสาว และ... ณ สุดปลายทางทอดยาวหน้าแท่นพิธี ยังมีเจ้าบ่าวในชุดทักซิโด้สีขาวราวกับเจ้าชายกำลังยืนมองมาด้วยสายตาหวานซึ้งชวนหัวใจสั่น นั่นคือความฝันแสนหวานของผู้หญิงทุกคน... รวมถึงฉันด้วย แต่... “นี่มันอะไรกันคะปะป๊า ทำไมไม่มีแขกเลยล่ะคะ?” ภาพของโบสถ์หรูหราประดับประดาไปด้วยดอกไม้สวยงามแบบฉบับที่ฉันใฝ่ฝันมาตลอดปรากฏขึ้นตรงหน้าเมื่อบานประตูโบสถ์เปิดออก บนทางทอดยาวเต็มไปด้วยกลีบดอกไม้หลากสีโปรยปรายลงมาเมื่อฉันย่างเท้าเดินพร้อมกับคุณพ่อสุดที่รักผู้ทำหน้าที่ส่งตัวเจ้าสาว ทุกอย่างมันเหมือนจะดี... ถ้าไม่ติดตรงที่ทั้งสองฝั่งข้างทางไร้ผู้คนจนน่าวังเวงขนาดนี้?! ฉันเดินบน Virgin Road ด้วยความรู้สึกสับสน ก่อนหน้านี้ฉันยังตื่นเต้นดีใจ หัวใจพองโตจนนอนไม่หลับทั้งคืน ฉันรอเวลานี้มีสิบสองปีเต็ม ๆ นะ แต่ทำไม... ความคิดมากมายในหัวหยุดลงเมื่อเราสองพ่อลูกเดินมาหยุดยืนหน้าแท่นพิธี ฉันละสายตาจากสิ่งรอบตัวกลับมาที่ร่างสูงตรงหน้า “...” เกิดความเงียบงันขึ้นชั่วขณะ ภาพของเจ้าบ่าวในชุดสีขาวราวกับเจ้าชายในฝันถูกทำลายและซ้อนทับด้วยผู้ชายร่างสูงในชุดทักซิโด้สีดำสนิท ใบหน้าหล่อเหลาที่ฉันหลงรักมาตลอดสิบกว่าปีเรียบเฉย ไร้ความรู้สึกอื่นใดบนสีหน้าของเขา ดวงตาคมเข้มราวราชสีห์จ้องมองฉันเพียงแวบเดียวก่อนยื่นมือออกมาด้านหน้า “ฝากแก้วตาดวงใจของอาด้วยนะไรม์” คุณพ่อวางมือฉันลงบนฝ่ามือหนา ท่านหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำตาน้อย ๆ ก่อนถอยหลังกลับไปยืนพร้อมคนอื่น ๆ ซึ่งในโบสถ์แห่งนี้นอกจากเจ้าบ่าวและเจ้าสาว ยังมีครอบครัวฝั่งเจ้าบ่าวอีกสี่คน ส่วนฝั่งเจ้าสาวนั้นมีเพียงคนสนิทของพ่อและแม่นมของฉันเท่านั้น กึก ฉันหันมองร่างสูงข้างกายด้วยสีหน้าฉงน ‘พี่ไรม์’ บีบมือฉันเป็นเชิงสั่งกลาย ๆ ว่าเลิกสนใจเรื่องไม่เป็นเรื่องสักที ฉันจึงหันหน้าไปทางแท่นพิธีเพื่อรับฟังบาทหลวงเริ่มพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ “เชิญเจ้าบ่าวและเจ้าสาวกล่าวคำปฏิญาณ” “ผม... นายรามสูร ขอรับนางสาวละอองฟองเป็นภรรยา” น้ำเสียงราบเรียบของพี่ไรม์ดังก้องไปทั่วทั้งโบสถ์ ฉันยืนก้มหน้ามองแท่นพิธีเพื่อรอฟังคำสาบานนั้นอย่างตั้งใจ “ผมสาบานว่าจะซื่อสัตย์ต่อภรรยาทั้งในยามสุขยามทุกข์ ในยามป่วยไข้และยามสบายดี จะรักและให้เกียรติภรรยาจนกว่าชีวิตจะหาไม่” หัวใจฉันสั่นไหวรุนแรงยามได้ฟังคำปฏิญาณของเขาจนจบ ความปรีติยินดีเอ่อล้นจนน้ำตาแทบจะไหล นี่คือสิ่งที่ฉันเฝ้าใฝ่ฝันมาโดยตลอด ในที่สุดวันนี้ฉันก็ได้มายืนเคียงข้างผู้ชายที่ฉันรักมากที่สุดจริง ๆ “ฉัน... นางสาวละอองฟอง ขอรับนายรามสูร เป็นสามี” รู้สึกได้ถึงน้ำเสียงตัวเองที่กำลังสั่นเครือ ฉันพยายามห้ามน้ำตาไม่ให้มันไหลออกมาให้เสียเรื่อง "ฉันสาบานว่าจะซื่อสัตย์ต่อสามีทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ในยามป่วยไข้และยามสบายดี จะรักและให้เกียรติสามีจนกว่าชีวิตจะหาไม่” “เชิญเจ้าบ่าวและเจ้าสาวสวมแหวนให้กัน” ฉันหันกลับมาเผชิญหน้ากับเจ้าบ่าวผู้เป็นรักแรกและรักเดียวของฉัน เป็นเวลาสิบกว่าปีที่ฉันไม่ได้พบหน้าเขาตรง ๆ แบบนี้ ไม่เคยแม้แต่ได้มองหน้าเขาใกล้ ๆ เช่นนี้มาก่อน เขา... เติบโตมาอย่างดีจริง ๆ เป็นผู้ชายที่หล่อเหลาและเพียบพร้อม ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะได้เป็นภรรยาของผู้ชายคนนี้จริง ๆ แหวนแต่งงานเกลี้ยงเกลาเงาวิบวับถูกสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของฉัน ฉันจ้องมันด้วยความตื้นตันใจ นี่เป็นแหวนที่ฉันเลือกมาด้วยตัวเอง ฉันเลือกแบบธรรมดา ๆ มาเพราะอยากจะสวมมันตลอดเวลา แหวนของพี่ไรม์ก็เช่นกัน ฉันสวมแหวนให้เขาพลางขยับยิ้มพึงใจ พี่ไรม์ใส่มันได้พอดีจริง ๆ เพราะเขาไม่ได้ไปช่วยฉันเลือกแหวน มีเพียงไซซ์ที่บอกผ่านมาอีกที ฉันจึงต้องมาคอยลุ้นเอาหน้างานแบบนี้ “เชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวจูบสาบาน” อ่า... มาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้วสินะ ผ้าคลุมหน้าถูกเปิดออกช้า ๆ ฉันเงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาสีสนิม แววตาคมเรียบเฉยไร้ความรู้สึกต่างจากฉันที่ตื่นเต้นจนตัวสั่นไปหมด แม้จะรู้สึกแปลกใจกับสีหน้าท่าทางและแววตาของพี่ไรม์ แต่ฉันก็มองข้ามมันไปเพราะเข้าใจว่าเขาคงจะเหนื่อย โดยไม่รู้ตัวเลยว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าฉันตอนนี้.... เขาไม่ใช่พี่ไรม์ที่แสนดีของฉันอีกต่อไปแล้ว สัมผัสเบา ๆ แตะเพียงเล็กน้อยบนริมฝีปากเรียกสติฉันให้กลับมา พี่ไรม์ถอนใบหน้าออกห่างแล้วมองไปทางอื่น เสียงปรบมือดังขึ้นเพื่อยืนยันว่าพิธีแต่งงานอันศักดิ์สิทธิ์จบลงแล้ว ขณะที่ฉันยืนนิ่งค้าง นี่มันอะไรกันนะ... ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด . . . หลังจดทะเบียนสมรสเสร็จพวกเราก็ถูกพามาที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตรงหน้าฉันคือบ้านเดี่ยวสองชั้นสีขาวสไตล์ยุโรป เป็นแบบบ้านในฝันที่ฉันเคยวาดแปลนเล่น ๆ เมื่อปีก่อน ไม่คิดว่าพ่อจะนำมันมาปรับเปลี่ยนและสร้างให้ฉันจริง ๆ “ปะป๊า...” ชายวัยกลางคนส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ ฉันโผเข้ากอดท่านด้วยความรักสุดหัวใจ ความรู้สึกใจหายที่จะไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนวันวานรื้นน้ำตาใสหยดลงข้างแก้ม “ฟองรักปะป๊าที่สุดในโลกเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ ฮึก” “ขี้แยอีกแล้วลูกสาวป๊า ลูกแต่งงานแล้วนะ ต่อไปนี้ต้องดูแลตัวเองให้ดี อย่างอแง อย่าดื้อ จงเป็นภรรยาที่ดีของสามีนะลูก ฟืด!” เสียงสูดน้ำมูกของคุณพ่อเรียกรอยยิ้มขำจากฉัน ท่านพยายามทำตัวเข้มแข็งทั้งที่ตัวเองอาการหนักกว่าฉันซะอีก “ส่วนนี่เป็นของขวัญจากพ่อกับแม่จ้ะ” แม่นารินกับลุงภาค พ่อแม่ของพี่ไรม์ยื่นบางสิ่งให้ลูกชาย ฉันผละออกจากอ้อมกอดคุณพ่อเพื่อมองสิ่งนั้น มันคือกุญแจรถยนต์... “อยากได้มานานแล้วไม่ใช่เหรอไอ้เสือ นั่นรุ่นลิมิเต็ดเลยนะ” พี่ร๊อค พี่ชายคนโตของพี่ไรม์ชี้นิ้วโป้งไปทางโรงจอดรถหน้าบ้าน ฉันอ้าปากค้างนิด ๆ เมื่อเห็นรถสปอร์ตสีเทาเมทาลิคคันหรูจอดอยู่ในนั้น “ขอบคุณฮะ” พี่ไรม์รับกุญแจแล้วมองไปทางรถตาวาว เป็นการแสดงออกทางสีหน้าครั้งแรกนับตั้งแต่ฉันกลับมาพบเขาอีกครั้ง ร่างสูงเดินเข้าบ้านเหมือนลืมตัวก่อนจะหันกลับมาแล้วโค้งให้พ่อของฉัน “ขอบคุณคุณอาที่มอบความไว้วางใจให้ผมด้วยครับ” “ไม่ต้องเกรงใจหรอก ตอนนี้เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะไรม์ ยังไงอาก็ฝากน้องด้วยนะ” คุณพ่อแตะหลังฉันเพื่อให้เดินเข้าไปหาพี่ไรม์ซึ่งยืนอยู่ในอาณาเขตบ้านแล้ว ฉันเหลียวมองท่านเล็กน้อย หัวใจมันแกว่งโหว่งไปหมด เพราะเมื่อฉันก้าวผ่านเขตประตูนี้ไป ฉันจะไม่ใช่ลูกสาวตัวน้อยของคุณพ่ออีกแล้ว “มาสิ” พี่ไรม์ยกมือขึ้นเพื่อรอรับมือของฉัน ฉันจ้องฝ่ามือหนาครู่หนึ่ง นี่คือสิ่งที่ฉันใฝ่ฝันมาตลอดไม่ใช่เหรอ... ฉันฝึกฝนตัวเองอย่างหนักเพื่อวันหนึ่งจะได้เป็นภรรยาที่สมบูรณ์แบบให้กับผู้ชายคนนี้ ฉะนั้น... ไม่จำเป็นที่ฉันจะต้องลังเลอะไรอีกแล้ว เพราะจากนี้และตลอดไป... ผู้ชายคนนี้คือสามีของฉัน และฉันคือภรรยาของเขา เราจะเป็นของกันและกัน...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD