ตอนที่ ๒
กลับบ้าน!
“มองหน้าฉันทำไมไม่ทราบ!” ดาราสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจที่เด็กสาวใบหน้าละอ่อนกว่าตนเอง แถมสวยและน่ารักเหมือนตุ๊กตา ยิ่งได้มองดวงตากลมโตยิ่งทำให้ไม่อาจละสายตาออกไปจากเด็กสาวได้
“เพราะพี่สวยไงคะ หนูถึงมอง” เมื่อได้ยินคำพูดของลิเลียนสีหน้าของดาราสาวจึงได้เปลี่ยนไป
“อยากได้ลายเซ็นของพี่ไหม” น้ำเสียงที่ไม่พอใจกลับกลายเป็นมิตรขึ้นมา “ว่าแต่หนูเป็นอะไรกับเจ้าของบ้านหลังนี้เหรอ”
“คู่หมั้นค่ะ” เด็กสาวตอบอย่างตรงไปตรงมา
“คุณมาก็ดีแล้ว” เธอหันมองไปทางวาดิมที่เดินเข้ามาในห้องรับแขกพร้อมกับชุดคลุมสีดำ สายตาคมกวาดมองไปยังเด็กสาวที่นั่งจ้องตามาทางเขา
ไม่คิดว่าลิเลียนจะโตขึ้นมากขนาดนี้ จากเด็กที่แก่นแก้วเหมือนม้าดีดกะโหลกตัดผมซอยสั้นเหมือนเด็กผู้ชายในวันวาน จะสวยสดงดงามจนเขาไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้
“วาดิมคุณได้ยินที่ฉันพูดหรือเปล่าคะ” มือที่กำลังเกาะเกี่ยวลำแขนใหญ่เอาไว้เขย่าให้อีกคนสนใจคำถามที่ถามออกไป “ฉันถามว่าเด็กคนนี้เป็นคู่หมั้นของคุณจริงเหรอคะ”
“เปล่า” เขาตอบกลับอย่างเย็นชา สีหน้าของลิเลียนเหยียดยิ้มก่อนที่จะลุกขึ้นยืน
“ก็ดี เมื่อพูดมาแบบนี้แล้ว ก็ช่วยเซ็นยกเลิกสัญญาหมั้นด้วยนะคะ” เธอยิ้มอย่างดีใจที่วาดิมไม่ยอมรับเรื่องสัญญาหมั้นหมายที่เกิดขึ้น “ฉันจะส่งเอกสารไปให้ อย่าลืมจัดการให้เรียบร้อยภายในสามวันด้วยนะคะ ขอให้คุณทั้งสองมีความสุขมาก ๆ นะคะ”
“......” วาดิมได้แต่มองใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างดีใจ ที่จะได้ยกเลิกสัญญาหมั้นหมายระหว่างเขาและเธอ
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ วาดิม” หญิงสาวเขย่าแขนของเขาอีกครั้ง “เรื่องหมั้นคือเรื่องจริงเหรอคะ” เธอตั้งคำถามกับเขาอีกครั้ง
“วันนี้กลับไปก่อน ฉันยังมีธุระค่าเสียเวลาเดี๋ยวคนของฉันจะจัดการให้” ชายหนุ่มดึงแขนออกจากการเกาะกุมแล้วเดินขึ้นมาบนห้องเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่
ใบหน้าของลิเลียนยังคงชัดเจนอยู่ในความคิด ไม่ว่าจะทำอะไรเรื่องของเธอยังคอยวนเวียนเข้ามาในสมองให้นึกถึงคำพูดสีหน้า แต่ทำไมถึงได้ขัดใจเขานัก คิดจะมาก็มาคิดจะไปก็ไปเหมือนกับตอนนั้นได้นะหรืออย่าได้หวัง...
“เอารถออก ตอนนี้ลิเลียนอยู่ที่ไหน” วาดิมเดินลงมาจากห้องด้านบนเอ่ยถามบรูโน่ที่นั่งอยู่เก้าอี้ประจำที่เคยนั่งทำงานของเขา
“ครับ” เขารับคำสั่งอย่างรวดเร็ว “นายไม่ให้ผมขับรถให้เหรอครับ”
“ไม่ต้องอย่าลืมส่งพิกัดของลิเลียนเข้ามือถือด้วย” เขาคว้าเอากุญแจรถยนต์จากมือของบรูโน่ ก่อนขับไปตามถนนใหญ่มุ่งสู่เส้นทางสายหลังของเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยรถรามากมายในยามค่ำคืน
รถสปอร์ตสีดำที่ผลิตเพียงสิบคันในโลกจอดนิ่งที่หน้ากาสิโนแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นธุรกิจอีกอย่างที่อยู่ในมือของวาดิม ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจถูกกฎหมายหรือผิดกฎหมายเขาก็มีหมด ในปีปีหนึ่งเงินหมุนเวียนในบัญชีมีมากกว่าพันล้าน และเขายังเป็นเจ้าของธนาคารหลายแห่งด้วยเช่นกัน
“ช่วงนี้เป็นไง” ชายหนุ่มเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะทำงานของผู้จัดการที่เขาไว้เนื้อเชื่อใจให้บริหารงานแทนตนเอง นาน ๆ ถึงจะเดินทางมาเยี่ยมเยียนในที่แห่งนี้
“ลูกค้าเยอะขึ้นครับ ส่วนมากจะเป็นลูกค้ามาจากต่างประเทศขาจรมากกว่าขาประจำครับ”
“แล้วคลับเป็นยังไง” ที่จริงแล้ววาดิมไม่จำเป็นต้องถามเรื่องพวกนี้ เพราะเขาได้รับรายงานประจำสัปดาห์จากงานทุกอย่างที่เขาลงทุนอยู่ เมื่อมาแล้วก็แค่ถามให้ดูเป็นการเป็นงานก็เท่านั้น
“มีการต่อเติมเพิ่มครับ อย่างที่ผมรายงานไป นายจะไปดูหน่อยไหมครับวันนี้คนไม่มากเพราะมีลูกค้าเหมาจัดงานวันเกิดครับ” เมื่อเอ่ยแล้วจึงเดินนำทางเพราะคลับที่กล่าวนั้นอยู่ติดกับกาสิโนไม่ห่างแค่ห้าร้อยเมตรเท่านั้น
การ์ดด้านหน้าก้มศีรษะลงในทันทีเมื่อมองเห็นผู้จัดการร้าน และมองเห็นคนที่เดินตามหลังมาถึงกับก้มหน้านิ่งพร้อมกลั้นหายใจไปชั่วขณะ สายตาคมจ้องมองชายร่างสูงใหญ่เพียงผ่านแล้วเดินเข้ามาด้านใน
“ทำไมมีแต่เด็ก?” เขาถามอย่างสงสัย ก่อนดันลิ้นเข้ากระพุ้งแก้ม
“อายุครบกำหนดกันแล้วนะครับ ผมให้การ์ดตรวจอย่างเข้มงวดเป็นเด็กมหาลัยครับ” เขายิ้มเจื่อนเล็กน้อยวันนี้ยังไม่ได้เดินมาดูงานทางคลับเพราะเห็นว่ามีลูกค้าไม่มาก
“ไล่คนที่ทำหน้าที่ตรวจบัตรออกซะ” วาดิมจ้องมองไปยังหญิงสาวคนหนึ่ง ก่อนเดินฝ่าฝูงกลุ่มคนเข้าไปด้านใน
“เอ้าชน!” เสียงสูงเล็กมือบางกำลังจับแก้วแชมเปญขึ้นสูงแล้วยกขึ้นดื่ม ร่างกายส่ายไปตามบทเพลงที่กำลังดังอย่างเมามัน ก่อนที่มือนั้นจะถูกคว้าเอาไว้
เจ้าของร่างเล็กทำสีหน้าไม่พอใจก่อนหันไปมองพร้อมกำลังอ้าปากด่าไอ้คนที่มันกล้ามาแตะเนื้อต้องตัวของเธอ พอเห็นว่าเป็นใครมือที่ถือแก้วอ่อนแรงไปดื้อ ๆ จนแก้วนั้นตกลงพื้นแตกกระจาย
“คุณอารู้ไหมว่ามาเที่ยว” เขาคำรามอยู่ในลำคอ คนตรงหน้าคงไม่มีวันได้ยินเพราะเสียงเพลงที่ดัง
“ปล่อย!” เธอดึงมือออกจากมือใหญ่ วาดิมดึงเธอให้ออกเดินมายังด้านหน้าของคลับ ก่อนที่จะปล่อยมือของลิเลียนแล้วหันหน้าไปคุยกับเธอ แต่ไม่ทันได้พูดอะไรเด็กสาวก็เตรียมตัวจะวิ่งกลับเข้าไปในคลับตามเดิม
“จะไปไหน” เขาคว้าคอเสื้อด้านหลังเอาไว้อย่างเฉียดฉิว หิ้วให้เธอหันมองมาที่ตัวเองแล้วยกยิ้มมุมปาก เหมือนกำลังหิ้วตุ๊กตาหมีตัวน้อย
“ยุ่งอะไร” เธอทำสีหน้าไม่พอใจดิ้นไปมาให้เขาปล่อยมือออกจากคอเสื้อยืดแขนกุดเอวลอย หากเขายังไม่ปล่อยเสื้อคงได้รั้งขึ้นมาจนเห็นบราสีหวานของเธอเป็นแน่ “ปล่อยนะ!!”
“พูดอีกที” เขายังคงไม่ปล่อยมือออกจากคอเสื้อ “ทำไมกลัวหรือไง” ลิเลียนมองใบหน้าของวาดิม ในตอนนี้เหมือนเขากำลังโกรธ เด็กสาวทำได้เพียงชักสีหน้าไม่ยอมพูดซ้ำคำเดิม
หากย้อนเวลาไปตอนที่อายุสี่ขวบวาดิมก็คือรักครั้งแรกของเธอ และในวัยแรกแย้มที่มักเพ้อฝันถึงความรักเจ้าหญิงและเจ้าชาย ในชีวิตนี้ผู้ชายที่ทำให้ลิเลียนใจเต้นแรงได้คงมีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น ในตอนเด็กที่จำความได้เขามักยิ้มให้อย่างอบอุ่นมือใหญ่ที่คอยลูบลงมาที่ศีรษะทำให้เด็กสาวรู้สึกดีทุกครั้ง
จนกระทั่งอายุสิบสามปีได้ไปรบเร้าขอแต่งงานกับวาดิม แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจแถมยังหัวเราะใส่แล้วเดินหนี สุดท้ายเธอก็เข้าหารอนนี่ด้วยการบอกว่าจะทำสัญญาหมั้นหมายว่าโตขึ้นเธอจะแต่งงานกับเขา ผู้ใหญ่ทั้งสองครอบครัวต่างหัวเราะให้กับความดื้อรั้นของลิเลียนสุดท้ายก็ยอมเซ็นสัญญาเด็ก ๆ เหมือนเล่นขายของ
สัญญาเด็กที่ทำขึ้นทำให้ลิเลียนประกาศตัวเองต่อหน้าคนอื่น ๆ ว่าเป็นคู่หมั้นของวาดิม เธอวิ่งตามเขาไปทุกที่ผู้หญิงคนไหนอย่าหวังจะได้เข้าใกล้ จนสุดท้ายวาดิมไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ และในวันนั้นก็เป็นวันสุดท้ายที่เธอวิ่งตามก้นของรักแรก
วันนั้นคือวันคริสต์มาสเด็กสาวเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาหาวาดิมที่เมืองไทย เพราะเขาเดินทางมาท่องเที่ยวกับเพื่อนและพักผ่อนอยู่ที่นี่หลายเดือน แต่เพราะมันคือวันเกิดของชายหนุ่มจึงตั้งใจมาจัดเซอร์ไพรส์แต่ตัวเองกลับได้เซอร์ไพรส์ที่ใหญ่กว่า นั้นก็คือ...เขากำลังจูบอย่างดูดดื่มกับผู้หญิงผิวสีแทนคนหนึ่ง
ทั้งที่รู้ว่าเธอกำลังยืนมองอยู่มือที่ถือเค้กก้อนใหญ่มันสั่นจนประคองเอาไว้ไม่อยู่ร่วงลงสู้พื้น แต่วาดิมก็ยังคงไม่ใส่ใจแถมใช้สายตามองมาที่เธออย่างเย็นชา สุดท้ายก็เป็นเธอเองที่ทนเห็นภาพบาดตาบาดใจนั้นไม่ได้ กว่าจะทำใจยอมรับความจริงได้นั้นก็นานนับปี
เด็กสาวหลบหน้าไม่ติดต่อกับเขาอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น กลับมาใช้ชีวิตสาวน้อยในรั้วมหาลัยมีผู้ชายตามจีบจนแทบจะเดินชนกัน สุดท้ายลิเลียนก็ไม่ได้เปิดใจให้ใครเพราะเธอกลัวการที่จะรักใครแล้วต้องเสียใจเหมือนครั้งก่อน
แต่แล้วไม่รู้ทำไมสัญญาเด็กน้อย นั้นถึงได้มีผลเป็นสัญญาจริงได้ เมื่อรอนนี่ร้องถามถึงสัญญาหมั้นหมายมาทางพ่อของเธอ จึงได้เกิดเป็นเรื่องราวอย่างวันนี้ สุดท้ายวาดิมก็ยังคงไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนอยู่ดี คงดีใจมากที่สัญญาหมั้นจะถูกยกเลิกเธอเองก็คงไม่เอาชีวิตไปแขวนเอาไว้กับผู้ชายที่ไม่เคยจะชายตามองและสนใจความรู้สึกของเธอสักครั้งเช่นเดียวกัน