“อ่อ… ค่ะยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” ฟ้ายิ้มให้ก่อนยกแก้วขึ้นมาจิบแก้ประหม่าอีกครั้ง
“ไอ้ปาง! โทรหาไอ้ศรัณย์ทีดิ ให้มันหาห้องพักรายวันให้น้องเขาทีเอาถูกและดีนะ ไม่ใกล้จากที่นี่ด้วยมึง เดี๋ยวกูไปโทรถามพี่กูด้วย” ชาลีสั่งเพื่อนเสียงแข็ง ก่อนตัวเองจะเดินไปหลังร้านเพื่อคุยโทรศัพท์กับใครสักคนส่วนปางก็ออกไปโทรหาคนที่ชื่อ ศรันย์ ด้านนอกร้าน
ฟ้านั่งเงียบมองน้ำมะนาวโซดาในมือด้วยความกังวลใจ บีมเพื่อนคนหนึ่งของชาลีที่นั่งอยู่กลุ่มเดียวกับชายฉกรรจ์ลุกขึ้น ก่อนจะเดินมานั่งข้างฟ้า
ด้วยท่าทีลั้นลา
“มาเที่ยวคนเดียวแบบนี้ แฟนไม่หวงหรอครับ” บีมถามด้วยเสียงกรุ้มกริ่ม
“ฟ้าไม่มีแฟนหรอกค่ะ” ฟ้าตอบด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายปนเศร้าเล็กน้อย
“อะไรครับเนี่ย… น้องออกจะหน้าตาน่ารัก หุ่นก็ดูมีน้ำมีนวลกำลังดีตาก็โต จมูกก็กำลังดี ปากอวบๆ น่ารักดี แต่ไม่มีคนสนใจได้ไง โกหกพี่หรือเปล่า” บีมพูดพร้อมยิ้มมุมปาก
“ไม่มีจริงๆ ค่ะ” ฟ้ายืนยันความโสดที่มีมาตลอดยี่สิบปีอีกครั้งพร้อมเสียงแข็ง
“ครับๆ ไม่มีครับ แล้วทำไมมาเที่ยวคนเดียวละ ไม่ชวนเพื่อนมาด้วย” บีมทำเสียงอ่อย
“อ้อ… พอดีเพื่อนทุกคนเขามีธุระกันหมด ฟ้าเลยมาคนเดียวค่ะ”ฟ้าตอบอย่างประหม่า
“แล้วจะพักกี่วันละ คนน่ารักๆ มาแบบนี้แม่ไม่ว่าแย่หรอครับ”หนุ่มเจ้าพยายามถามต่อ
“คุณแม่ก็มีว่าบ้างนิดหน่อยละค่ะ ส่วนมาเที่ยวฟ้าก็ว่าจะพักที่นี่คืนหนึ่ง แล้วค่อยไปหาจุดกางเต็นท์เอาน่ะค่ะ”
ฟ้าตอบพร้อมกับสงสัยที่ชายหนุ่มคนนี้จะถามทำไมหนักหนา ตอนนั้นเองที่ชาลีเดินออกมาจากหลังร้าน พร้อมถามปาง
“ปาง ไอ้ศรันย์โทรกลับมายัง” ชาลีถามอย่างสงสัย
“ยัง..” ปางตอบเนือยๆ
“พี่กูเขาบอกว่ามันมีอยู่นะ แต่กูว่ามันไกลไปหน่อย”
เสียงรอสายโทรศัพท์ของปางดังขึ้น หน้าจอขึ้นชื่อว่า ศรันย์
“ว่าไง มึงมีที่ไหนบ้าง” ปางถามอีกคนด้วยเสียงห้วน
“อ้อ.. เออเคๆ มึงขอบใจ” พูดเสร็จปางก็วางสายทันที
“ไอ้ชาลี หาห้องพักให้น้องฟ้าได้แหละ อยู่ตรงสามแยกใกล้ๆ ติดกับร้านขายขนมป้าคำปองนี่เอง เห็นว่าเปิดใหม่เลยมีโปรโมชั่นลดราคา แต่ใคร
จะเป็นคน…” ปางยังพูดไม่ทันขาดคำ บีมก็สวนขึ้นมาทันที
“กูเองเดี๋ยวกูไปส่งน้องเขาเอง!” บีมรีบอาสาทันทีทันใด
“พอเลยมึง เจอสาวในสเปคเป็นไม่ได้เลย” ปางทำเข้มอย่างจริงจัง
“ไม่ต้องๆ เลยมึงอะ มึงนี้ไม่น่าไว้ใจสุดละไอ้บีม” ชาลีพูดเสริมด้วยอีกแรงก่อนที่จะเป็นคนอาสาเอง
“งั้นน้องฟ้าเดี๋ยวพี่ไปส่งเอง แต่ขอปิดร้านก่อนแป๊บหนึ่งนะ” ชาลีบอกกลับพลางหยิบนั่นนี่เข้าลิ้นชักเก็บของ
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ชาลี บอกทางฟ้ามาก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฟ้าไปเอง เท่านี้ก็เกรงใจจะแย่แล้วค่ะ” ฟ้ารีบกล่าวเสียงอ่อนด้วยความเกรงใจอีกฝ่าย
“ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เอง อีกอย่างเจ้าบ้านจะปล่อยให้แขกเดินหลงทางในบ้านตัวเองได้ยังไง” ชาลีเงยหน้ามาขึ้นมายิ้มให้ฟ้าอย่างเป็นมิตร
“เออ.. คือ.. งั้นขอบคุณมากๆ ค่ะ” ฟ้ากล่าวขอบคุณพร้อมยกมือขึ้นมาไหว้
“เออ.. ไม่เป็นไร ไม่ต้องไหว้! อายุเราน่าจะห่างกันไม่มากหรอก” ชาลีรีบพูดพร้อมโบกมือบอกฟ้าเป็นภาษากายว่าไม่เป็นไร
“ไอ้ชาลีดีใจหน่อยดิมึง น้องเขาไหว้ซะสวยขนาดนี้เลย ฮ่า ฮ่า” ปางแซว
“ดีใจด้วยนะเพื่อน ในที่สุดก็มีคนมาเคารพมึงแล้ว” บีมรีบสมทบปางต่อทันที
“พวกมึงนี่แม่ง! เห็นน้องฟ้าไหมทำหน้าเลิ่กลั่กหมดแล้ว” ชาลีหันไปดุเพื่อนๆ ก่อนจะหันมายิ้มให้ฟ้า ที่ตอนนี้ทำหน้าเลิ่กลั่กได้น่ารักสุดๆ
ปัง! เสียงประตูม้วนเหล็กหน้าร้านถูกเลื่อนลงมาปิด แล้วล็อคด้วยแม่กุญแจอีกที เพื่อนๆ คนอื่นของชาลีก็พากันกลับไปหมดแล้ว แต่ก่อนกลับฟ้าสังเกตเห็นคนที่ชื่อ ทีน มองเธอด้วยสายตาแปลกๆ ที่ฟ้าก็ไม่เข้าใจ ทั้งๆที่ตอนอยู่ในร้านก็ไม่พูดกับเธอเลยสักคำ ผิดจากคนอื่น ๆ ที่ดูจะใจดีกับเธอมากๆ
แต่ถึงฟ้าจะรู้สึกอย่างนั้นแต่ก็ต้องสลัดความคิดนี้ทิ้งเนื่องด้วยเวลาในตอนนี้ก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนแล้ว เธอไม่มีเวลาให้มาคิดเรื่องอื่น เรื่องที่เธอต้องคิดตอนนี้คือ เธอต้องรีบไปถึงห้องพักให้ได้เร็วๆ จะได้รีบๆ ออกจากสถานการณ์ที่แสนอึดอัดนี้เสียที
“ทางนี้ เดินตามพี่มา ไม่นานก็ถึงแล้วประมาณ20นาที” ชาลีพูดพร้อมก้าวเท้าเดินนำฟ้าไปก่อน
“ค่ะพี่ชาลี” ฟ้ารีบก้าวเท้าตามไปติดๆ
“เอ่อ… ฟ้า พี่ได้ยินที่ฟ้าคุยกับบีมว่าฟ้าเที่ยวคนเดียวเพราะเพื่อนๆไม่ว่าง แล้วฟ้าไม่มีพี่น้องหรอ ทำไมไม่ชวนมา” ชาลีเอ่ยถามก็ด้วยหวังว่าจะ
ทำลายบรรยากาศที่เงียบเชียบนี้
“ฟ้ามีพี่น้องค่ะ แต่ก็ไม่มีใครมาได้เหมือนกัน พี่สาวฟ้าต้องเรียนรู้งานต่อจากคุณแม่ ส่วนน้องสาวก็ยังเรียน ม.ปลายค่ะ” ฟ้าตอบอย่างไม่คิดอะไร
“ที่บ้านฟ้ามีธุรกิจครอบครัวด้วยหรอ เท่จังเลยนะ” ชาลีถามด้วยท่าทางร่าเริงใบหน้าสงสัย
“ไม่เท่หรอกค่ะ ที่บ้านเปิดเป็นร้านของเก่าน่ะค่ะ” ฟ้าเสียงปกติ
“อ้าว.. งั้นตอนนี้ฟ้าทำงานอะไรล่ะ” ชาลีเอ่ยถามหญิงสาวพร้อมทำ
“คุณแม่วางตัวให้มาช่วยงานคุณยายน่ะค่ะ ท่านว่าจะเพาะต้นกล้าขายแล้วส่งเข้ากลับไปขายในกรุงเทพอีกทีค่ะ แต่ท่านยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะ
หาทำเลที่ไหนดี” ฟ้าก็ตอบกลับอย่างเรียบเฉยไม่คิดอะไรเช่นเดิม
“ส่งกลับเข้ากรุงเทพ แสดงว่าจะออกมาอยู่ต่างจังหวัดหรอ” ชาลีชวนคุยต่อ
“ค่ะ แต่คุณแม่ยังไม่รู้ว่าจะไปจังหวัดไหน เห็นแกว่าเบื่อกรุงเทพน่ะค่ะ”
อีกครั้งที่ฟ้าตอบอย่างไม่คิดอะไร และเธอเองก็ไม่สังเกตว่ายิ่งเดินมานานเท่าไหร่ สองข้างทางนั้นยิ่งเปล่าเปลี่ยวกว่าตอนที่เธอเดินขึ้นร้านทุกทีเพราะตึกรามบ้านช่องที่อยู่ติดกันตอนนี้เริ่มห่างกันไปทุกทีๆ ไฟที่แต่ละบ้านเคยเปิดสลัวๆ ตอนนี้ก็ปิดหมดแล้วเหลือเพียงความมืด
“แล้วฟ้าจะทำได้หรอ งานเกษตรใช้แรงหนักๆ แบบนี้ พี่ไม่ได้จะว่านะ… แต่หนูดูจ้ำม่ำนิดๆ นะ.. จะไหวหรอ” ชาลีพยายามเบี่ยงเบนความสนใจ
“ไหวค่ะ.. ฟ้าชอบงานสวนมาแต่เด็กแล้วค่ะ คุณยายเป็นคนคอยสอนน่ะค่ะ”
ฟ้าที่ยังคงจดจ่ออยู่กับการคุย แล้วก็เริ่มรู้สึกเวียนๆ หัวอย่างกะทันหัน ขาทั้งสองข้างทรุดลงกับพื้นถนนลูกรังทันที กระเป๋าลายวัวของเธอ
หล่นลงจากบ่าทันที สาวน้อยพยายามเงยหน้าอย่างช้าๆ มองหาความช่วยเหลือจากชายที่นำทางเธอ ริมฝีปากอวบพยายามอ้าปากขอความเหลือแต่กลับได้ยินประโยคอื่นแทน
“ได้เวลาพอดีเลยน้องฟ้า ยาออกฤทธิ์สักที ถึงจะนานไปหน่อยก็เถอะ แต่ช่วยรอประเดี๋ยวนะ อย่าพึ่งหลับนะ รอพวกศรันย์เอารถมารับถึง
ตอนนั้นค่อยหลับก็ได้”
ชาลีก้มหน้าพูดกับฟ้าด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานไม่เปลี่ยน ไม่มีความตื่นตระหนกตกใจแต่อย่างใด ราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขาเป็นเรื่องปกติ