บทนำและบทที่ 1 รอยจูบ (1/1)

1385 Words
ณ หมู่บ้านริมป่าใหญ่เมื่อหลายร้อยปีเคยมีตำนานเล่าถึงพญาสมิงเผือกผู้ปกปักรักษาผืนป่าแห่งนี้ไว้ทุกครั้งที่บรรดาพรานทั้งหลายจะเข้าป่าจะต้องมาทำการกราบไหว้ที่ศาลไม้เสมอเพื่อเป็นการขอขมา กระทั่งวันเวลาผ่านไป ความเจริญเริ่มเข้ามาในหมู่บ้าน ชาวบ้านเริ่ห่างไกลป่า วัยรุ่นส่วนใหญ่เริ่มออกไปหางานทำในเมืองใหญ่ ตำนานเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับในป่าเริ่มจางหายไป ผู้คนต่างพากันลืมเลือนถึงการมีอยู่ของศาลไม้ มีเพียงครอบครัวเล็กๆ ท้ายหมู่บ้านที่ยังคงคอยไปดูแลอยู่เนืองๆ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่เคยมีความใดที่เกี่ยวกับพญาสมิงเผือกหลุดออกจากปากครอบครัวนี้เลย เนื่องด้วยเป็นคำสั่งกำชับที่สมิงขาวสั่งไว้ เพราะเขาต้องการความสงบเป็นอย่างยิ่ง จนกระทั่งวันที่เขาพบหญิงสาวผู้หนึ่งที่กล้าต่อปากต่อคำแถมยังกล้าลงไม้ลงมือกับเขาอีกด้วย และรอยจูบแรกที่เธอผู้นั้นได้ขโมยมันไปจากเขาโดยที่เธอไม่รู้ตัว มันได้ฝังลึกลงในจิตใจเสือเฒ่ามากเพียงใด “เจ็ดร้อยบาทค่ะ” เสียงของพนักงานขายตั๋ว ที่กล่าวกับหญิงสาวร่างอวบผิวขาว ส่วนสูงร้อยหกสิบห้าเซนติเมตร มัดผมทรงดังโงะปัดหน้าม้า ลงเส้นผมสีน้ำตาลเข้ม ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน ริมฝีปากอวบอิ่ม จมูกโด่งนิดๆ คิ้วเรียวสวย เสื้อกล้ามสีขาวโชว์เนินอกพอเซ็กซี่ แล้วทับด้วยเสื้อยีน สร้อยคอชุบเงินจี้เป็นขนนกทอง ท่อนล่างสวมกางเกงยีนสีเข้ม รองเท้าผ้าใบสีขาว สะพายกระเป๋าเป้มีเต็นท์สีเขียวเข้มทับบนกระเป๋าอีกที เธอกล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉยเหมือนปกติของเธอ หญิงสาวเปิดกระเป๋าเงินใบเล็กสีขาวตรงกลางมีลายการ์ตูนหน้าวัวออกพร้อมหยิบธนบัตรสีแดง 7 ใบ ออกมาแล้วยื่นให้กับพนักงานพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ “นี่ค่ะพี่” เสียงหวานละมุนกล่าว ก่อนยื่นมือรับตั๋วจากพนักงานแล้วหันหน้าไปทางจุดขึ้นรถทัวร์ที่มีคนถือป้ายว่า ‘กรุงเทพ - เชียงใหม่' ฉัตรฟ้า หญิงสาวหุ่นจ้ำม่ำวัยยี่สิบสองปีที่พึ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยมาแบบหมาดๆ ได้ตัดสินใจไปเที่ยวต่างจังหวัดแบบแบกกระเป๋าเป้ใบเดียว ด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก เธอวางแผนเที่ยวเป็นเวลา สี่วัน สามคืน เพื่อฉลองการเรียนจบ ครั้งนี้เธอเลือกสถานที่เที่ยวคือจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยความชอบภูเขาป่าไม้และดอย ในคืนแรกนั้นเธอวางแผนว่าจะพักโรงแรมก่อน เนื่องจากเวลาที่เธอเลือกขึ้นรถโดยสารนั้นเป็นเวลาหกโมงเช้า เมื่อเดินทางออกจากกรุงเทพมาถึงเชียงใหม่ในระยะทางเจ็ดร้อยสิบสามกิโลเมตรก็เป็นเวลาค่ำแล้ว ทำให้เธอต้องหาห้องพักก่อนในคืนแรก ฉัตรฟ้าก้าวเท้าเดินออกจากสถานีขนส่ง บ.ข.ส. เชียงใหม่ เธอก็เดินไปตามเส้นทาง จี.พี.เอส ที่ปรากฏบนมือถือของเธอ เพื่อมุ่งหน้าไปยังโรงแรม ที่เธอจองไว้ตอนอยู่กรุงเทพ แต่ฟ้านั้นมีอาการหลงทิศที่ต่อให้มีอุปกรณ์นำทางเธอก็หลงได้อยู่ดี ประกอบกับเป็นสถานที่ไม่คุ้นเคยทำให้ฟ้ายิ่งเดินออกห่างจากโรงแรมไปมากขึ้นกว่าเดิม เวลาล่วงเลยไปจนดึก ฉัตรฟ้าก็ยังไม่เจอโรงแรมที่จองไว้ ในตอนนี้เธอเลือกที่จะมองหาห้องพักรายวันตามข้างทางที่ราคา ‘ย่อมเยา’ แทนเพราะงบของเธอที่เก็บมาจากค่าขนมนั้นมีอย่างจำกัด ฟ้าเดินไปตามทางที่ถามกับผู้คนริมถนน แต่ดูเหมือนเธอจะหลงทางหนักขึ้นไปอีก ยิ่งเดินไปเท่าไหร่สองข้างทางรอบตัวฟ้าก็ยิ่งไร้ผู้คนมากขึ้น ดูเหมือนเธอจะเดินเข้าไปในซอยเปลี่ยวที่ดูจะไม่ใช่ย่านรื่นเริงนักด้วยเวลาตอนนี้ที่เข็มสั้นของนาฬิกาชี้เลขสิบแล้ว ท้องฟ้าที่เคยเป็นสีส้มเปลี่ยนสีน้ำเงินเข้ม บ้านเรือนรอบข้างปิดสนิท มีเพียงร้านเหล้าบาร์ขนาดเล็กที่เปิดอยู่ เธอจึงตั้งใจเข้าไปถามทางอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพราะเกรงว่าตนจะหลงทางไปกว่านี้ แอ๊ด… เสียงประตูร้านถูกเปิดออก ฟ้าก้าวขาไปในร้าน สิ่งที่เธอเห็นอย่างแรกคือเคาน์เตอร์บาร์ไม้เล็กๆ ตรงข้ามกับประตู หลังบาร์มีชายร่างเล็ก ใส่เสื้อเชิ้ตน้ำเงินเข้มแล้วสวมผ้ากันเปื้อนสีดำทับ เขาน่าจะมีส่วนสูงพอๆ กับเธอ ด้านหลังชายหนุ่มมีชั้นขวดเหล้ามากมายหลากหลายแบบหลายยี่ห้อวางเรียงรายกันอย่างสวยงาม ตรงหน้าบาร์มีเก้าอี้บาร์ไม้ทรงสูงแบบ กลมหมุน ด้านซ้ายของร้านมีโต๊ะไม้สีอ่อนขนาดเล็กสองชุดตั้งอยู่ โต๊ะแรกนั้นว่างเปล่า ส่วนโต๊ะสองมีชายฉกรรจ์สามคน พวกเขาทั้งสามมีใบหน้าที่เรียกได้ว่าดูดีใช่ย่อย คนแรกดวงตาทรงอัลมอนด์ จมูกเป็นสัน ริมฝีปากล่างใหญ่ใส่เสื้อยืดสีดำสวมสร้อยคอสแตนเลส กางเกงยีนขายาวสีอ่อนขาดๆ ตัดผมเกรียน ใส่ต่างหูแบบห่วงสีเงินข้างขวา รองเท้าผ้าใบสีดำ หันหน้ามองมาทาง ฟ้าด้วยความสงสัย คนที่สองใบหน้านิ่งเฉย เข้าใช้หางตามองเธอ ตาสองชั้นหลบในจมูกโด่ง ปากบางเฉียบ ผมสีดำสนิท ไว้ทรงเปิดข้าง สวมเสื้อฮู้ดสีดำ กางเกง วอร์มสีดำเช่นกัน ใส่รองเท้าผ้าใบรุ่นยอดฮิต คนที่สามตาโตสองชั้น จมูกเรียวยาว ปากเล็ก สวมเชิ้ตขาว กางเกงขาสั้นสีดำ รองเท้าผ้าใบเสริมส้นสี ขาวเรียบง่าย สวมนาฬิกาหนังสีน้ำตาลเข้ม ไว้หน้าม้าสไตล์เกาหลี ผมสีดำชายคนนี้ดูจะดี๊ด๋าทันทีที่เห็นฟ้าเดินเข้าร้านมา เธอจึงเลือกเดินหันหลังจะเดินออกร้าน แต่ด้วยความลังเลที่กลัวว่าจะไม่มีใครให้ถามอีกแล้ว จึงหันหน้ากลับมาถามชายหลังบาร์อย่างกล้าๆ กลัวๆ “เออ… พี่ค่ะ แถวนี้มีห้องพักรายวันที่ราคาไม่แพงบางไหมคะ” ฟ้าถามอย่างเก้ๆ กังๆ แต่ สิ่งที่เจ้าของร้านตอบกลับดูจะเป็นการเชิญชวนให้ฟ้าเข้ามานั่งในร้านก่อน “อ่อ… ถ้าแถวนี้ไม่มีหรอกครับ น้องจะเข้ามาพักก่อนไหม ดูท่าจะเดินมาไกลอยู่” ชายหลังบาร์ยิ้มเล็กน้อยเขาถามต่อ “น้องมาคนเดียวหรอครับ” เขาถามเธออย่างอ่อนโยน “เอ่อ.. เอิ่ม.. คือ” ฟ้าได้แต่อ้ำอึ้ง ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี “มาคนเดียวละสิ เข้ามาพักก่อน เดี๋ยวพี่ถามเพื่อนให้ว่ามีห้องราคาถูกและดีใกล้ๆ บ้างไหม น้องเป็นผู้หญิงมาเดินดึกๆ แบบนี้คนเดียวมันอันตรายนะ” ชายร่างเล็กพยายามชวนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ฟ้าดูท่าจะเห็นด้วยกับเขา “ก็ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ” ฟ้ากล่าวพลางยิ้มน้อยๆ ฟ้าเดินเข้าไปในร้าน ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ไม้หน้าบาร์ ชายหนุ่มร่างเล็กส่งแก้วน้ำมะนาวโซดาสีใส ที่มีมะนาวแผ่นบางๆ สองแผ่นลอยประดับ ตรงขอบแก้วมีฟองเล็กๆ ด้วยความกระหายฟ้าค่อยๆ ยกแก้มขึ้นมาจิบ ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่า เธอพึ่งรับมันมาจากชายที่พึ่งเจอกัน “ชื่ออะไรละ พี่ชื่อชาลีนะ” ชายร่างเล็กหลังบาร์แนะนำตัวเอง “ชื่อฉัตรฟ้าค่ะ เรียกสั้นๆ ว่าฟ้าค่ะ” ฟ้าแนะนำตัวเองบ้าง พลางมองไปที่กลุ่มชายที่นั่งอยู่อีกโต๊ะ ชาลีเห็นฟ้าเหลือบมองแบบนั้น ก็กล่าวแนะนำเพื่อนๆ ทันที “ไม่ต้องกลัวพวกมันหรอก เพื่อนพี่เอง ว่างๆ มันก็มาอุดหนุนร้านพี่บ้าง ก็อย่างที่เห็นแถวนี้คนน้อย ลูกค้าก็มีแต่ลูกค้าประจำ ส่วนเพื่อนพี่… คน หัวโต๊ะที่ใส่เสื้อยืดสีดำชื่อ ปาง ไอ้คนใส่เสื้อฮู้ดชื่อ ทีน อีกคนที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวชื่อ บีม” ขณะที่ชาลีแนะนำ เพื่อนแต่ละคนก็ยกมือทักทายฟ้าอย่าง กันเอง ยกเว้นคนใส่ฮู้ดี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD