เมื่ออยู่ในสายตาของเขา
มันก็แน่นอนอยู่แล้ว ผู้บริหารระดับสูง ลูกชายเจ้าของบริษัทละ..จริงมั้ย ?
ขยันจับผิดเหลือเกิน..
เอาละ...
แล้วนางสาวพิมพ์ลดา พงษ์นฤบดินทร์ มาทำอะไรที่บริษัทคนอื่นกัน เรื่องราวทั้งหมดมันเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อเธอเรียนจบปริญญาโทใหม่ ๆ ดันถูกขอร้องจากใครบางคนให้มาทำงานที่นี่ ในตำแหน่งเลขาอ๊อง ๆ นี่หละ คำพูดเหมือนตลก แต่เรื่องจริงตลกไม่ออกเลย
แต่มันอ๊องจริง เรื่องนี้รับประกันได้
ภารกิจบ้าบอ ที่คนอย่างเธอไม่คิดว่ามันจะทำให้ตนเองมายืนจุดนี้ได้เลย ทั้งสวย ทั้งฮอต การศึกษาก็ดี รวยจนไม่มีที่เก็บ ดันมาตามคนบ้านิยายต้อย ๆ คล้ายคนเสียสติก็ไม่ปาน ไม่คิดจะทำงานให้มีผลงาน บริหารทุกอย่างให้อยู่บนเส้นแสตนดาร์ดมาตรฐาน หล่อ รวย
..แล้วไง ใช้ชีวิตอิสระเสรีโดยไม่ได้สนการคาดหวังของคนเป็นพ่อ
ก็มีพี่ชายที่เก่งกาจแล้วนี่เนอะ
ใช่..มันคืออคติส่วนตัวบอกเลย เพราะรอบตัวรายล้อมไปด้วยคนที่มีศักยภาพอยู่ตลอดเวลา ไม่คิดอยากเป็นประธาน แต่ดันอยากทำงานในตำแหน่งใหม่หัวหน้าฝ่ายพัฒนาแอพพริเคชั่น ทำตามใจตนเองแบบนัมเบอร์วัน ทำอะไรดูมั่นหน้าจนแม่แทบอยากจะตบคว่ำ ( ใส่อารมณ์นิดนึง -_-* ) เจอกันวันแรก ไล่เธอออกโดยไม่ถามใด ๆ สักคำ
แต่เธอก็หน้าด้านไง ด้านคนที่อยากให้อยู่เลยต้องอยู่
พิมพ์ลดาซะอย่าง เดินเข้ามาพร้อมกับผู้สนับสนุนที่ใหญ่มาก เพราะงั้น..เขาจึงได้ดูชังน้ำหน้าเธอเป็นพิเศษ !
" ... " ทำเป็นมองไม่เห็นสายตาสอดรู้สอดเห็นทั้งหลายที่มองมา
กระเป๋ากับรถมันดูย้อนแย้งกันนิดหน่อย แต่รถนั่นคือสิ่งสมนาคุณจากคุณลุงกรเจ้าของบริษัท นั่งมาเกือบจะสองปีแล้วละนะ เธอยืนรอรถที่จะมารับ มือเล็กขาวเนียนจับที่ไหล่เพื่อขยับสายสะพายกระเป๋าราคาไม่กี่ร้อยให้เข้าที่ สักพักจึงมีรถมาจอดเบื้องหน้า พร้อมกับคนขับรถท่าทางสุภาพลงมาเปิดประตูให้
" ขอบคุณค่ะ " เธอกล่าวเบา ๆ แล้วเข้าไปภายในรถ คนขับจึงปิดประตูตามหลัง ด้วยกำลังที่พอดี แล้วจึงทำหน้าที่ของตนเอง
เหล่าพนักงานมองตามรถคันนั้นที่เคลื่อนตัวออกไปเหมือนทุกวัน พร้อมกับหันไปพูดคุยซุบซิบกัน บางคนก็อิจฉา บางคนก็แสดงสีหน้าดูถูก เพราะรถหรูนั่นเป็นรถที่ประธานบริษัทให้มารับส่งหญิงสาวที่แต่งตัวเนี๊ยบ แต่เชยเฉิ่มจนดูไม่ควรกับกับราคาที่สูงลิ่วของมันสักนิด
" ... "
สัญญาณอันคุ้นเคยปรากฏขึ้นตรงหน้า แล้วมีเสียงของบางคนโวยวายใส่ทันที " รับช้านะยะ ! "
" โทรศัพท์ก็มี ทำไมไม่โทร ? " หญิงสาวหาได้สนใจเสียงแว๊ด ๆ แต่ถามกลับไปเป็นประโยคแรก คนขับรถด้านหน้าพยายามมีสมาธิมากที่สุด
บรรยากาศในรถดูไม่น่ากล่าวอะไรเท่าไหร่ คุณหนูของเขาอารมณ์ไม่ดี !
" ไม่คิดจะถามว่า ฉันมีอะไรถึงได้ติดต่อด้วยเวทย์มนต์..เลยงั้นเหรอ ? " ปลายสายบ่น เขารึอุตส่าห์รีบติดต่อมา แต่ดูยยัยเพื่อนรักสิ
หญิงสาวถอดแว่นออก แล้วกระพริบตาปริบ ๆ ขนตางอนขยับขึ้นลงเล็กน้อยเพื่อปรับสายตา จากนั้นจึงจับที่ผมสีดำของตนเอง สีที่เคยเป็นสีดำจึงกลับมาเป็นสีเงินเช่นเดิมด้วยเวทย์มนต์เล็ก ๆ น้อย ๆ
" ว่ามา " หญิงสาวโบกมือขึ้นเบา ๆ ปรากฏกระจกขนาดพอเหมาะขึ้นตรงหน้า
" ... " เขาพูดอะไรไม่ออก เพื่อนห่วงสวยมากกว่าห่วงคุยกับเขาอีก
ภายนอกรถ คนที่มองเข้ามาจะเห็นหญิงสาวนั่งบนรถเบาะด้านหลัง ด้วยท่าทีที่นิ่งสงบมองไปเบื้องหน้า แต่ความจริงแล้ว กลับมีกระจกลอยได้ด้วยตนเอง และการพูดคุยกับผู้อื่นด้วยการติดต่อผ่านอากาศที่อัศจรรย์
" ตอนนี้แฮกเกอร์ และผู้มีอิทธิพลบางคน พยายามที่จะเจาะข้อมูลเข้ามาผ่านยูสเซอ์เนมของเธอ เพื่อสืบข้อมูลการติดต่อส่วนตัวของนักเขียนที่ชื่อโฉมงามแม่มดเจ้าเสน่ห์ " เขาเล่าด้วยท่าทางขยาดต่อการอยากได้ของคนบางกลุ่ม
" แล้วพวกเขาได้อะไรไปบ้าง ? " หญิงสาวถามเขาทั้ง ๆ ที่กำลังแต่งหน้าให้ตนเองอยู่
เลิกงานแล้ว ว่าจะไปนั่งดื่มเครื่องดื่มดี ๆ สักหน่อย อืม...คอแห้ง แต่ก็ต้องแวะไปเจอคุณลุงกรก่อนละนะ แล้วค่อยไป..
" ยังดีที่ฝั่งเรามีฝีมือ เลยไม่เสียหายอะไร "
" เจมส์ นายควรจะเพิ่มกำลังการดูแลมากกว่านี้ นายก็รู้ ว่ามนุษย์มีความบ้าคลั่งแค่ไหน " พิมพ์เอ่ยเตือนเขา
กลับมาสวยซะที
เจมส์แอบมองบนให้เพื่อน " ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องปลอมตัว ? " ทั้ง ๆ ที่เธอหาได้ขี้เหร่ แต่ส๊วย ! อะแฮ่ม ออกจะโฉมสะคราญมากเสียด้วยซ้ำ " น่าเสียดายออก "
" ... " หญิงสาวถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงพูดกับเพื่อนสาว " นายก็รู้เจมส์ ความงามของฉันก็เหมือนกับการล่อลวงของแม่มดนั้นแหละ ฉันอยากใช้ชีวิตปรกติ ที่ไม่ต้องมีใครมาจับจ้องมากนัก ถึงแม้ฉันจะมีภารกิจบางอย่างก็เถอะ "
มันมีด้วยเรอะ..ชีวิตที่ปกติของแม่มดนั่นนะ เขากรอกตาใส่ชะนีเพื่อนสาว
" ฉันเชื่อว่า ถ้าเขารู้ว่าเธอสวย ยังไงก็ต้องเปลี่ยนท่าที ต้องหลงเสน่ห์อย่างแน่นอน " เจมส์กล่าวด้วยแววตาพราวระยับ เรื่องอื่นไม่รู้ แต่ความงามล่มเมืองที่มีอยู่จริง ไม่ใช่อะไรจะดูถูกได้ มั่นใจได้เลยว่าหลงแทบโงหัวไม่ขึ้น โดยเฉพาะตอนตะวันตกดิน
สิ่งที่ร้ายกาจของแม่มดพิมพ์ลดา หาใช่เวทย์มนต์เพียงเท่านั้น แต่มันคือรูปโฉม ที่มีชื่อเสียงสะเทือนฟ้าดินในดินแดนลี้ลับ !
ยังไม่รวมกลิ่นอายที่สะกดคนให้ลุ่มหลงนั่น ยิ่งกว่ามนต์เสน่ห์ของมนุษย์รักกูหลงกูนั่นอีก
" ไร้สาระ " ว่าให้กับเพื่อน เพราะเรื่องนี้เพื่อนสาวยุยงมาหลายครั้งแล้ว " สิ่งที่ฉันต้องทำไม่ใช่การนอนกับผู้ชายนะ แต่มันคือการให้เขามอบดวงใจนิรันดร์ "
เพื่อการดำรงอยู่ของเผ่าพันธ์ และปกป้องการล่มสลายของมนุษย์บนโลกใบนี้
" สองปีแล้วนะพิมพ์ " เขาเตือนเพื่อนสาว " แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอะไรดี ๆ คืบหน้า " เจมส์ยิ้มกรุ้มกริ่ม
" หมายถึงอะไร ? "
" ... " เงียบ แต่ยิ้มได้น่าสงสัยมาก
" อะไรที่นายคิดว่าดี ? " หญิงสาวถามอย่างไม่เข้าใจ รถเคลื่อนมาจอดที่หน้าตึกสูงที่สุดพอดี แต่เธอก็ยังไม่ลง เพราะยังคุยกับเจมส์อยู่ ถึงแม้รถด้านหลังจะบีบแตรไล่ก็ตามที หญิงสาวยกมืดขึ้นมาแล้วดีดนิ้วเบา ๆ เป๊าะ! ทุกอย่างหยุดนิ่ง
เจมส์ยังคงยิ้มด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ แล้วเอ่ยสิ่งที่จะทำให้ชีวิตหญิงสาวเปลี่ยนไป
" ใช้บทรักในนิยายล่อลวง ใช้เรือนร่าง หน้าตาอันสวยงาม ทำให้เขามีเธออยู่ในจินตนาการจริง ๆ ก็สิ้นเรื่อง ! "
" เรื่องจริงมันไม่ได้ง่ายเหมือนนิยายนะ " เธอขมวดคิ้ว จากนั้นจึงเห็นว่าเจมส์กลอกตาใส่ หมุนจนครบรอบนาฬิกาจึงได้เอ่ยขึ้น
" ยัยจอมมนตราปอดแหก ! "
" ... " โว๊ะ นี่ก็ขยันดูถูก