“ช่วงสอบปลายภาค” 📖
พริมและคีย์ต่างก็มีโลกของตัวเองให้ต้องจัดการ แต่ก็ยังอยู่ข้างกันเสมอในแบบที่ไม่ต้องเอะอะ หวือหวา 💛
บางที การซัพพอร์ตกันไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่
แค่ใครสักคน “ไม่หายไป” ไหนก็พอ
และแอบใส่ขนมไว้ในกระเป๋าอีกฝ่าย ก็เพียงพอแล้วสำหรับความรักในแบบที่โตพอ 🎋
⸻
✦
“ในวันที่ต่างคนต่างวุ่นวาย..แค่ยังอยู่ด้วยกันแบบเงียบ ๆ ก็พอแล้ว”🌸
⸻
📚 สัปดาห์สอบปลายภาค – คณะอักษร
บนโต๊ะไม้ยาวใต้หอสมุดกลาง 🪴
พริมวรานั่งทบทวนศัพท์จีนด้วยท่าทางที่คุ้นเคย
ข้างตัวมีแฟลชการ์ดปึกใหญ่ 📑
แก้วน้ำสีชมพูที่เขียนด้วยลายมือว่า “พักสายตาด้วยนะ” 🍸🫙
และซองคุกกี้โฮมเมดที่ห่อด้วยกระดาษโน้ต 🍪
“ไม่มีคำตอบไหนสำคัญไปกว่า ‘ใจเธอที่ไม่หมดแรง’”
ลายมือคีย์, เขียนด้วยปากกาน้ำเงินธรรมดา 📝
มะลินั่งฝั่งตรงข้าม
มองเพื่อนสาวด้วยสายตาแซว ๆ
“กลายเป็นว่าหนังสือสอบกลิ่นหอมเลยสิเนี่ย”
พริมหลุดหัวเราะเบา ๆ
“เขาคงกลัวหนูลืมกินข้าวอีกมั้ง”
⸻
🛠️ ตึกเวิร์กช็อป – ช่วงค่ำ
คีย์นั่งทบทวนวงจรในโปรเจกต์จบ
แว่นตาใสสะท้อนแสงไฟจากหลอดฟลูออเรสเซนต์
หน้าจอคอมพิวเตอร์โชว์แผนผังการเดินสายไฟซับซ้อน
ข้างตัวมีซองเล็ก ๆ ที่เขาหยิบขึ้นมาดูอีกครั้ง
เป็นแฟลชการ์ดศัพท์จีนชุดเล็ก
ที่พริมเขียนให้เขาอ่านเล่น ๆ
แม้เขาจะไม่สอบวิชานี้เลย
“คำนี้อ่านว่า xīn แปลว่า ‘หัวใจ’
และหนูก็แนบมาให้เผื่อพี่จะท่องเวลาว่าง…”
เขายิ้มบาง ๆ ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
แล้วเก็บมันลงในกระเป๋าเสื้อช็อปข้างหน้าอก
⸻
🕓 อีกไม่กี่วันถัดมา – หน้าอาคารเรียนรวม
พริมเดินออกมาจากห้องสอบ
หน้าตาเหมือนคนโดนดูดพลัง
เธอก้มหน้าพลางพูดกับตัวเองว่า..
“ใครบอกว่าภาษาจีนคือความรัก..ไม่ใช่ค่ะ มันคือสงคราม”
ขณะเธอกำลังเดินไปอย่างหมดแรง
มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางข้างหลัง
“สงครามก็ต้องมีทหารพยุงสิ”
พริมเงยหน้า
เห็นคีย์ยืนอยู่พร้อมถุงผ้าสีเขียวที่มีขวดนมถั่วเหลืองกับข้าวกล่อง
“กินก่อน อย่าบ่น”
เขายื่นของให้แล้วพูดสั้น ๆ
“แล้วพี่ล่ะ…สอบเป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่หลับใน คาห้องก็ถือว่ารอดแล้ว”
⸻
🍃 เวลาผ่านไป – บนบันไดริมสนามหญ้า
ทั้งคู่มานั่งกินข้าวกล่องด้วยกันตรงมุมที่ไม่มีใคร
เงียบ ๆ สงบ และมีลมเย็นพัดลอดเข้ามาใต้ต้นหูกวาง เย็นสบาย
พริมเปิดข้าวกล่องแล้วหัวเราะ
“นี่มันหมูผัดน้ำมันงา…ที่หนูเคยเผลอพูดว่าอยากกินตอนตีหนึ่ง” นิ
คีย์ไม่ตอบ
แค่ยักไหล่เบา ๆ
“จำไว้เฉย ๆ”
เธอมองเขานิ่ง ๆ
แล้วพูดเบา ๆ ว่า..
“ขอบคุณนะคะ…ที่ยังอยู่ตรงนี้ แม้พวกเราจะไม่มีเวลาพูดกันเยอะเหมือนเดิม”
เขาหันมามองเธอ
ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ แต่จริงใจ
“ไม่ต้องพูดเยอะทุกวันก็ได้
แค่รู้ว่า…เธอยังอยู่ในแต่ละวันของฉัน แค่นั้นก็พอแล้ว”
⸻
📌
หลังจากกินเสร็จ
พริมยื่นมือไปแตะแขนเขาเบา ๆ
“หนูไม่แน่ใจว่าจะได้เกรดอะไรจากวิชานี้
แต่จากพี่…หนูคงได้ A+ ไปตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้จักแล้วมั้ง”
คีย์หัวเราะเบา ๆ
“ไม่ต้องแซว เดี๋ยวโดนหักคะแนน”
“แล้วถ้าหนูขอเก็บคะแนนเพิ่มล่ะคะ?”
เขาหันมามองเธอ
“เธอจะขอยังไง?”
พริมยิ้มซน ๆ
ก่อนจะยื่นนิ้วก้อยไปแตะนิ้วเขาเบา ๆ
“ขอให้พี่อยู่ตรงนี้…ไปจนจบเทอมหน้า เทอมต่อไป
แล้วก็…จนกว่าเราจะไม่มีคำว่าสอบอีกแล้ว”
คีย์เกี่ยวกลับ
ไม่ได้พูดอะไร
แต่ก็ไม่ปล่อยมือเลยแม้จะหมดบทสนทนาแล้ว
เพราะความรักบางครั้ง
ก็ไม่ต้องมีคำบรรยาย
แค่ยัง “อยู่ข้างกัน” ในวันที่ทุกอย่างวุ่นวาย…ก็พอแล้ว
⸻
✦
“คนบางคน…ไม่ได้เดินเข้ามาเพื่อทักทาย แต่เพื่อวางหมาก”
⸻
☁️ ช่วงบ่ายวันศุกร์ – ใต้ตึกกิจกรรม
พริมกับมะลิแวะมานั่งกินไอศกรีมกันหลังสอบเสร็จ
อากาศร้อน ๆ กับเสียงเพลงจากโทรศัพท์ของร้านข้าง ๆ ช่วยให้บรรยากาศดูเบาใจ
“พรุ่งนี้ไปงานอาสากันไหม”
มะลิถามพลางตักไอศกรีม
“ไปสิ หนูลงชื่อไว้แล้ว…ค่ายที่ไปปลูกต้นไม้กับช่วยเด็กในชุมชนใช่ไหม”
“อือ ไปกันทั้งรุ่นนั่นแหละ แต่ได้ข่าวว่าคนมาร่วมงานเยอะมาก…อาจมีพวกรุ่นพี่คณะอื่นมาด้วย”
⸻
🧃 ตอนนั้นเอง – เสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลัง
“ถ้างั้น…เราก็จะได้เจอกันอีกใช่ไหมครับ?”
พริมชะงัก
เสียงนั้นคุ้นหู
และเมื่อเธอหันไป ก็พบว่า..
อาเล็ก – Alek Tawanthon
ยืนอยู่ตรงมุมร่มไม้ มือถือแก้วน้ำเย็น เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มสุภาพแบบที่คนทั่วไปอาจรู้สึกว่าเป็นมิตร
แต่เธอกลับรู้สึกหนาวแปลก ๆ ที่ต้นคอ
“สวัสดีครับ พริม..น้องสาวของเพื่อนผม”
เขาเน้นคำนั้นเบา ๆ
เหมือนจะ “ขยายสถานะ” ที่ทำให้เขาเข้ามาหาเธอได้ โดยไม่ดูน่าสงสัย
⸻
🍂 บทสนทนาระหว่างคนที่มีความหลัง
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”
พริมพยายามรักษาน้ำเสียงให้ปกติ
“ครับ…แต่ผมติดตามเธอผ่านข่าวบ้าง”
“ชีวิตในมหา’ลัยเป็นยังไงบ้าง?”
พริมยิ้ม
“เรียบ ๆ ดีค่ะ”
Alek หัวเราะในลำคอ
“ดูจะ ‘เรียบ’ มาก จนคนบางคนหายไปจากสื่อเลยนะ”
เขาหันไปมองมะลิ
ก่อนจะพูดเบา ๆ ว่า..
“ขอคุยกับน้องพริมแป๊บหนึ่งได้ไหมครับ?”
มะลิเงียบไป
พริมเป็นฝ่ายพยักหน้าให้ ได้คะ
พริมพูดกับมะลิว่า..
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวตามไปนะ”
⸻
🌫️ ด้านข้างของตึก – บทสนทนาเงียบ ๆ
“พี่มีธุระอะไรคะ?”
พริมถามตรง ๆ
Alek ยกยิ้มนิดหนึ่ง
“เธอเปลี่ยนไปนะพริม…แต่ก็ยังพูดตรงเหมือนเดิม”
เธอไม่ตอบ
เขาก้าวเข้ามาใกล้เล็กน้อย
“ฉันแค่อยากเตือนเธอ…ว่าเวลาคบกับใคร
อย่าเพิ่งคิดว่า ‘ความเงียบ’ คือความปลอดภัยเสมอไป”
พริมขมวดคิ้ว
“พี่หมายถึงอะไร?”
Alek ยกมือขึ้น
ปลายนิ้วแตะซองแฟลชการ์ดใบเล็กในมือเธอ
“ของขวัญน่ารักดีนะ…จาก ‘คนเงียบ ๆ’ ที่อยู่ในโลกเสียงดังมากกว่าที่เธอคิด”
⸻
📌
พริมยืนนิ่ง
มือของเธอกำซองแฟลชการ์ดแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“ถ้าพี่จะพูดถึงพี่คีย์…พูดตรง ๆ เลยก็ได้ค่ะ”
Alek ยิ้ม
แต่แววตาเย็นกว่าคำพูด
“ฉันไม่ได้พูดถึงเขา…แต่พูดถึงโลกที่เขาเคยอยู่”
“แล้วก็อยากให้เธอเตรียมใจไว้ ว่าบางที ‘อดีตของใครบางคน’
อาจจะตามเธอกลับมาก่อนที่เธอจะรู้ตัว”
เขาหันหลังกลับ
ทิ้งเธอไว้กับลมเย็นที่พัดสวน
ค่ายอาสา - ช่วงเวลาที่พริมกับคีย์ได้อยู่ใกล้กันแบบไม่มีตึกเรียน ไม่มีโปรเจกต์ หรือหนังสือสอบคั่นกลาง
ขณะเดียวกัน “เงา” ที่ตามมาอย่างเงียบ ๆ ก็เริ่มโผล่ให้เห็นทีละเสี้ยว
⸻
✦
“ถ้าโลกของพี่จะมีอะไรที่อันตราย หนูก็อยากอยู่ให้ใกล้…มากพอจะช่วยกันวิ่งหนี”
⸻
☀️ เช้าวันเสาร์ – จุดนัดพบหน้ามหาวิทยาลัย
“แปะป้ายชื่อด้วยนะคะทุกคน~!”
เสียงรุ่นพี่ประสานงานค่ายตะโกนพลางแจกเทปกาว
พริมยืนรัดเชือกรองเท้าอยู่ริมทางเท้า
เธอสวมเสื้อยืดค่ายตัวโคร่ง หมวกแก๊ปสีน้ำตาล และเป้ใบเล็กที่ดูพร้อมลุย
แต่ไม่เท่ากับคนที่เดินเข้ามาใกล้…ในสภาพชุดช็อปสีซีดและใบหน้าขรึมคุ้นตา
“พี่คีย์!”
พริมเงยหน้าขึ้น ยิ้มเต็มที่
“หนูนึกว่าพี่ไม่มาแล้วนะคะ รุ่นพี่บอกว่าวิศวะมาแค่สองคน”
คีย์ยักไหล่
“อีกคนเขาป่วย เลยส่งฉันมาแทน”
“แสดงว่า…ฟ้าส่งพี่มาแล้วล่ะค่ะ”
พริมพูดยิ้ม ๆ แล้วหยิบสติ๊กเกอร์ชื่อยื่นให้
“หนูเขียนชื่อให้พี่เองเลยนะ ‘คีย์ วิศวะคนเงียบแต่ใจดี’”
คีย์รับไว้ มุมปากยกขึ้นนิด ๆ
ก่อนจะแปะลงบนหน้าอกเสื้อโดยไม่พูดอะไร
แค่หันไปหยิบกระเป๋าเป้ของพริมขึ้นมาแบกแทนโดยไม่ต้องขอ
⸻
🚌 ระหว่างนั่งรถ – ถนนสายชนบท
เสียงเครื่องยนต์พาเพื่อนร่วมค่ายนั่งสลับพูดคุย หัวเราะ และหลับกันระหว่างทาง
พริมเอนศีรษะพิงกระจกมองท้องฟ้า
ก่อนจะหันไปกระซิบเบา ๆ กับคีย์ที่นั่งข้าง ๆ
“บางทีหนูก็คิดนะ
ถ้าโลกนี้ไม่มีข่าวลือ ไม่มีคนตามถ่าย ไม่มีคำว่า ‘ลูกชายมาเฟีย’
พี่คงเป็นแค่คนธรรมดาที่น่ารักคนหนึ่งในกลุ่มอาสา”
คีย์ไม่ได้ตอบทันที
เขามองออกไปนอกหน้าต่างบ้าง
เสียงลมหวิวลอดเข้ามา
“แล้วถ้าโลกมันไม่เคยเงียบขนาดนั้นล่ะ?”
“พี่เลยเลือกจะมีแค่เธอ…ไว้ให้ใจมันได้เงียบบ้าง”
พริมเงียบไปเล็กน้อย
ก่อนจะพูดเสียงแผ่ว
“งั้นหนูจะเป็นที่เงียบของพี่ให้นะคะ
แต่ถ้าต้องวิ่งหนีอะไรอีก…หนูขอวิ่งด้วย”
⸻
🌿 สายวันเดียวกัน – หมู่บ้านอาสา
ค่ายตั้งอยู่ท่ามกลางป่าเล็ก ๆ
รอบข้างมีบ้านไม้เรียงเป็นกลุ่ม บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงเด็ก วิ่งเล่น เสียงครูชุมชน และกลิ่นอาหารพื้นบ้าน
พริมอยู่กลุ่มกิจกรรมเด็ก
คีย์อยู่กลุ่มซ่อมอุปกรณ์เรียน กับทีมช่าง
แต่ทุกช่วงพัก พริมจะโผล่มาให้เห็นเงา
และทุกครั้งที่เธอยื่นน้ำให้
คีย์ก็รับไป…โดยไม่เคยถามว่ารู้ได้ไงว่าเขาหิวน้ำตอนนั้นพอดี
⸻
🌘 ค่ำวันนั้น – บริเวณกองไฟ
ทุกคนล้อมรอบกองไฟกลางลาน
เสียงกีตาร์โปร่งคลอเบา ๆ ขณะเพื่อนร่วมค่ายสลับเล่าเรื่องผีอย่างสนุกสนาน
พริมซบไหล่คีย์อยู่เงียบ ๆ
เขาไม่ได้เล่นกีตาร์ ไม่ได้เล่าเรื่อง ไม่ได้ส่งเสียง
แต่แค่เขาอยู่ตรงนี้ — เธอก็รู้สึกว่าคืนนี้ปลอดภัย
…จนกระทั่ง
สายตาของคีย์เหลือบไปเห็น “บางอย่าง” ที่มุมมืดหลังต้นไม้
ชายสองคนยืนคุยโทรศัพท์ มือถือของคนหนึ่งส่องแสงวาบเหมือนถ่ายอะไรบางอย่าง
เขาขมวดคิ้ว
พริมรู้ทันทีจากท่าทางนั้น
“มีอะไรเหรอคะ”
“…เดี๋ยวพี่มา”
⸻
📌
คีย์เดินหายเข้าไปในเงาไม้
หลังจากนั้นสิบห้านาที เขากลับมา พร้อมท่าทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่พริมสังเกตว่า…ปลายนิ้วเขาเปื้อนดิน
และในมือเขามีกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ขยำอยู่แน่น
“เขาเป็นใคร?”
เธอกระซิบเบา ๆ
คีย์ไม่ตอบ
แค่ยื่นเสื้อคลุมของเขาให้เธอสวมเพิ่ม ก่อนลุกขึ้นพูดกับรุ่นพี่กลุ่มอาสา
“คืนนี้ช่วยรักษาความปลอดภัยให้เด็กผู้หญิงอยู่ห้องเดียวกันให้แน่นหนาหน่อยนะครับ
ผมขอนอนเวรเฝ้าด้านนอกสลับกับพี่อีกคน”
⸻
“แม้จะเงียบแค่ไหน…บางอย่างก็เริ่มไล่ตามมาแล้ว”
꒰␥•ᴗ•␥ ꒱⊹。ꕤ˚₊⊹