“...”
“เฮ้อ! ติดที่ข้าต้องพาฮูหยินรองสวีม่านเถาตามไป ข้ารักเจ้ามากกว่าสตรีใดแต่เรื่องนี้มิอาจหลีกเลี่ยงได้ อีกสิบห้าวันข้าจะเดินทางออกจากแคว้นโจวแล้ว ก่อนจะไปข้าจะมาสั่งลากับเจ้าสักสามคืนดีหรือไม่” ^^ ลูบสะโพกมนผ่านเนื้อผ้าชั้นดีคล้ายเย้าแหย่ ฝ่ายสตรีในดวงใจที่เขาหลงใหลยังบดเบียดเรือนร่างสู้กลับพร้อมกับยิ้มหวาน ‘หากวันนี้ไม่มีกิจธุระอื่นให้จัดการ เขาคงร่วมรักกับสตรีบนตักจนหมดแรงไปแล้วถึงสามรอบ’
“สามคืนกับเวลาที่ต้องห่างจากท่านถึงสามปี สำหรับข้ามันไม่คุ้มเอาเสียเลย ขอสิบห้าวันก่อนจะไปมิได้รึเจ้าคะ” ^^ แกล้งใช้ปลายนิ้วชอนไชสาบเสื้อบุรุษ แม้ใจจริงของนางจะยินดีเพียงใดที่จะได้แยกจากเขาถึงสามปี มิใช่ว่าเกลียดชังอีกฝ่าย แต่นางแค่เบื่อหน่ายเท่านั้น
“เต็มที่ได้แค่ห้าวัน ทุกราตรีข้าจะควบขี่เจ้าจนไม่มีแรงร้องขอเลยคอยดู” สูดดมความหอมจากซอกคอสตรี ก่อนจะผละออกอย่างเสียดาย เวลานี้สิ่งที่ต้องทำเหนือสิ่งอื่นใดคือเรื่องการจัดเตรียมความพร้อมของคณะราชทูตที่ร่วมเดินทางทั้งหมด ทหารมากฝีมือต้องอย่าให้ได้ขาด ไม่เว้นแม้แต่เรื่องคู่ครองของบุตรสาวคนโตที่เขาต้องรีบจัดการให้แล้วเสร็จ ซึ่งเรื่องหลังสุดนี้คงเป็นเรื่องที่ควรเร่งมือรอไม่ได้ เพราะถ้าหากเขาไม่อยู่ที่นี่ บุรุษที่มีผลประโยชน์อย่างรัชทายาท จะไม่มีทางทูลขอสมรสกับบุตรสาวของเขาเป็นแน่ ‘ดูอย่างสตรีแต่ละนางของพระองค์สิ รัชทายาทเคยทูลขอสมรสเสียที่ไหน ว่าที่พระชายาที่รัชทายาทได้ เป็นฮ่องเต้ทรงเห็นสมควรมอบให้ทั้งนั้น’
หนิงเจี่ยเจียเดินไปส่งเถินอี้ฉวนขึ้นรถม้าตรงทางเข้าลับด้านข้างซึ่งมีรั้วไม้ปิดบังสายตาผู้คนไว้ จนเมื่อรถของอีกฝ่ายวิ่งจากไปนางจึงกลับไปจัดการงานในหอนางโลมดังเดิม เสียงบรรเลงดนตรียังคงขับกล่อมแว่วหวาน เสียงลูกค้ากับเสี่ยวเอ้อยังคงดังเข้าหูมาไม่ขาดสาย สองตาที่ถูกวาดสีสันให้งดงามแหงนมองขึ้นไปยังชั้นยกระดับที่นางและบุตรสาวนั่งสนทนากันเมื่อสองเค่อที่ผ่านมา แต่เมื่อไม่เห็นชิงหงอยู่ตรงนั้นตัวนางจึงหันมาสนใจตัวเลขในมือ ‘ดูเหมือนชิงหงของนางอยากจะหาเบี้ยหวัดเพื่อเลี้ยงตัว ซึ่งนางก็ไม่คิดจะขัด’ ในทางกลับกัน มันคือทางเลือกที่ดีที่นางเต็มใจจะสนับสนุน “ดีเท่าไหร่ที่ลูกข้าไม่บอกว่าจะขายเรือนร่าง” เสี้ยวหนึ่งในใจ นางไม่อยากให้บุตรสาวต้องมาตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับนางมากกว่า
เรือนหลังเล็ก (หลังหอนางโลม)
หนิงชิงหงเดินกลับไปยังด้านหลังเพื่อพักผ่อนในเรือนของตนเอง บทสรุปที่ได้มาจากความคิดในหัวของเจ้าของร่างเดิมและสิ่งที่นางเห็นกับตาบ่งบอกได้ว่า ตัวนางกำลังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ในร่างเด็กสาววัยสิบสี่ปี มีมารดาเป็นแม่เล้า ถามว่านางรู้สึกอย่างไรที่มารดามิใช่สตรีสูงศักดิ์...คงตอบได้ว่าธรรมดามาก ในเมื่อนางมาจากยุคสมัยที่ล้ำหน้ากว่านี้ ปัญหาใหญ่กว่าเรื่องของมารดาก็คือเรื่องความยากจนมากกว่า ‘และแน่นอนว่า นางจะไม่ยอมยากจนเพราะนางกำลังจะหาช่องทางก่อร่างสร้างตัวแล้ว ถึงยามนั้นเรื่องใต้สะดือที่ชื่นชอบจะหาเมื่อใดก็ได้’ “ตอนนี้ฉันควรทำอะไรก่อนดีล่ะ” ร่างบอบบางเดินตามกลิ่นอาหารไปทางโรงครัว ที่แห่งนั้นมีคนมากกว่าสิบคนกำลังวุ่นวายปรุงอาหาร จะกล่าวว่าหอนางโลมขายอาหารด้วยก็คงไม่ผิดนัก ดีร้ายอย่างไรตัวนางจะไม่เข้าไปวุ่นวายหรือเสนอตัวเป็นแน่ ไม่ใช่ไม่มีน้ำใจ แต่นางทำครัวไม่เป็น “มีสิ่งใดหลงเหลือให้ข้าทานบ้างเจ้าคะ” คำว่าเหลือในความเข้าใจของนางคืออาหารปรุงสุกใหม่ของลูกค้าที่ทำมากเกินไปในหม้อ มิได้หมายความว่าอาหารที่กินเหลือแล้วรอทิ้ง
“คุณหนู รอสักครู่นะเจ้าคะ”
ท่านป้าแม่ครัวที่ในสำนึกนั้นมีนามว่าท่านป้าหูจง หันมาเอ่ยกับหนิงชิงหงด้วยท่าทีนอบน้อม จะกล่าวว่าภาพจำเดิมของทุกคนในหอนางโลม ผู้ที่ทำงานจิปาถะอย่างแม่ครัว คนทำความสะอาด เสี่ยวเอ้อ ทุกหน้าที่ที่กล่าวมานี้ต่างเรียกนางว่าคุณหนู ยกเว้นเหล่านางโลมที่เรียกนางว่าน้องเล็ก จะกล่าวว่าสถานะคุณหนูนั้นดีไหม มันย่อมดีอยู่แล้ว ถึงแม้นางจะไม่มีสาวใช้ข้างกายก็ตาม ‘เอาเถอะเรื่องนั้นมันไม่จำเป็นหรอกเพราะนางยังจัดการตนเองได้’ “ได้เจ้าค่ะ” สตรีผู้มาจากต่างภพเดินวนดูเหล่าท่านป้าแม่ครัว ท่านลุงพ่อครัวที่จัดอาหารตามรายการก็นึกทึ่ง วันวันหนึ่งท่านแม่ของนางคงมีรายได้เข้ากระเป๋าเป็นกอบเป็นกำ ถามว่าได้เบี้ยวันละเท่าใด เรื่องนี้ไม่เคยพาดผ่านเข้ามาในสำนึก ‘เห็นทีนางจะต้องขอให้ท่านแม่สอนการบริหารด้วยแล้วกระมัง’ เดินดูอาหารปรุงใหม่แล้วเกิดหิวขึ้นมา หันมองซ้ายขวาก็พบเข้ากับช้อนไม้คันเล็ก จึงสอบถามท่านลุงผู้ปรุงรสชาติว่า “ท่านลุงเจ้าคะ ข้าชิมได้หรือไม่” การพยักหน้าของอีกฝ่าย ส่งผลให้ชิงหงยิ้มอย่างยินดีก่อนจะตักผัดผักใส่หมูรอขึ้นจานนั้นมาชิม ‘อืม...’ “มันขาด อะไรนะ” ปกติแล้วผัดผักที่เคยทานมันจะกลมกล่อมกว่านี้ หรือคนที่นี่เขาทานรสจืด “อืม...ขาดน้ำมันหอยมาปรุงรสรึเปล่า”
“น้ำมัน หอย?” ท่านลุงคนครัวทำหน้างง “น้ำมันจากหอยรึขอรับ หาได้จากที่ใด ในตัวหอยทากใช่รึไม่ ใส่แล้วรสชาติจะเป็นอย่างไรขอรับ” จำได้ว่าทั้งชีวิตที่ปรุงอาหารในหอนางโลมแห่งนี้ น้ำมันอะไรที่คุณหนูว่าตัวเขาไม่เคยเห็นมันมาก่อน
‘น้ำมันจากหอยทาก?’ คิดได้อย่างไร “ช่างมันเถิดท่านลุง เอาเป็นว่ารสชาติมันก็ดี ในแบบที่ทุกคนชอบนั่นล่ะ ตักได้เลยเจ้าค่ะ” ผายมือแล้วถอยห่างจากโต๊ะทำครัวตัวนั้น ก่อนจะเดินไปหาผลไม้ที่ถูกล้างเอาไว้แล้วอย่างเช่นผิงกั่ว (แอบเปิ้ล) ก่อนจะหยิบมันติดมือไปสามลูก ตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นขึ้นมาในร่างนี้ นางทำทุกอย่างเองทั้งหมดโดยอัตโนมัติ นั่นเพราะความรู้สึกเดิมของเจ้าของร่างยังคงหลงเหลือ มิเช่นนั้นภาพจำเดิมที่ไหลผ่านมาเป็นฉากๆ คงไม่เกิดขึ้น อย่างเช่นนางโลมในชุดสีขาวท่าทางอ่อนหวานน่ารักราวกับคุณหนูสูงศักดิ์ที่กำลังเดินอยู่ไม่ไกลนั้นที่นางก็รู้จักชื่อ “พี่ยี่หวา” เจ้าของนามหันมายิ้มและหยุดรอจนนางเดินไปหา คำถามแรกที่ออกมาจากปากบางนั้นคือคำถามเดิมที่นางได้ยินมาตั้งแต่เช้า
“น้องเล็ก เจ้าหายดีแล้วงั้นรึ” ยี่หวาจับผิวแก้มนุ่มของบุตรสาวของนายหญิงเจี่ยเจียอย่างชิงหงที่จำได้ว่าอีกฝ่ายลื่นล้มและหัวฟาดไปกับบ่อปลาตั้งแต่เมื่อวาน ตากลมเลื่อนมองตรงจุดที่นูนเด่นบนศีรษะ ก็ยังเห็นว่ามันคล้ายเส้นผมเกาะกลุ่มกันและยังมิได้สระ ทำความสะอาด