บทที่ 3 อยากเป็นคนนั้น

1332 Words
“นี่ได้ยินที่ฉันพูดไหม” “ฮะ อะไรนะ” มาลีวัลย์หลุดออกจากภวังค์เมื่อเสียงของคนที่อยู่ในห้องเดียวกันเรียกสติ “เฮ้อ เป็นไรเนี่ย” นภาลัยส่ายหน้าเนือยเมื่อเธอเล่าเรื่องเสียยืดยาวแต่พี่สาวดูจะไม่ได้ฟังเลยสักนิด “เปล่าหรอก ปะ ออกไปกินข้าวกัน” วันนี้เธอมีนัดกับน้องสาวเพื่อไปทานอาหารกลางวันด้วยกัน นภาลัยเป็นพวกขี้เหงา ถ้าไม่ได้อยู่กับเพื่อนก็มักจะเอาตัวมาเกาะติดมาลีวัลย์อยู่เสมอ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเราเป็นพี่น้องที่สนิทกันมาก ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะพูดคุยกันได้เสมอ รวมถึงเรื่องที่เธอแอบรักเจ้าป่าด้วย แต่นภาลัยไม่รู้เรื่องที่เธอแอบทำข้อตกลงกับเขาหรอก เพราะขืนถ้าน้องสาวตัวแสบรู้เข้ามีหวังต่อว่าเธอจนหูชาแน่ “ชิ” นภาลัยเบ้หน้าให้พี่สาวเมื่อรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังบ่ายเบี่ยงคำถามเธอ ซึ่งมาลีวัลย์ที่รู้ว่าน้องสาวกำลังรู้สึกอย่างไรก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วเก็บของลงกระเป๋าเท่านั้น “หรือจะไปกินข้าวคนเดียว” มาลีวัลย์เอ่ยเสียงเข้มเมื่ออีกคนเอาแต่ทำหน้าทำตาใส่เธอไม่หยุด “อย่าให้รู้เรื่องเองแล้วกัน” แต่นภาลัยไม่กลัวน้ำเสียงอย่างนั้นสักนิด และเธอยังมองคาดโทษคนเป็นพี่สาว ก่อนจะเดินนำออกไป “เฮ้อ” มาลีวัลย์ถอนหายใจ เพราะเราสองคนอายุห่างกันไม่มาก ทำให้บางครั้งน้องสาวตัวแสบก็มักอยากรับบทพี่สาวขี้สงสัยเหมือนอย่างตอนนี้ และถ้าวันไหนที่นภาลัยรู้เรื่องเธอกับเจ้าป่า มาลีวัลย์คงได้ซื้อพวงมาลัยไปขอขมาเจ้าตัวแน่ ๆ “รอด้วยสิ” มาลีวัลย์กึ่งวิ่งกึ่งเดินไปควงแขนน้องสาวเพราะอีกฝ่ายเล่นจ้ำอ้าวออกไป ไม่รู้เพราะง้อหรือว่าเพราะหิว สถานที่ที่ทั้งสองมาฝากท้องเธอร้านอาหารชื่อดังที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าแถวบริษัท สองพี่น้องเดินเตร็ดเตร่ไปตามทางอย่างอารมณ์ดี และเมื่อก้าวขาเข้าไปในร้านอาหารที่ต้องก็มีเสียงคุ้นเคยเรียกหากัน “มาร์” และมันคือเสียงของเพื่อนสนิทอย่างพิกุลที่กำลังนั่งทานอาหารกับแฟนหนุ่มหน้าดุอย่างอัศวิน “อ้าว กุล” “มานั่งด้วยกันสิ” มาลีวัลย์หันไปสบตากับน้องสาว และอีกฝ่ายก็พยักหน้าระรัวเพราะตอนนี้นภาลัยหิวจนขี้เกียจจะรออาหารแล้ว และมาลีวัลย์ที่เห็นท่าทางอย่างนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ “งั้นรบกวนหน่อยนะคะ” มาลีวัลย์หันไปพูดกับอัศวินแพราะกลัวว่าตัวเองกับน้องสาวจะมาขัดจังหวะสวีทของคู่สามีภรรยา พิกุลที่ได้ยินอย่างนั้นก็ขยับเข้าไปชิดด้านในเพื่อเว้นที่ว่างให้อีกสองคนนั่งโต๊ะเดียวกัน ทว่าไม่ทันที่เธอจะได้หย่อนก้นลงไปร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ลุกขึ้นมาแทนที่ด้วยความรวดเร็ว “อะไรของคุณเนี่ย” “...” อัศวินไม่ตอบ เขาตักอาการเข้าปากราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะจะให้พูดได้อย่างไรว่าช่วงนี้เขากำลังติดยัยเมียตัวเล็กเป็นพิเศษ “หวานกันจังเนอะ” เมื่อหย่อนตัวนั่งนภาลัยที่นั่งอยู่ข้างกันก็ขยับเข้ามาพึมพำเสียงเบา “อื้อ แล้วมองไรขนาดนั้น” มาลีวัลย์กระซิบกระซาบน้องสาว เพราะเจ้าตัวเอาแต่มองสองคนตรงข้ามไม่หยุด “ก็มันไม่น่าเชื่อนี่” “ก็จริง” ทั้งเธอและน้องสาวรู้จักกับคนกลุ่มนี้มาตั้งนานแล้ว แต่จะมีก็แต่ช่วงหลังมานี่ที่มาลีวัลย์พอจะได้พูดคุยกับอัศวินมากหน่อย “เอ๊ะนั่นมัน-” เมื่อทานอาหารไปได้สักพัก พิกุลก็ชี้เลยไปทางด้านหลังทำให้ทุกคนในโต๊ะมองตาม ก่อนที่ใบหน้ายิ้มแฉ่งของมาลีวัลย์จะกลายเป็นบูดบึ้งเพราะคนที่กำลังเดินตรงมาทางพวกเธอคือเจ้าป่า แต่ทว่าข้างตัวเขากลับมีหญิงสาวหน้าตาดีควงคู่มาด้วย และคงเพราะตอนนี้เป็นช่วงพักกลางวันทำให้ทำให้ร้านอาหารค่อนข้างคนเยอะ พิกุลจึงเสนอชวนให้เจ้าป่านั่งด้วยกัน เพราะยังไงโต๊ะที่พวกเธอนั่งอยู่ตอนนี้ก็มีหกที่นั่งอยู่แล้ว แต่แทนที่เจ้าป่าจะปฏิเสธไปเพราะเห็นเธอนั่งอยู่โทนโท่ เขากลับหย่อนตัวนั่งโต๊ะเดียวกัน พร้อมกับหญิงสาวที่ควงแขนมาด้วย จะว่าไปมาลีวัลย์ก็นึกอิจฉาหญิงสาวแปลกหน้าขึ้นมานิดหนึ่ง เพราะแม้ว่าเธอจะได้ร่วมหมอนนอนเตียงกับเขามาตั้งหลายเดือน แต่ไม่เคยสักครั้งที่เจ้าป่าจะควงเธอออกหน้าออกตา ทั้งที่รูปร่างหน้าตาและฐานะของเธอก็ไม่ได้ทำให้เขาอับอายใครสักนิด “เขาคบกันเหรอ” นภาลัยเอียงตัวมากระซิบพี่สาว “ไม่รู้สิ” เสียงหวานตอบแผ่วเบา ขณะที่ดวงตาเอาแต่จับจ้องที่จานสีขาวตรงหน้าไม่ละไปไหน หรือหลายวันที่เจ้าป่าไม่ได้ติดต่อเธอมาเพราะเขากำลังติดพันผู้หญิงคนใหม่ ทั้งที่ทำใจไว้แล้วว่าอาจมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นให้ช้ำใจ แต่เมื่อได้เห็นกับตาจริง ๆ หัวใจกลับปวดหนึบอย่างห้ามไม่อยู่ “แต่ฉันว่าไม่เกินเดือน” นภาลัยยังคงกระซิบกระซาบต่อโดยไม่กลัวว่าคนอื่นจะได้ยินสักนิด “อย่าไปหาพูดที่ไหนล่ะ นี่ กิน ๆ เข้าไปเลย” มาลีวัลย์ดุน้องสาวก่อนจะตักอาหารตรงหน้ายัดใส่ปากเล็กเพื่อให้อีกคนเลิกพูดเรื่องพวกนี้เสียที แม้มันจะเป็นความจริงก็เถอะ ระหว่างที่ทานอาหารเรามีจังหวะที่เงยหน้าแล้วสบตากันอยู่เป็นระยะ แต่เมื่อเจ้าป่าไม่ได้พูดอะไรมาลีวัลย์ไม่มีอะไรพูดเหมือนกัน กระทั่งมื้ออาหารสิ้นสุดลง “เออ จริงสิมีนัดกับยัยลี่ต่อนี่น่า” ระหว่างที่ตกลงว่าเราจะเดินย่อยสักหน่อยก่อนกลับไปทำงาน นภาลัยก็ได้รับข้อความจากเพื่อนสนิท ก่อนที่เจ้าตัวจะยกมือทาบอกอย่างตกใจ “ก็ไปสิ” “แล้วพี่จะเดินคนเดียวเหรอ” “นี่ห้างนะ” มาลีวัลย์พูดขำ ๆ เพราะน้องสาวทำท่าอย่างกับตอนนี้เธออยู่ทางเปลี่ยวที่ไหน นภาลัยยืนนิ่งอย่างใช้ความคิด ที่เธอเป็นห่วงมาลีวัลย์ขนาดนี้เพราะตั้งแต่ได้เจอเจ้าป่าสีหน้าสดใสก็ดูหม่นลง “ไปเถอะน้า” มือเล็กดันหลังน้องสาวให้รีบเดินทาง เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่ทันนัดแน่ ซึ่งนภาลัยก็ยอมพยักหน้าเบา ๆ โดยไม่ลืมหันมองรอบตัว เมื่อนภาลัยขอตัวกลับไปมาลีวัลย์ก็แวะเข้าช็อป แบรนด์นู่นที แบรนด์นั่นที เพื่อแก้เซ็งที่เห็นเจ้าป่ามากับผู้หญิงคนอื่น จนกลายเป็นว่าตอนนี้สองมือเธอเต็มไปด้วยของพรุงพะรัง และถ้าเดาจากมูลค่าวันนี้มาลีวัลย์คงใช้เงินเป็นล้านแล้วมั้ง และเพราะความพะรุงพะรังที่มากเกินไปในตอนที่มาลีวัลย์จะเดินกลับไปที่รถ เธอก็บังเอิญชนเข้ากับใครบางคน อีกทั้งข้าวของมากมายยังกระจัดกระจายไปด้วย “เดี๋ยวผมช่วยเก็บนะครับ” “ขอบคุณค่ะ” ทว่าในตอนที่เหลือของเพียงชิ้นเดียวที่ประเด็นไปอยู่ปลายเท้าอีกคน มาลีวัลย์ก็เอื้อมมือไปหยิบพอดีกับมือของเขา ทำให้กลายเป็นว่าตอนนี้เราจับมือกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ “อ๊ะ !” และไม่ทันที่เธอจะได้ชักมือออกร่างเล็กก็ถูกแรงดึงจากด้านหลังจนเธอลอยปะทะอกแกร่งของใครบางคน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD