หวง

1261 Words
เมื่อเห็นอย่างนั้น คนที่ขี้สงสัยแบบเธอ แทนที่จะมุ่งหน้าไปยังจุดหมายที่อยากจะไปในทีแรก กลับเลือกที่จะเดินไปหาพ่อของเธอก่อน ซึ่งกำลังซ่อมเรืออยู่ละแวกนั้นพอดี "พ่อ" ทว่าเสียงเรียกของเธอนั้น ครั้งแรกไม่ได้ทำให้พ่อของเธอหันมา หญิงสาวจึงขมวดคิ้วนิ่วหน้า เดินไปใกล้อีกสักหน่อย เตรียมจะเรียกใหม่ และเมื่อไปยืนอยู่ข้างหลัง ถึงจะ.. " พ่อ!! ~" "เฮ้ย " ใช่เลย ตาบันลือที่เหม่ออยู่ถึงกับสะดุ้งโหยง และตะโกนเสียงดัง ความตกใจจึงทำให้ลุงแกเผลอใช้กำปั้นไปเคาะหัวลูกสาวทีนึง " โอ๊ยพ่อ " แน่นอน เสียงของเธอนั้นตะโกนลั่นกว่าเก่า ดังถึงขนาดเรียกชาวประมงที่เดินอยู่รอบบริเวณหันมามองเป็นตาเดียว ปะการังยิ้มแห้ง ก่อนจะหันกลับมาทำหน้ามุ่ยภายหลังใส่พ่อ " ก็พ่อน่ะ ฉันเรียกแล้วทำเป็นไม่ได้ยิน " " ไม่ได้ยิน เอ็งก็เรียกใหม่สิวะ จะตะโกนทำหอกอะไร ว่าแต่มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ " " เรียกพ่อดังขนาดนี้ มาหาแม่ย่านางเรือมั้ง " " อีกสักทีดีมั้ย " ตาบันลือแยกเขี้ยวใส่ ยกมะเหงกทำท่าจะเขกลงมาอีกรอบ ทว่าคราวนี้เธอกระโดดหลบ ไปยืนอยู่อีกทาง " ไม่เอาแล้วพ่อ ถึงว่าโตมาโง่ พ่อเขกหัวฉันตั้งแต่เกิดนี่เอง " " อย่ามาโทษข้า! " " ฮ่าๆๆ " " แล้วนั่น ตะกร้าจะเอาไปไหน " ในขณะตาบันลือเปลี่ยนเรื่อง กลับเหลือบลงมาเห็นตะกร้าใบหนึ่งซึ่งคล้องแขนปะกาอยู่ " แม่ใช้ให้ไปตัดใบตองเพิ่ม แต่ฉันเดินมาหาพ่อก่อน กะจะมาถามว่า เรือสปีดโบ๊ทที่แล่นออกไปลำเมื่อกี้ เป็นของใคร " แน่นอนคนถูกถาม ถึงกับเงียบกริบ ขมวดคิ้วเป็นปม ก่อนทำทีเป็นงุนงงและโวยวายภายหลัง " ข้าจะไปรู้เรอะ ตอนมันไปซื้อเรือ ข้าไม่ได้ไปกับมันนิ " " พ่อ! " " ไม่รู้ เรืออะไร ข้าไม่เห็น " " สาบานว่าไม่เห็น? เมื่อกี้มันจะวิ่งชนหัวพ่ออยู่แล้วนะ ไปดีกว่า ไม่คุยกับพ่อแล้ว คุยไปก็ไม่รู้เรื่อง " " เอ๊! นังลูกคนนี้นี่ " ปะกาเห็นอย่างนั้น จึงทำทีบ่น และเร่งชิ่งหนีออกมาเสียก่อน ปล่อยให้ตาบรรลือซึ่งยืนมองส่ายหน้าเอือมระอาอยู่คนเดียว พลางถอนหายใจและพึมพำบางอย่างซึ่งเธอไม่มีโอกาสที่จะได้ยิน " ลามปามจริงๆ " ก่อนจะลงจากเรือ เดินไปยังบ้านของผู้ใหญ่ทันที ส่วนผกามาศ เมื่อหันหลังกลับมาทางเดิม ในสมองก็ครุ่นคิดเลยทันที ใช่ พ่อของเธอมีพิรุธ มีความลับ ที่ไม่อยากให้เธอนั้นรู้ จนกระทั่ง ถึงที่หมายจึงจะสลัดความคิดนั้นออกชั่วคราว หญิงสาวจอดจักรยานพิงไว้ที่เก่า ก่อนจะเดินดุ่มๆ ไปยังบานประตูบ้านไม้ ทว่า ไม่ทันได้เคาะ ประตูบานนั้นกลับถูกเปิดเข้าไปเสียก่อน ด้วยฝ่ามือใหญ่ ที่ท่อนแขนมีแต่เส้นเอ็นปูด " นะ นาย " เขาไม่ได้พูดในทีแรก แต่กลับมองเธอหน้านิ่งราวกับเธอนั้นเป็นคนแปลกหน้าไม่เคยรู้จักมาก่อน ต่างกับเธอที่หน้าซีดเผือดไม่ต่างกับไก่ต้ม เพราะตกใจกะทันหัน มิหนำซ้ำหน้าของเขายิ่งทำให้หนักเข้าไปอีก " เอ่อ..นายทำอะไรอยู่ ฉันมากวนไหม พอดีผ่านมาทางนี้เลยเอาขนมมาให้ " จบประโยค เธอหยิบขนมห่อในตะกร้ายื่นไปยังเขา ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนหน้าสีหน้าไปจากเดิม คูดัสลอบถอนหายใจ ยิ้มบางๆ ส่งกลับไปให้ หลังรับมันมาแล้ว " เอ่อ..." " วันนี้ผมไม่สะดวกนะ ขอโทษที " ไม่ทันที่เธอจะได้ถามต่อ เขาก็เอ่ยภาษาสากล ซึ่งกว่าเธอจะเข้าใจ ก็กินเวลาไปนานพอสมควร " อ้อ ไม่เป็นไร ฉันเองก็ต้องไปทำธุระต่อเหมือนกัน งั้นไปก่อนล่ะ " นิสัยกลัวเสียหน้ามักจะมาก่อนเสมอ ต่อให้วินาทีนี้ในสมองจะเต็มไปด้วยความสับสน และใคร่รู้มากแค่ไหนก็ตาม ทว่าหญิงสาวกลับยอมปล่อยหลุดลอยไปซะงั้น เธอมาตั้งหลักอยู่บนอานจักรยาน หลังขี่มันออกมาได้สักระยะแล้ว แต่ไม่วายที่จะจอดข้างทางและหันกลับไปมองใหม่ ตัดสินใจจอดจักรยานอีกรอบ เพื่อจะเดินกลับไปโดยสัญชาตญาณ แต่แล้ว.. สิ่งนี้กลับทำให้เธอต้องชะงัก นั่นคือเห็นใครคนนึงที่รู้จักเป็นอย่างดี หล่อนเดินออกมาจากที่นั่น ในบ้านของเขา " เกสรงั้นหรือ.." ใช่ เป็นหล่อน เพื่อนที่เธอเคยสนิทกันมากตอนเป็นเด็ก " ถึงว่า หมอนั่น..." เธอพึมพำเสียงแผ่ว ประโยคหลังขาดหายถูกกลืนลงคอไป ใช้ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม มองตามไปยังจักรยานคันที่หล่อนขี่จนหายลับตา ในขณะตนเองยังยืนหลบอยู่หลังพุ่มไม้ ไม่คิดที่จะออกมา เธอยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นอึดใจหนึ่ง ด้วยความโกรธเคือง ที่อยู่ๆ ก็พากันกระหน่ำซัดเข้ามาโดยไม่ฟังเหตุผล และกว่าจะรู้ถึงฤทธิ์เดชที่มีมากมายมหาศาลในตอนโกรธนั้น ก็ตอนอุ้งมือรู้สึกเจ็บ เพราะเผลอบีบกำปั้นแน่นจนห้อเลือดไปหมดแล้ว! หลังจากนั้นไม่นาน ผกามาศกลับมาพร้อมใบตองมัดหนึ่ง ก่อนจะวางลงให้แม่ แล้วเดินเข้าห้องไป ไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ จนกระทั่ง.. บัวผันต้องเป็นฝ่ายหยุดสิ่งที่ทำอยู่ชั่วคราวเพื่อไปดูเธอ และภาพที่เห็นก็ทำให้หล่อนถอนหายใจทันที นั้นเพราะร่างบางฟุบอยู่กับโต๊ะ " เป็นอะไรไป " หล่อนตัดสินใจถาม เข้าไปยืนใกล้ๆ และใช้ฝ่ามืออุ่นทาบหลังเธอ ผกามาศที่กำลังซึมอยู่หันกลับมาทันที " แม่..." เรียกคนข้างๆ เสียงแหบ พลางช้อนตามอง " หื้ม..ว่าไง " " ตอนที่แม่รักพ่อ แม่เป็นยังไง " "ทำไมอยู่ๆ ถึงมาถามเรื่องนี้ล่ะ เรามีความรักหรือ? " ในขณะคนเป็นแม่ ผู้ที่เข้าใจลูกมากที่สุด ตอบรับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนไม่ต่างกัน พร้อมใช้ฝ่ามือนั้นลูบหลังเธอเบาๆ ผกามาศส่ายหน้า " ปะกาเองก็ไม่รู้..." " อ่าว " " แม่ แล้วนานไหมกว่าแม่จะรักพ่อ " นั่นจึงทำให้บัวผันถอนหายใจทันที หล่อนยิ้มละมุนให้กับลูก พร้อมเลื่อนมือมาลูบศีรษะ " เราจะรู้ว่าเรารักใครอยู่ได้นั้น หัวใจของเราจะเป็นคนตอบ ส่วนเวลาจะช้าหรือเร็ว ไม่ใช่ตัวมาตัดสิน " " ปะกาไม่รู้..." ทว่า ประโยคเหล่านั้นที่หล่อนพูด ดูเหมือนปะการังนั้นไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ เธอผละออกจากโต๊ะขึ้นมานั่งตัวตรง ก่อนจะโผเข้ากอดแม่ " แม่ ..." " ว่าไง? " " ถ้าเกิดความรักของเราไม่สมหวัง มันจะเสียใจไหมอะ " " ไม่สมหวัง ก็คือผิดหวัง อะไรที่หวังแล้วไม่เป็นไปอย่างที่หวัง ก็ย่อมเสียใจอยู่แล้ว แต่ไม่ถึงตาย " " แล้วมากไหม.." " อยู่ที่ว่าเรานั้นหวังไว้เท่าไหร่ และหวังอะไร " มาถึงตอนนี้แก้มที่แนบอยู่กับหน้าท้องนุ่มนิ่มนั้น ก็ผละออกไปเลยทันที ก่อนจะแหงนหน้าขึ้น พร้อมดวงตาเศร้าสลด " สิ่งที่ปะกาหวังอยู่ในตอนนี้ คือปะกาไม่อยากให้ผู้หญิงคนไหน..เข้าใกล้เขา " " หืม..." " ปะกาอยากให้ในดวงตาสีฟ้านั้น มีแค่ปะกาคนเดียว "
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD