เมื่อเห็นอย่างนั้น คนที่ขี้สงสัยแบบเธอ แทนที่จะมุ่งหน้าไปยังจุดหมายที่อยากจะไปในทีแรก กลับเลือกที่จะเดินไปหาพ่อของเธอก่อน ซึ่งกำลังซ่อมเรืออยู่ละแวกนั้นพอดี
"พ่อ"
ทว่าเสียงเรียกของเธอนั้น ครั้งแรกไม่ได้ทำให้พ่อของเธอหันมา หญิงสาวจึงขมวดคิ้วนิ่วหน้า เดินไปใกล้อีกสักหน่อย เตรียมจะเรียกใหม่ และเมื่อไปยืนอยู่ข้างหลัง ถึงจะ..
" พ่อ!! ~"
"เฮ้ย "
ใช่เลย ตาบันลือที่เหม่ออยู่ถึงกับสะดุ้งโหยง และตะโกนเสียงดัง ความตกใจจึงทำให้ลุงแกเผลอใช้กำปั้นไปเคาะหัวลูกสาวทีนึง
" โอ๊ยพ่อ "
แน่นอน เสียงของเธอนั้นตะโกนลั่นกว่าเก่า ดังถึงขนาดเรียกชาวประมงที่เดินอยู่รอบบริเวณหันมามองเป็นตาเดียว
ปะการังยิ้มแห้ง ก่อนจะหันกลับมาทำหน้ามุ่ยภายหลังใส่พ่อ
" ก็พ่อน่ะ ฉันเรียกแล้วทำเป็นไม่ได้ยิน "
" ไม่ได้ยิน เอ็งก็เรียกใหม่สิวะ จะตะโกนทำหอกอะไร ว่าแต่มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ "
" เรียกพ่อดังขนาดนี้ มาหาแม่ย่านางเรือมั้ง "
" อีกสักทีดีมั้ย "
ตาบันลือแยกเขี้ยวใส่ ยกมะเหงกทำท่าจะเขกลงมาอีกรอบ ทว่าคราวนี้เธอกระโดดหลบ ไปยืนอยู่อีกทาง
" ไม่เอาแล้วพ่อ ถึงว่าโตมาโง่ พ่อเขกหัวฉันตั้งแต่เกิดนี่เอง "
" อย่ามาโทษข้า! "
" ฮ่าๆๆ "
" แล้วนั่น ตะกร้าจะเอาไปไหน "
ในขณะตาบันลือเปลี่ยนเรื่อง กลับเหลือบลงมาเห็นตะกร้าใบหนึ่งซึ่งคล้องแขนปะกาอยู่
" แม่ใช้ให้ไปตัดใบตองเพิ่ม แต่ฉันเดินมาหาพ่อก่อน กะจะมาถามว่า เรือสปีดโบ๊ทที่แล่นออกไปลำเมื่อกี้ เป็นของใคร "
แน่นอนคนถูกถาม ถึงกับเงียบกริบ ขมวดคิ้วเป็นปม ก่อนทำทีเป็นงุนงงและโวยวายภายหลัง
" ข้าจะไปรู้เรอะ ตอนมันไปซื้อเรือ ข้าไม่ได้ไปกับมันนิ "
" พ่อ! "
" ไม่รู้ เรืออะไร ข้าไม่เห็น "
" สาบานว่าไม่เห็น? เมื่อกี้มันจะวิ่งชนหัวพ่ออยู่แล้วนะ ไปดีกว่า ไม่คุยกับพ่อแล้ว คุยไปก็ไม่รู้เรื่อง "
" เอ๊! นังลูกคนนี้นี่ "
ปะกาเห็นอย่างนั้น จึงทำทีบ่น และเร่งชิ่งหนีออกมาเสียก่อน ปล่อยให้ตาบรรลือซึ่งยืนมองส่ายหน้าเอือมระอาอยู่คนเดียว พลางถอนหายใจและพึมพำบางอย่างซึ่งเธอไม่มีโอกาสที่จะได้ยิน
" ลามปามจริงๆ "
ก่อนจะลงจากเรือ เดินไปยังบ้านของผู้ใหญ่ทันที
ส่วนผกามาศ เมื่อหันหลังกลับมาทางเดิม ในสมองก็ครุ่นคิดเลยทันที
ใช่ พ่อของเธอมีพิรุธ มีความลับ ที่ไม่อยากให้เธอนั้นรู้ จนกระทั่ง ถึงที่หมายจึงจะสลัดความคิดนั้นออกชั่วคราว
หญิงสาวจอดจักรยานพิงไว้ที่เก่า ก่อนจะเดินดุ่มๆ ไปยังบานประตูบ้านไม้ ทว่า ไม่ทันได้เคาะ ประตูบานนั้นกลับถูกเปิดเข้าไปเสียก่อน ด้วยฝ่ามือใหญ่ ที่ท่อนแขนมีแต่เส้นเอ็นปูด
" นะ นาย "
เขาไม่ได้พูดในทีแรก แต่กลับมองเธอหน้านิ่งราวกับเธอนั้นเป็นคนแปลกหน้าไม่เคยรู้จักมาก่อน ต่างกับเธอที่หน้าซีดเผือดไม่ต่างกับไก่ต้ม เพราะตกใจกะทันหัน มิหนำซ้ำหน้าของเขายิ่งทำให้หนักเข้าไปอีก
" เอ่อ..นายทำอะไรอยู่ ฉันมากวนไหม พอดีผ่านมาทางนี้เลยเอาขนมมาให้ "
จบประโยค เธอหยิบขนมห่อในตะกร้ายื่นไปยังเขา ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนหน้าสีหน้าไปจากเดิม
คูดัสลอบถอนหายใจ ยิ้มบางๆ ส่งกลับไปให้ หลังรับมันมาแล้ว
" เอ่อ..."
" วันนี้ผมไม่สะดวกนะ ขอโทษที "
ไม่ทันที่เธอจะได้ถามต่อ เขาก็เอ่ยภาษาสากล ซึ่งกว่าเธอจะเข้าใจ ก็กินเวลาไปนานพอสมควร
" อ้อ ไม่เป็นไร ฉันเองก็ต้องไปทำธุระต่อเหมือนกัน งั้นไปก่อนล่ะ "
นิสัยกลัวเสียหน้ามักจะมาก่อนเสมอ ต่อให้วินาทีนี้ในสมองจะเต็มไปด้วยความสับสน และใคร่รู้มากแค่ไหนก็ตาม ทว่าหญิงสาวกลับยอมปล่อยหลุดลอยไปซะงั้น
เธอมาตั้งหลักอยู่บนอานจักรยาน หลังขี่มันออกมาได้สักระยะแล้ว แต่ไม่วายที่จะจอดข้างทางและหันกลับไปมองใหม่ ตัดสินใจจอดจักรยานอีกรอบ เพื่อจะเดินกลับไปโดยสัญชาตญาณ
แต่แล้ว..
สิ่งนี้กลับทำให้เธอต้องชะงัก นั่นคือเห็นใครคนนึงที่รู้จักเป็นอย่างดี หล่อนเดินออกมาจากที่นั่น ในบ้านของเขา
" เกสรงั้นหรือ.."
ใช่ เป็นหล่อน เพื่อนที่เธอเคยสนิทกันมากตอนเป็นเด็ก
" ถึงว่า หมอนั่น..."
เธอพึมพำเสียงแผ่ว ประโยคหลังขาดหายถูกกลืนลงคอไป ใช้ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม มองตามไปยังจักรยานคันที่หล่อนขี่จนหายลับตา
ในขณะตนเองยังยืนหลบอยู่หลังพุ่มไม้ ไม่คิดที่จะออกมา เธอยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นอึดใจหนึ่ง ด้วยความโกรธเคือง ที่อยู่ๆ ก็พากันกระหน่ำซัดเข้ามาโดยไม่ฟังเหตุผล และกว่าจะรู้ถึงฤทธิ์เดชที่มีมากมายมหาศาลในตอนโกรธนั้น ก็ตอนอุ้งมือรู้สึกเจ็บ เพราะเผลอบีบกำปั้นแน่นจนห้อเลือดไปหมดแล้ว!
หลังจากนั้นไม่นาน ผกามาศกลับมาพร้อมใบตองมัดหนึ่ง ก่อนจะวางลงให้แม่ แล้วเดินเข้าห้องไป ไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ
จนกระทั่ง..
บัวผันต้องเป็นฝ่ายหยุดสิ่งที่ทำอยู่ชั่วคราวเพื่อไปดูเธอ และภาพที่เห็นก็ทำให้หล่อนถอนหายใจทันที นั้นเพราะร่างบางฟุบอยู่กับโต๊ะ
" เป็นอะไรไป "
หล่อนตัดสินใจถาม เข้าไปยืนใกล้ๆ และใช้ฝ่ามืออุ่นทาบหลังเธอ ผกามาศที่กำลังซึมอยู่หันกลับมาทันที
" แม่..."
เรียกคนข้างๆ เสียงแหบ พลางช้อนตามอง
" หื้ม..ว่าไง "
" ตอนที่แม่รักพ่อ แม่เป็นยังไง "
"ทำไมอยู่ๆ ถึงมาถามเรื่องนี้ล่ะ เรามีความรักหรือ? "
ในขณะคนเป็นแม่ ผู้ที่เข้าใจลูกมากที่สุด ตอบรับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนไม่ต่างกัน พร้อมใช้ฝ่ามือนั้นลูบหลังเธอเบาๆ
ผกามาศส่ายหน้า
" ปะกาเองก็ไม่รู้..."
" อ่าว "
" แม่ แล้วนานไหมกว่าแม่จะรักพ่อ "
นั่นจึงทำให้บัวผันถอนหายใจทันที หล่อนยิ้มละมุนให้กับลูก พร้อมเลื่อนมือมาลูบศีรษะ
" เราจะรู้ว่าเรารักใครอยู่ได้นั้น หัวใจของเราจะเป็นคนตอบ ส่วนเวลาจะช้าหรือเร็ว ไม่ใช่ตัวมาตัดสิน "
" ปะกาไม่รู้..."
ทว่า ประโยคเหล่านั้นที่หล่อนพูด ดูเหมือนปะการังนั้นไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ เธอผละออกจากโต๊ะขึ้นมานั่งตัวตรง ก่อนจะโผเข้ากอดแม่
" แม่ ..."
" ว่าไง? "
" ถ้าเกิดความรักของเราไม่สมหวัง มันจะเสียใจไหมอะ "
" ไม่สมหวัง ก็คือผิดหวัง อะไรที่หวังแล้วไม่เป็นไปอย่างที่หวัง ก็ย่อมเสียใจอยู่แล้ว แต่ไม่ถึงตาย "
" แล้วมากไหม.."
" อยู่ที่ว่าเรานั้นหวังไว้เท่าไหร่ และหวังอะไร "
มาถึงตอนนี้แก้มที่แนบอยู่กับหน้าท้องนุ่มนิ่มนั้น ก็ผละออกไปเลยทันที ก่อนจะแหงนหน้าขึ้น พร้อมดวงตาเศร้าสลด
" สิ่งที่ปะกาหวังอยู่ในตอนนี้ คือปะกาไม่อยากให้ผู้หญิงคนไหน..เข้าใกล้เขา "
" หืม..."
" ปะกาอยากให้ในดวงตาสีฟ้านั้น มีแค่ปะกาคนเดียว "