ศพ
อีกฝั่งหนึ่งของโลกตรงกันข้ามทวีปกับแก๊งอัลฟายืนอยู่ บนท้องทะเลกว้างใหญ่ไพศาล ไล่ระดับสีฟ้าอ่อนเข้มแล้วแต่ระดับความตื้นลึก มีหมู่เกาะเล็กใหญ่รายล้อมมากมาย ถูกแต่งเติมไปด้วยธรรมชาติ ทว่ามีบางเกาะที่เต็มไปด้วยชาวประมง
" ไอ้ปะกา จะไปทำไมว้า ทำไมไม่อยู่กับแม่เอ็ง "
เสียงทุ้มใหญ่พอๆ กับขนาดตัว ร้องถามในขณะมือกำลังระวิงบังคับพวงมาลัยเรือ
" ขึ้นมาแล้วพ่อ มาได้ครึ่งทางแล้วด้วย ไม่ต้องบ่น"
" เฮ้อ~"
" ไม่ต้องถอนหายใจด้วย ได้ข่าววันนี้ปลาเยอะ พ่อไปคนเดียวอยากจะแพ้คนอื่นเขารึไง ดูดิ ไม่มีเรือจอดเทียบท่าเลยสักลำ ป่านนี้คงไปจับจองที่ ทำเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ไม่เหลือไว้ให้พ่อแล้วมั้ง"
พร้อมสายตาทอดมองออกไปไกลลิบสลับกับบุตรสาว ที่นั่งบ่นเสียงกระจ้อยร่อยลอยหน้าลอยตาอยู่ข้างๆ ด้วยความเอ็นดูปนหมั่นไส้เขาอยากจะมะเหงกกลางหัวเธอ ถ้าไม่ติดว่าขับเรืออยู่
" ถ้างั้นก็นั่งเงียบๆ ไปเลย "
" พ่อชวนหนูคุยเองน้า "
" นังปะกา"
" จ๋าาา จ้ะ"
" ฮ่าๆๆ "
เธอจัดว่าเป็นคนตลก ม้าดีดกะโหลก ที่มักจะทำให้คนในครอบครัวส่ายหน้าวันละหลายๆครั้ง ทว่าความทะเล้นนั้นกลับสร้างความสุขให้พวกเขาในยามเครียดได้มากมายเลยทีเดียว
" อุพ่อ! นั้นอะไรน่ะ "
" บอกว่าอย่าพูดไง "
" ไม่พูดไม่ได้แล้ว พ่อดูนั่น "
แต่แล้ว...
ในขณะพวกเขากำลังร้องเพลงผสานเสียงตามประสาพ่อลูกด้วยกันอยู่นั้น อยู่ๆสายตาของปะการังก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างอยู่กลางทะเล คล้ายๆ เรือกู้ซาก พร้อมเจ้าหน้าที่หลายนาย และเพราะไม่ค่อยจะเห็นอะไรแบบนี้บ่อยนัก พร้อมระยะการมองเห็นที่ไกลเกิน จึงทำให้บันลือต้องเอื้อมมือไปหยิบกล้องทางไกลมาส่องดู
" ตาดีเชียวนะเอ็ง "
" ก็ไม่ได้แก่เหมือนพ่อนี่ "
" เดี๋ยวเถอะ! "
" ฮ่าๆๆ "
เสียงหัวเราะของเธอไม่ได้เป็นอุปสรรคแก่การส่องมองของเขาเลย แม้บันลือจะเกิดความเครียดหลังจากนั้น กับการเห็นเหตุการณ์ผ่านกล้องอย่างชัดเจน
" มีอะไรหรือพ่อ "
ทว่าเสียงถามของลูกสาวกลับทำให้เขาหลุดจากภวังค์ สีหน้าเคร่งเครียดเมื่อครู่แปรเปลี่ยนทันที
" น่าจะเรืออับปาง ไม่มีอะไรหรอก"
" ขอดูบ้าง "
แต่เหมือนสาวเจ้าจะไม่เชื่อ แบมือออกไปตรงหน้า ก่อนที่เขาจะทันได้เก็บกล้อง
" นังนี่ "
" ก็แค่ขอดูเอง ไม่ซุ่มซ่ามทำกล้องของพ่อตกหรอกน่า "
พร้อมสีหน้าอยากรู้อยากเห็นออกมาอย่างจริงจัง เขาเลี่ยงที่จะไม่ให้ไม่ได้
" ของแพงนะโว้ย อย่าเชียว "
" รู้ล่ะน่ะ "
ปะกาเอ่ย พลางดึงกล้องจากมือเขาไป เธอเงียบไปอึดหนึ่งใจ ในขณะกำลังส่องดู
" เรือท่าจะใหญ่เอาการอยู่นะพ่อ เรือกู้ซากถึงได้หลายลำขนาดนี้ ว่าแต่นั่นตู้อะไรเหรอ "
" คอนเทนเนอร์ "
ก่อนจะลดลงจากตาสวย
"อ่าว พ่อรู้ด้วยเรอะ ฉันเห็นเขาเพิ่งจะลากออกมาเมื่อตะกี้"
" โถ่ นังปะกา นี่พ่อเอ็งนะ เป็นชาวประมงมาค่อนชีวิต เรือลำใหญ่ขนาดนั้นจะไม่รู้เชียวหรือว่าขนอะไรมา "
" งั้นพ่อรู้ไหมล่ะ ข้างในนั้นมีอะไร โอ๊ย! "
ไม่ทันได้พูดจบดี ปะกากลับต้องลูบหัวตัวเองป้อยๆ เมื่อคราวนี้ถูกผู้เป็นพ่อมะเหงกลงมาจริงๆ
" ไม่ต้องรู้ เอากล้องคืนมา"
" อะไรของพ่อเนี่ย ทำขี้งกไปได้ "
" ถ้าก่อนหน้านี้เอ็งไม่ทำอวนข้าขาด คงไม่เป็นแบบนี้หรอก"
ก่อนจะแย่งกล้องในมือเธอไป พร้อมขึงตาใส่ ส่วนเธอนั้นเลิกคิ้วพลางยิ้มเจื่อน
" อุย.."
" นั่งเงียบๆ ไปเลย "
" พ่อจะไม่ไปดูหน่อยเหรอ นั่นมันน่านน้ำใกล้บ้านเรานะ "
" ไม่ ไม่ใช่กงการอะไรของข้า"
"โอโห พ่อมีลูกอย่างหนูได้ไงเนี่ย นิสัยไม่เห็นเหมือนกันเลย"
" เอ็งมันสอดรู้สอดเห็นเหมือนกับแม่! "
" เอ้อ"
" ฮ่าๆๆ"
เสียงหัวเราะยังคงผสานกัน ท่ามกลางแรงปะทะสายลมที่พากันพัดโชยเข้ามา บวกเสียงเครื่องยนต์ที่ทะยานออกไปตีกับเกลียวคลื่น ก่อนจะดับเครื่องหลังจากถึงที่หมาย เขตจับจองที่เอาไว้เพื่อทิ้งอวน
จนกระทั่งเสร็จสรรพจึงจะติดเครื่องยนต์เดินสมอเรือต่อ เพื่อเข้าฝั่งเกาะใกล้เคียงอีกที นอนรอจนกว่าถึงเวลาเก็บอวน จึงจะเดินทางกลับบ้าน เนื่องระยะทางที่ห่างไกล ยากต่อการไปกลับได้
นั่นเป็นกิจวัตรประจำวันของชาวประมงที่หาชาวกินค่ำ หากคิดจะเก็บหอมรอมริบก็คงต้องอาศัยโชคช่วย ในช่วงที่มีปลาชุกชุม ซึ่งกว่าจะมี นานทีปีหนเห็นจะได้
วิถีเส้นทางชีวิตของนางสาวผกามาศ หรือปะการัง อายุวัย 24 ปี ที่มีมาตั้งแต่เกิด เธอจำความได้ก็เห็นตัวเองนอนนั่งอยู่บนเรือลำนี้แล้ว เรียกได้ว่านี่คือยานพาหนะเครื่องมือทำมาหากิน ที่เปรียบเสมือนเป็นบรรพบุรุษของครอบครัวเธออีกคน
แต่แล้ว..
วันนี้กลับไม่เป็นอย่างทุกๆวันที่ผ่านมา เมื่อเรือมาจอดเทียบท่า แล้วพบว่า...
" พะ พ่อดูนั่น! "
" อะไรอีก?! "
คราวนี้เหมือนจะเรื่องใหญ่กว่าเก่า เมื่อปะการังชี้ไปยังร่างเปลือยท่อนบนของใครคนหนึ่งซึ่งนอนคว่ำเกยหาด
" ศพ! "