ผกามาศ กระโจนลงจากเรือเป็นคนแรก หลังตะโกนบอกคนเป็นพ่อพร้อมชี้นิ้ว
" พ่อ ไปดูกันเร็ว "
ร่างที่เกยชายหาดอยู่ในท่านอนคว่ำและเปลือยท่อนบน เผยรอยสักและรอยแผลเป็น ผ่านการบาดจากของมีคมโชว์หราเต็มแผ่นหลัง
หญิงสาววิ่งกรูเข้ามาหยุด เอามือตะปบริมฝีปากของตัวเองด้วยความตกใจ พลางหันหลังมองพ่อที่เดินตามเธอมาไม่ทัน สลับกับเขาคนนั้น ก่อนจะกวาดสายตาหาตัวช่วยไปรอบๆ จนเหลือบไปเห็นกิ่งไม้ยาวก้านหนึ่ง จึงจะหยิบมันขึ้นมา ...เพื่อเอามาเขี่ยเขา
" เฮ้ยๆๆ " แน่นอนตาบันลือพ่อของเธอ เมื่อเห็นแทบเร่งก้างเท้ามาห้ามเธอทันที " นังปะกา อย่าทำอย่างนั้น"
" อ่าว ทำไมล่ะพ่อ? "
ทว่า เธอกลับไม่รู้ร้อนรู้หนาว แถมหันไปถามด้วยความสงสัย
" คนนะโว้ย ไม่ใช่ถุงพลาสติก "
"ก็เผื่อเป็นศพไปแล้วไง"
"เป็นศพ เอาไม้ไปเขี่ย มันคงจะฟื้นขึ้นมานั่งยิ้มให้เอ็งอยู่หรอก ไป ถอยไป ข้าทำเอง"
บันลือสั่งลูกสาว ด้วยท่าทีไม่ได้ดั่งใจและลนลาน ก่อนตนจะเป็นฝ่ายจัดการร่างนั้นแทน โดยการจับพลิกหันกลับมาในท่านอนหงาย ซึ่งนั่นทำคนทั้งสองถึงกับชะงักในภายหลัง แล้วโพล่งพร้อมกัน
" หาา O.O"
" นักท่องเที่ยวเหรอพ่อ?! "
" ข้าว่าไม่น่าจะใช่ " บันลือส่ายหัว ก่อนนั่งยองยื่นมือไปอังจมูก " แถมยังไม่ตายด้วย "
" หรือว่าจะมาจากเรืออับปางลำนั้น "
" ก็ไม่แน่ "
" งั้นทำไมถึงยังไม่ตาย จมจนถูกคลื่นซัดมาซะขนาดนั้น"
" ข้าว่ามันไม่ได้จม แต่คงว่ายน้ำมาจนหมดแรง "
ผกามาศกะพริบตาถี่ระหว่างฟัง ในขณะสมองนึกภาพ คิดตามไปด้วย
" แล้วเราจะเอายังไงกับเขาดีล่ะพ่อ แจ้งเจ้าหน้าที่ไหม "
ก่อนคำถามจะหลุดออกมา ที่ทำให้ชายวัยกลางคนถึงกับนิ่งไป ราวกับเห็นด้วยกับความเห็นของบุตรสาว ทว่า..เพียงครึ่งเดียว
"ใกล้มืดแล้ว พาขึ้นเรือก่อนดีกว่า ไว้พรุ่งนี้ค่อยไปแจ้งละกัน "
แต่แล้ว..
กลับต้องหันขวับกลับมามองลูกสาวเพราะคำถาม
" พ่อแบกไหวเรอะ ตัวอย่างกับยักษ์" กับประโยคหลังเธอเหลือบตามองบน
" ใครบอกว่าข้าจะแบกคนเดียว "
" อ่าว แล้วจะเอาไปยังไง "
" เอ็งต้องมาแบกกับข้า มา หิ้วปีกคนละข้าง "
"หะ - 0 -"
เรียกได้ว่าพละกำลังทั้งหมดที่มี และเก็บเอาไว้ใช้ตอนดึงอวนถึงกับเหือดหาย หลังจากมาเจอคนแปลกหน้าเสียก่อน ผกามาศปาดเหงื่อ โบกลมพัดลมใส่หน้าตัวเอง บ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าและร้อน หลังแบกร่างสูงขึ้นเรือ และวางเขาไว้ตรงที่นอน
" หนักเป็นบ้า นี่มันไม่ใช่ต่างชาติแล้ว นี่มันต่างมนุษย์มนา.. โอ๊ย! พ่อเอาอีกแล้วนะ เขกลงมาอยู่ได้ สมองหนูเป็นหลุมหมดแล้วเนี่ย"
ก่อนจะลูบหัวตัวเองป้อยๆ เพราะถูกคนเป็นพ่อมะเหงกลงตรงกลาง ทั้งที่ยังไม่ทันจะพูดจบ
" ก็มัวแต่พูดพล่าม รำอยู่นั่น ไปหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้มัน เดี๋ยวก็หนาวตายซะหรอก "
" นอนเกยตื้นมาตั้งไม่รู้กี่ชั่วโมง คงไม่มาหนาวตายตอนอยู่กับเราหรอก"
แต่เหมือนเธอจะไม่เข็ด ยังคงยืนต่อปากต่อคำไม่ทิ้งช่วง พร้อมทำหน้าบึ้ง จนบันลือต้องกัดฟันเรียกชื่อนั่นแหละ จึงจะยกแขนขึ้นกันหน้าแล้วยอมเดินออกไป
" นัง...ปะกา! "
" อย่า! พ่ออย่า ก็ได้ ไปแล้วๆ "
ปล่อยให้คนเป็นพ่อส่ายหน้าเอือมระอาอยู่ภายหลังแทน ก่อนจะก้มลงมองคนที่นอนอยู่ภายหลังด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ และถอนหายใจพรืด
สองชั่วโมงต่อมา...
ร่างใหญ่ในคราบเสื้อเชิ้ตหลายสก็อตสีซีดเก่า ผ่านการใช้งานมาแล้วหลายปี เหมาะอย่างยิ่งกับคนแก่ ซึ่งถูกสวมให้ไม่นานมานี้ พร้อมผ้าพันแผลพันรอบศีรษะเพราะเขาหัวแตก ด้วยน้ำใจของปะการัง ที่นั่งเท้าคางเฝ้ามองอยู่ข้างๆ สลับกับสัปหงกหลายครั้งจนกระทั่งเขาตื่น
" ฟื้นแล้วเหรอ "
เธอถามพลางปิดปากหาว เมื่อเห็นเขาขยับตัว ทั้งที่ยังไม่ลืมตา ก่อนจะคลานเข่าเข้าไปหา
ใครจะรู้จังหวะนั้น ที่เธอชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ เขาจะลืมตาตื่นขึ้นมาพอดี
" ...!!! "
กลายเป็นว่าเขาตกใจหน้าเธอ ส่วนเธอก็ตกใจสีตาของเขา
" O.O"
ต่างฝ่ายต่างตกใจ แต่คงไม่เท่ากับบันลือ ผู้เป็นกัปตันเรือซึ่งยืนกอดอกอยู่เบื้องหลัง พร้อมคิ้วขมวดกันจนยุ่งเหยิง นั่นเพราะท่าของลูกสาวในตอนนี้ อยู่ในท่ากำลังคร่อมผู้ชาย
" สายตาสั้นรึไงวะ! "
ก่อนทั้งสองจะหลุดออกจากภวังค์ภายหลังเพราะเสียงของเขา
ผกามาศสะดุ้งโหยง เร่งถอยร่อนออกมานั่งตัวตรง
" พ่อ เขาฟื้นแล้ว "
" ข้าเห็นแล้ว ฟื้นก็ดี เอ็งลองถามมันสิ มันชื่ออะไร "
" ให้หนูถามเรอะ?! " หญิงสาวชี้หน้าอกตัวเอง พลางกลืนน้ำลายดังอึก
" ก็เอ็งนั่นแหละ จะใครอีก "
" ถามยังไงล่ะ ฉันพูดภาษาอังกฤษไม่เก่ง เรียนมาน้อย "
" อุบ๊ะ! แค่ถามชื่อยังถามไม่เป็น แล้วจะทำอะไรกินวะ"
" งั้นพ่อถาม "
" ข้าก็ไม่เป็นง่ะ "
" โด่ววว~ "
" เออๆ จะถามยังไงก็ถาม ลองภาษาเราสิ เผื่อมันจะเข้าใจ "
อึก!
ผกามาศกลืนน้ำลายอีกระลอก พลางขยับตัวเขาไปใกล้อีกหน่อยเพื่อจะถาม ตามที่พ่อสั่ง
แต่แล้ว...
ยังไม่ทันจะได้อ้าปากออก เธอกลับต้องกลืนน้ำลายหนักกว่าเดิม เมื่อคนที่นอนอยู่ถามกลับ
" Where is this place? "
" พะ พ่อ! ช่วยด้วย"
แน่นอนคนเรียนมาน้อยอย่างเธอ แถมกลัวชาวต่างชาติมาตั้งแต่ไหนแต่ไร และวิ่งหนีมาโดยตลอด หลังได้ยินถึงกับกระโจนเข้าไปกอดขาพ่อของตัวเอง