ตอนที่ 1ฉันเป็นนางเอกแต่ตอนจบดันเป็นนางร้าย
เช้าวันหยุดของมนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ มักเป็นเวลาพักผ่อนให้ร่างกายได้ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มนุ่มๆ จนสายโด่ง
แต่สำหรับ แซนดี้ วันหยุดคือโอกาสทองในการทำสิ่งที่เธอรักที่สุด
“อ่านนิยายให้ตาแฉะ”
ตั้งแต่เย็นวานจนฟ้าสาง เธอไม่ยอมขยับออกจากเตียงแม้แต่นิด มือข้างหนึ่งกอดหมอนแน่น อีกข้างเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ด้วยความเพลิดเพลิน ราวกับทั้งโลกถูกกลืนหายไป มีเพียงตัวอักษรบนหน้าจอที่ดึงเธอเข้าสู่โลกอีกใบ
“บ้าเอ๊ย!” เสียงสบถดังลั่นห้องนอน พร้อมกับโทรศัพท์ที่ถูกเขวี้ยงใส่ที่นอนอย่างหัวเสีย ใบหน้าหวานที่ควรสดใสในเช้าวันหยุดกลับบิดเบี้ยวด้วยความขุ่นเคือง แซนดี้กัดฟันแน่น ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยไฟโทสะ
ตอนจบ ของนิยายที่เธออ่านตลอดทั้งคืน...มันช่างหดหู่เกินทน
ชื่อเรื่องก็ช่างน่าเจ็บแสบ “ฉันเป็นนางเอกแต่ตอนจบดันเป็นนางร้าย”
และสิ่งที่ทำให้เธอขนลุกยิ่งกว่านั้นก็คือ... นางเอกในเรื่อง ดันชื่อ “แซนดี้” เหมือนเธอเป๊ะ
ในเนื้อหาแซนดี้ ตัวละครผู้มีใบหน้าและฐานะเพียบพร้อม ได้หมั้นหมายกับพระเอกสุดเพอร์เฟกต์ โรฮาน ชายหนุ่มผู้เย็นชาทรงอำนาจ สาเหตุที่ทำให้เธออ่านจนวางไม่ลงนั่นก็เพราะว่าเธอคิดว่ายังไงแซนดี้ก็คือนางเอกของเรื่อง
แต่เปล่าเลย... เรื่องราวกับหักมุมเมื่อแซนดี้ไปพัวพันกับมาร์ติน ศัตรูคู่อาฆาตของโรฮาน และภาพวาบหวิวที่ถูกเปิดเผยต่อสังคมได้เปลี่ยนสถานะของเธอจาก นางเอกผู้ถูกเลือก กลายเป็น นางร้ายที่ถูกสาปส่ง ในทันที
ความรักที่ควรจบลงอย่างสวยงาม กลับกลายเป็นโศกนาฏกรรมที่ทำให้เธออยากจะกรีดร้องออกมาให้สุดเสียง
“ฉันนั่งอ่านยันเช้าเพื่อมาดูนางเอกช้ำรัก?!” ความหงุดหงิดยังคงคุกรุ่นอยู่ในใจเธอ
โรฮานเคยเป็นผู้ชายที่แซนดี้คิดว่าเธอสามารถฝากทั้งชีวิตไว้ได้...แต่เพียงเพราะความเข้าใจผิดเพียงครั้งเดียว ทุกอย่างก็พังทลาย จากคนรักที่เคยอ่อนโยน เขากลับกลายเป็นคนที่ผลักเธอ เพราะเขาเชื่อว่าเธอนอกใจ... เชื่อว่าเธอหักหลังความไว้ใจของเขาด้วยการไปพัวพันกับมาร์ตินและตั้งแต่ตอนนั้นเขาก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
เขาไม่เคยฟังคำอธิบายของเธอแม้แต่ประโยคเดียว และยิ่งโหดร้ายไปกว่านั้น เขาหันไปมอบรอยยิ้มและสายตาอบอุ่นที่เธอเคยได้รับให้กับผู้หญิงอีกคน มาเรีย ผู้หญิงที่นิยายบอกว่าเป็นนางเอกคนใหม่
หัวใจของแซนดี้ถูกฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ ความหึงหวงกัดกินเธอทุกวินาที เธอรักเขามากเกินกว่าจะยอมเห็นเขาอยู่กับใคร แม้ความสัมพันธ์จะป่นปี้ แต่เธอก็ยังยึดติดในฐานะ “คู่หมั้น” และเริ่มตามราวีทั้งเขาและเธอคนนั้นอย่างไร้สติ
ความรักกลายเป็นบ่วง ความหึงหวงกลายเป็นดาบที่ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง จนกระทั่ง ตอนจบ ของนิยาย...แซนดี้ตายด้วยน้ำมือของโรฮาน คนที่เธอรักที่สุด คนที่เธอยังเชื่อว่าลึกๆ แล้วต้องเข้าใจเธอสักวัน แต่เปล่าเลย...ความจริงถูกเฉลยช้าเกินไป
ในตอนพิเศษที่เหมือนมีไว้เพื่อซ้ำเติมหัวใจผู้อ่าน
หลังแซนดี้ตาย โรฮานถึงได้รู้ความจริงว่าเธอกับมาร์ตินไม่เคยมีอะไรกันเลย สิ่งที่เขาเชื่อมาตลอดคือภาพลวงตา แต่สิ่งที่แก้ไขไม่ได้...คือชีวิตของแซนดี้
เขาทำได้เพียงยืนอยู่หน้าหลุมศพ ริมฝีปากเอ่ยคำว่า “ขอโทษ” แต่สายลมก็พัดพาไป ไม่มีวันส่งถึงคนที่เขาฆ่าไปด้วยมือของตัวเองและเรื่องราวทั้งหมด...จบเพียงแค่นั้น
“ขอด่าหน่อยเหอะ!” เสียงใสของหญิงสาวดังลั่นห้องนอน แซนดี้เดือดจนแทบจะขว้างหมอนตามโทรศัพท์ที่เพิ่งปาไปเมื่อครู่ เธอกระชากมันกลับมาในมือ แล้วรัวนิ้วพิมพ์ลงบนหน้าจอด้วยความโมโหที่เอ่อล้น
[นิยายบ้าบออะไร! แซนดี้ทำอะไรผิด! ทำไมเธอต้องตาย! คนที่สมควรตายคือไอ้บ้าโรฮาน ไอ้พระเอกโง่เง่า!]
[นักเขียนก็เหมือนกัน เกลียดอะไรแซนดี้นัก เฮ้อ! เสียเวลาอ่านจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพื่อมารู้ว่าตอนจบแซนดี้ตายเนี่ยนะ แย่ที่สุด!]
เธอพิมพ์ไปสบถไป ใบหน้าสวยๆ ที่น่าจะได้พักผ่อนในวันหยุดกลับแดงก่ำด้วยความโกรธ หัวใจเต้นแรงราวกับเธอเองต่างหากที่ถูกหักหลัง
หลังจากระบายความคับแค้นใจผ่านแป้นพิมพ์ แซนดี้ก็กดส่งคอมเมนต์นั้นออกไปทันที ก่อนจะปิดหน้าจอมือถืออย่างหงุดหงิด
“เสียเวลาอ่านชะมัด! ถ้าฉันได้เป็นแซนดี้ในนิยายนะ สิ่งแรกที่ฉันจะทำคือถอนหมั้นกับไอ้พระเอกโง่นั่นให้ดูเลย!” เสียงบ่นยังคงดังลั่นห้อง แม้เรื่องที่เพิ่งอ่านไปจะจบลงแล้ว แต่ความขัดใจยังคุกรุ่นอยู่เต็มอก
เพราะในมุมมองของเธอ แซนดี้ ตัวละครที่ถูกตีตราว่าเป็น นางร้าย ไม่เคยตั้งใจจะร้ายเลยสักครั้ง สิ่งที่เธอทำก็เพียงเพราะ “หึงหวง” คู่หมั้นของตัวเองที่พาผู้หญิงคนอื่นออกงานต่อหน้าสาธารณชนต่างหาก
โรฮานต่างหากที่เป็นตัวต้นเหตุ แต่เขากลับไม่กล้าพูดถอนหมั้นตรงๆ เพียงเพราะเกรงใจปู่ผู้มีอำนาจ จึงเลือกที่จะกดดันจนแซนดี้ต้องเป็นฝ่ายยอมปล่อยมือไปเอง
มองจากทุกมุม...พระเอกกับนางเอกในเรื่องนี้ก็ไม่ต่างอะไรจาก ตัวร้ายในชีวิตของแซนดี้ เลยแม้แต่นิดเดียว
“โอ๊ย จะบ้าตาย! หงุดหงิดโว้ยยย!”
หญิงสาวดีดดิ้นอยู่บนเตียงราวกับเด็กเอาแต่ใจ ใบหน้าสวยๆขมวดคิ้วแน่นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่สุดท้ายเธอก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่ายอมรับความจริง ว่านิยายก็คือนิยาย เรื่องราวทั้งหมดเป็นเพียงจินตนาการที่นักเขียนปั้นแต่งขึ้นมา และไม่ว่ามันจะจบลงอย่างไร เธอก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้
เมื่อร่างกายที่อดหลับอดนอนมาตลอดทั้งคืนเริ่มอ่อนแรง ความง่วงถาโถมเข้ามาอย่างห้ามไม่อยู่ เปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆ ปิดลงทีละน้อย ลมหายใจเริ่มสม่ำเสมอ
ทว่าก่อนที่สติจะดับวูบไป เธอก็ยังไม่ลืมที่จะทิ้งประโยคสุดท้ายออกมาอย่างเจ็บแค้น
“โรฮาน...ไอ้พระเอกเฮงซวย!!!”