ยังไม่ทันก้าวเกินสามก้าว แขนฉันก็ถูกจับและกระชาก ตัวฉันเซนิด ๆ
“พี่เมธทำอะไร”
พี่เมธก้าวเข้ามาใกล้ สีหน้าแววตาบึ้งตึงขึ้น แค่นคำรามคำพูดน่าตบออกมา
“ถ้าจะเลิก คนที่พูดต้องเป็นพี่สิที่บอกเลิกน่ะที่รัก เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดคำนั้นกับพี่”
“แล้วพี่มีสิทธิ์อะไรมาจับฉัน ปล่อย!” แค่นเสียงสั่งจ้องเขาอย่างไม่กลัว
“สิทธิ์ที่พ่อเธออยากได้พี่เป็นลูกเขยยังไงล่ะ”
“ตอนนี้พ่อไม่อยู่” ฉันย้ำกลัวเขาจะลืมไปว่าพ่อฉันตายแล้ว เรื่องเรือร่มในหนองก็ควรตายไปด้วยเหมือนที่ครอบครัวเขาเองก็อยากให้เป็น
“เหรอ...” พี่เมธหัวเราะเสียงน่าเกลียด ทำท่าจะรวบตัวฉันไปกอดแต่ฉันถอยหนี จนหลังปะทะเข้ากับขอบโต๊ะสนุกเกอร์ ถอยหนีไม่ได้อีก พี่เมธยิ่งดูสนุก โน้มตัวมาใกล้ ฉันเอนตัวออกห่าง หลังกดลงกับขอบโต๊ะสร้างความเจ็บปวด
“พี่กลับไม่คิดแบบนั้นนะครับ ยิ่งพ่อเธอไม่อยู่ เธอยิ่งเลิกกับพี่ไม่ได้ เพราะพี่เป็นคนเดียวที่ช่วยให้เธอมีชีวิตดี ๆ ได้ หรือไม่จริง”
เขาโฉบหน้าลงมาใกล้ ฉันเบือนหลบแทบไม่ทัน ปากนั่นจึงกดทับลงบนใบหูแทน ความตกใจยิ่งทำให้ออกแรงผลัก แต่กายเขาหนาและใหญ่ไม่สะทกสะท้าน คำพูดกลั้วหัวเราะอีกคำก็ตามมา
“แค่อ้อนพี่เพราะ ๆ คอยอ้าขาให้พี่ดี ๆ อยากได้อะไร บ้าน รถ คอนโด เงินเดือนกี่แสนที่รักว่ามาได้เลย” เสียงเขาไม่ดังแต่ไม่เบา เพื่อน ๆ ที่ต่างยืนไม่ไกลก็ได้ยิน พวกเขาถึงได้พากันหัวเราะ มันทำให้ฉันหัวร้อน มีเรี่ยวแรงผลักเขาออกจนได้ หรืออาจจะเป็นเพราะดาวนิเทศฯ คนสวยทนมองไม่ไหวเข้ามากระชากแขนเขา เริ่มแสดงอิทธิฤทธิ์ทันที
“พี่เมธ ไหนว่าไม่สนใจมันแล้วไงคะ แล้ววาล่ะ”
“วาก็อยู่ส่วนวาไงครับ ทำตัวน่ารัก ๆ พี่ยังเอ็นดูวาเหมือนเดิม”
“น้องวาไม่ต้องกลัวหรอก ไอ้เมธมันรวย เลี้ยงคนสวย ๆ ได้ไม่อั้น”
“แต่วา”
“น้องวา อย่าดื้อสิครับ”
ฉันยิ้มเยาะสิ่งที่เห็นและได้ยิน วาที่ทำหน้าบึ้งหันมาเห็นพอดี จึงปรี่เข้ามาหาฉัน
“เธออย่าคิดสำคัญตัวเองเกินไป เธอยังคิดว่าเธอเป็นคุณหนูศิร์กานต์ผู้แสนไฮโซมีเงินเป็นหมื่นเป็นแสนล้านอยู่รึไง ลืมหรือเปล่าว่าครอบครัวเธอเพิ่งล้มละลาย ที่จะซุกหัวนอนยังขอเขาอยู่ไม่ใช่เหรอ พี่เมธน่ะ เขาก็แค่อยากเอาแกเป็นของเล่นแค่นั้นแหละ ไม่ได้คิดจะยกย่องอะไรหรอก”
“เหมือนที่เธอกำลังเป็นนี่น่ะเหรอ ขอโทษ ฉันไม่สนใจ”
“แก!”
ฉันก้าวถอยออกมาตั้งหลักเมื่อเห็นอีกฝ่ายยกมือขึ้นทำท่าจะตบ ตั้งใจจะตบกลับเหมือนกัน ไม่ใช่อยากได้ผู้ชายเฮงซวยแบบพี่เมธหรอก แต่เรื่องอะไรฉันต้องยอมโดนคนอื่นทำร้ายด้วย ทว่า ไม่มีเสียงตบดังและแก้มฉันก็ไม่ได้เจ็บ เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับที่วาถูกพี่เมธกระชากตัวกลับไป
“โว๊ะ ตรงนี้มีเรื่องน่าตื่นเต้นอะไรกัน”
ผู้ชายตัวสูงผิวเข้มเดินเข้ามาที่โต๊ะพร้อมเพื่อนอีกกลุ่ม ถ้าฉันจำไม่ผิด เขาเป็นลูกชายรัฐมนตรีกระทรวงอะไรสักอย่าง เคยเห็นผ่าน ๆ ในเพจมหา’ลัย และในงานเลี้ยงบางงาน
“พี่โดม” พี่เมธทัก เพื่อนของเขาพากันทักทายกลุ่มมาใหม่ท่าทางนอบน้อม “ผมกับแฟนแค่เคลียร์อะไรกันนิดหน่อย”
เมื่อเห็นมีคนอื่นเข้ามาเบี่ยงเบนความสนใจพี่เมธ ฉันเตรียมจะผละหนี แต่กลับถูกผู้มาใหม่ก้าวมาขวางหน้า
“คนนี้เหรอ น่ารักดีนี่หว่า” เขาก้มลงมามองหน้าฉัน แววตากลอกกลิ้งไม่น่าไว้วางใจ “เปลี่ยนเดิมพันดีกว่า กูไม่เอาเงินแล้ว กูอยากได้น้องคนนี้ไปกอดคืนนี้ว่ะ”
“บะ บ้ารึไง ฉันไม่ใช่แฟนเขาแล้ว” ท่าทางคุกคามทำให้ฉันถอยหนี พี่เมธเข้ามายืนข้าง ๆ โอบเอวฉันไว้แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ฉันไม่ชอบแต่นิ่งทนไว้ก่อน รอให้ออกไปจากตรงนี้ได้ก่อน
“ไม่เอาน่าพี่ ผมอยากได้เงินนะ เราเดิมพันกันหลักล้านจะมาเปลี่ยนกันง่าย ๆ ได้ไง”
“รึมึงเสียดาย ไม่เอาน่าไอ้เมธ ทำยังกับมึงกับกูไม่เคยแบ่งหญิงกัน”
“บอกแล้วผมอยากได้เงิน”
“งั้นดี มึงชนะเอาเงินไป กูชนะจะเอาน้องคนนี้”
พี่เมธหันมามองฉัน สีหน้าเขาครุ่นคิดบางอย่าง “ตกลง”
“พี่ไม่มีสิทธิ์ นี่มันตัวฉันนะ”
“ก็แค่เรื่องสนุก ๆ น่าที่รัก อย่าเรื่องมากเลย ยังไงพี่ก็ชนะอยู่แล้ว เธอก็รู้พี่เล่นสนุกฯ เก่งแค่ไหน”
ฉันสุดจะทนฟังได้ไหวตวัดตบหน้าพี่เมธฉาดใหญ่แล้วหมุนตัวผละหนี
Gear Part
เพียะ!!!
เสียงตบดังก้องห้องทำให้ผมกับเพื่อนที่เพิ่งก้าวขึ้นมาบนชั้นสามชะงักหันไปมองยังจุดที่เกิดเสียงอีกครั้ง เสียงไอ้ฉินที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับครางออกมา
“อูย...เห็นละแสบ”
“แสบหน้า” นี่ไอ้อาม มันกับไอ้ฉินมักจะเป็นคู่หูคู่ป่วน พูดมาก พูดไม่หยุด อยากมีส่วนร่วมไปทุกเรื่องที่สายตามันกราดไปเห็น
“แสบมือแทนคนสวยสิ” ไอ้ฉินตอบพลางหัวเราะ
ไอ้โต เพื่อนในกลุ่มอีกคนเพียงปรายตามองมัน หมอนี่มันไม่ช่างพูดมาก กลุ่มเรามีกันสี่คน เรียนที่เดียวกัน สาขาเดียวกัน
“ได้ใจจริงน้องคนนี้ แถมสวยสะบัด”
“พูดเหมือนรู้จัก”
“น้องที่รักไง ปีหนึ่งบริหารปีนี้น่ะ”