เพื่อนสนิทไม่ใจดีเหมือนก่อนเลย

1421 Words
“ชมพูใช่ไหมที่พ่อบอกว่าคอยช่วยคุมพฤติกรรมตาคริสน่ะ เทอมที่แล้วก็พาไปแก้ ร.จนครบทุกตัว” พี่สาวคริสหันไปถามคุณตา เหมือนถามฉันไปด้วย นี่ก็แอบภูมิใจลึกๆ เหมือนกันนะ มีกำลังใจจะวุ่นวายกับเขาต่อแล้ว “ใช่แล้วละ วันนี้ก็ขอบใจมากนะชมพู” ยิ่งคุณตาตอบยิ่งยิ้มหน้าบาน พอหันไปมองคนข้างๆ ก็แทบหุบยิ้มไม่ทัน คริสไม่พอใจแน่ๆ ที่ฉันชอบคาบข่าวของเขาไปฟ้องพ่อเขา คือตอนแรกๆ ฉันอาจจะฟ้องเก่งจริง แต่ตอนนี้ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงก็ไม่อยากฟ้องหรอก แต่คริสฟังฉันเสียที่ไหน “ต่อไปมีอะไรรายงานพี่ด้วยเลยนะชมพู ไดเรกเลย” รู้สึกดีใจวูบวาบในอก แม้ไม่รู้ว่าพี่แคร์แค่พูดไปตามสถานการณ์หรือเปล่า แต่ดาราอะนะ ฉันก็ต้องตื่นเต้นสิ แต่ดีใจก็ไม่สุดเมื่อคริสหันมามองตาขวางใส่แล้วก็สะบัดหน้าไปอีกทาง รังสีความคุกรุ่นทำฉันใจฝ่อ ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าว่าเขาดูไม่พอใจมากกว่าเวลาฉันฟ้องพ่อเขาเสียอีก บนรถไม่ได้มีเสียงพูดคุยมาอีกพักใหญ่ๆ คริสก็ไม่คุยกับฉันอยู่แล้ว ดึงหน้าใส่มาตลอดทางจนมาถึงบ้านของเขา “พากันไปดูในครัวสิลูก ป้ากรทำอะไรไว้ให้ไหม” คุณพ่อของคริสถาม เวลาฉันมาบ้านเขา หรือเขาไปบ้านฉันส่วนใหญ่ก็ต้องกินก่อนละ ฉันกับคริสแยกมาห้องครัว “พี่แคร์สวยมากเลย สวยกว่าในทีวีอีก” ฉันไม่รู้จะชวนคุยอะไร ตอนนี้เรื่องที่ตื่นเต้นอยู่ก็มีแต่เรื่องพี่แคร์นี่แหละ “ทำไม เธอจะได้คนฟ้องใหม่แล้วเหรอ อย่าคิดว่าเขาจะมาสนใจอะไรเธอเลย ฟ้องไปเขาก็ไม่อ่านหรอก พูดไปงั้น ฟ้องพ่อฉันคนเดียวก็จุ้นจ้านน่ารำคาญเต็มทนแล้ว” คริสบ่นยาวกว่าปกติที่เคยบ่นฉัน และยังรู้สึกถึงอารมณ์หนักๆ จนเหมือนจะเซล้มไปเหมือนกัน ฉันชะงักขาที่กำลังเดินตามเขาเข้าไปในห้องครัว อยากหันหลังกลับแล้วหนีไปให้ไกล แต่ทำได้แค่ยืนปักหลักอยู่ตรงนี้ จุกๆ ในอก...อยากร้องไห้จัง คริสหันกลับมา ไม่รู้ฉันทำสีหน้าแบบไหนเขาถึงดูตีหน้ายาก ก่อนที่อารมณ์ที่ดูตึงๆ มาตลอดตั้งแต่อยู่บนรถจะคลายลงบ้าง “เข้ามาสิ” ฉันก้าวขาตามเข้าไปในครัวอย่างเลื่อนลอย จนไปหยุดที่โต๊ะกินข้าวเล็กๆ ทำตัวไม่ถูกขึ้นมาดื้อๆ จนเขาส่งสายตาให้นั่งถึงเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งลง มองดูคริสเปิดตู้กับข้าวแล้วถือจานอาหารมาวางบนโต๊ะ จนจะเสร็จแบบลืมไปเลยว่าควรช่วยเขา พอรู้ตัวก็ลุกไปหยิบทันแค่ขวดน้ำสองขวด จะเปิดฝาให้ก็ไม่มีแรงอีก คริสทำสายตารำคาญก่อนจะแย่งไปเปิดให้ มันก็ปกติของเขานั่นแหละ ฉันทำอะไรก็ดูน่ารำคาญไปหมด แต่ตอนนี้ฉันเสียใจ...มากกว่าปกติ “ไม่กิน เขี่ยอยู่นั่น” “ไม่หิว อยากกลับบ้านแล้ว” ฉันวางส้อมแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา จะกดส่งข้อความหาตาให้มารับทั้งๆ ที่ถ้าวันไหนได้มาบ้านเขาจะชอบอยู่ถึงมืด แต่เสียงของคริสก็ทำให้มือที่กำลังพิมพ์ชะงักค้าง “หมูทอดไหม ให้ป้ากรทำให้” ฉันอึ้ง สมองพยายามคิด แต่ใจมันอุ่นนำไปแล้ว เข้าข้างตัวเองว่าเขากำลังปลอบใจ ถึงจะดูเหมือนเป็นการตบหัวแล้วลูบหลัง แต่มันก็ดีกว่าตบแล้วทิ้งไว้ให้เจ็บแล้วรักษาตัวเองคนเดียว “ฮื่อ” ฉันส่ายหน้า แล้วตักกับข้าวที่มีบนโต๊ะใส่จาน ตอนนี้รู้สึกจะหิว กินอะไรก็อร่อยหมด ผมส่ายหน้า แอบถอนหายใจโล่งอก...ไม่คิดว่าจะซึมขนาดนี้ ปกติไม่ค่อยเห็นชมพูจะสลดอะไรมากมายเวลาผมบ่น แต่ก็ไม่แน่ใจว่าวันนี้ตัวเองอารมณ์เสียมากกว่าปกติหรือเปล่า... ผมรู้จักกับชมพูตั้งแต่เด็กๆ เลย พ่อมักชวนไปงานวันเกิดเธอทุกปี หลานสาวหัวแก้วหัวแหวนของตาช้อยเพื่อนของตาควง...พ่อของผม วันเกิดที่ดูเธอจะมีความสุขที่สุดเพราะตากับยายก็จัดเต็มให้ทุกครั้ง แม้ตอนที่คุณยายเธอเสียผู้เป็นตาก็ไม่เคยจะขาดตกบกพร่อง แต่มันก็เป็นภาพจำที่เจ้าตัวมักจะแอบซึมๆ...ก็คงอยากจะให้พ่อกับแม่อยู่ด้วย แต่พอปีไหนแม่ของเธอมาร่วมงานวันเกิดจริงๆ ก็ทำเป็นตั้งแง่กับแม่ตัวเองเสียอย่างนั้น พ่อกับแม่ชมพูเอาลูกสาวตัวเองมาฝากตายายเลี้ยงตั้งแต่เกิด ตัวเองทำงานอยู่กรุงเทพฯ ภายหลังก็แยกทางกัน ยิ่งไม่ได้แวะเวียนมาหาลูกสาวที่ทิ้งไว้ให้ตากับยายเลี้ยง ชมพูก็เลยกลายเป็นลูกสาวคนเล็กของตากับยายไปโดยปริยาย เธอไม่ลงรอยกับแม่นัก และเป็นประเภทปากเก่ง ทำเป็นไม่สนใจ แม้ตอนนี้ผมจะคิดว่าเธอไม่สนใจเรื่องพ่อแม่เท่าเมื่อก่อนแล้วก็จริง แต่จะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรก็ไม่ได้ จะเรียกว่าเป็นความสงสาร เห็นใจ เข้าอกเข้าใจหรืออะไรก็ตามที่ทำให้ผมสนใจเธอ เห็นหน้าหงอยๆ ซึมๆ เวลามีเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวมาสะกิดก็อยากเอาใจช่วย ชมพูอาจไม่ค่อยได้สนใจผมนัก มาสนก็ตอนที่เราเรียนมอหนึ่งห้องเดียวกัน และดูจะสนใจมากเป็นพิเศษด้วย ช่วงแรกๆ เธอไม่ค่อยมีเพื่อนด้วยแหละ นอกจากเข้ากับพ่อแม่ตัวเองไม่ได้ ยังเข้ากับคนอื่นยากไปอีก...ผมก็เลยยิ่งสนใจเธอ ตอนนี้แม้เธอจะปรับตัวกับเพื่อนได้บ้าง แต่ก็ยังสนใจผมมากกว่าใครอยู่ดี สนใจจนบางทีก็รู้สึกรำคาญ ผมไม่ชอบให้ใครมาจุ้นจ้านเจ้ากี้เจ้าการ แต่ชมพูทำทุกอย่างที่ผมไม่ชอบ ชอบฟ้องพ่ออีกต่างหาก เป็นตัวน่ารำคาญแบบที่ผมไม่อยากเข้าใกล้...ผมแสดงออกให้รู้ว่าไม่ชอบ แต่เธอก็ลอยหน้าลอยตาวุ่นวายกับผมไม่ยอมเหนื่อยเลย...แต่วันนี้เห็นซึมๆ ก็สงสาร นั่นแหละ เธอเป็นคนที่มีนิสัยแบบที่ผมไม่อยากยุ่งด้วย แต่ก็ทำใจไล่ไม่ลง “คริส นายไม่ค่อยถูกกับพี่สาวเหรอ” นั่นไง เพิ่งสลดไปเมื่อกี้ก็มาถามให้หงุดหงิดอีกแล้ว “ทำไม เธอจะหาคนฟ้องอีกคนเหรอ” “ไม่ ถ้านายไม่ถูกกับพี่แคร์ฉันก็จะไม่สนใจพี่แคร์ไง ฟ้องคุณตาคนเดียวก็พอแล้ว” แต่คำตอบที่ได้ก็ทำให้ผมรู้สึกต้องคิดตาม เจ้าตัวยิ้มแบบมีเลศนัย ยักคิ้วให้หนึ่งทีก่อนจะอธิบายต่อ “ฉันทีมนายไง นายไม่ถูกกับใครฉันก็ไม่ยุ่งกับคนนั้น” บ้าจริง ทำไมผมถึงอยากยิ้มกับสิ่งที่เธอบอก “ถ้าทีมฉัน ทำไมถึงชอบฟ้องพ่อ” ผมพยายามพูดด้วยเสียงตึงๆ เจ้าตัวชักสีหน้ารำคาญแล้วก็บ่นยืดยาว “ก็นายไม่ยอมฟังฉันไง บอกให้เข้าเรียนก็ไม่เข้า ให้ส่งงานก็ไม่ยอมส่ง แล้วไอ้เรื่องไปท้าตีท้าต่อยนี่ตัวดีเลย ห้ามไม่อยู่ก็ต้องบอกคุณตาสิ ไม่งั้นนายก็เหลวไหลไปอีก” เห็นความน่ารำคาญของชมพูหรือยัง “ถ้านายไม่อยากให้ฉันฟ้องพ่อนาย นายก็ต้องฟังฉันไหมล่ะ” “ฝันอยู่หรือเปล่า” ผมตอบแบบไม่คิด เจ้าตัวค้อนแรงๆ แล้วก็ถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ “แล้วแต่แล้วกัน งั้นฉันก็จะฟ้องให้หมด” ตอนแรกๆ ชมพูก็ฟ้องทุกเรื่องนั่นแหละ แต่หลังๆ มาก็เพลาๆ ลงบ้างแล้วเพราะคงรู้ว่าผมไม่ชอบ ผมเห็นว่าเธอใช้พลังอย่างมากในการที่จะต้องคอยเจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตผม ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงจริงๆ ก็ไม่ค่อยบอกพ่อผมแล้ว แต่เธอห้ามผมไม่ได้...ทุกเรื่องหรอก ผมไม่ชอบให้ใครมาสั่งหรือบงการชีวิต...ต่อให้เป็นคนที่สนใจก็ตาม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD