เป็นเพื่อนสนิทได้ไหม

1591 Words
การเรียนมอหนึ่งไม่ค่อยสนุกสำหรับฉันโดยเฉพาะในสัปดาห์นี้ และวันนี้ยิ่งน่าเบื่อเมื่อครูที่ปรึกษาให้ทำกิจกรรมอะไรก็ไม่รู้ “ให้นักเรียนเขียนชื่อเพื่อนสนิทลงในกระดาษรูปหัวใจที่ครูแจกให้ เป็นความลับนะจ๊ะไม่ต้องให้เพื่อนดู” ฉันเพิ่งทะเลาะกับกลุ่มเพื่อนที่เพิ่งสนิทกันได้สองสัปดาห์ไปเมื่อสามวันก่อน ไม่รู้จะเขียนชื่อใครเป็นเพื่อนสนิทดี และคงไม่มีใครเขียนชื่อฉันเหมือนกัน ไม่แน่ว่าต่อให้ไม่มีเหตุการณ์นั้นฉันก็ไม่มีเพื่อนสนิทอยู่ดี ฉันถอนหายใจหันไปมองคริสที่นั่งอยู่เก้าอี้ตัวข้างๆ ก็เลยลองถามเขาดูเล่นๆ “คริส ฉันเขียนชื่อนายเป็นเพื่อนสนิทได้ไหม” คริสหันมามองฉัน แววตาเขาดูสงสัยเล็กน้อย คิ้วเข้มเลิกขึ้น เป็นอาการที่ฉันคิดว่าหมายถึงได้หรือเปล่า “ฉันก็ต้องเขียนชื่อเธอเป็นเพื่อนสนิทด้วยใช่ไหม” ไม่รู้เลยว่าความรู้สึกเหมือนสว่างวาบในอกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร รู้ตัวอีกทีก็ยิ้มค้างให้เขา “น่าจะแบบนั้น” ฉันตอบแล้วก้มลงเขียนชื่อคริสลงในกระดาษรูปหัวใจ เขียนเสร็จก็แอบส่องหัวใจของเขา...แล้วก็อมยิ้มที่เห็นชื่อตัวเองในนั้น ฉันถอนหายใจ รู้สึกว่าเรื่องนี้ทำให้ชั่วโมงแย่ๆ ของฉันผ่อนคลายลงได้เยอะเลย ท้องฟ้าที่มืดมัวก็พลันสดใสขึ้นทันตาอย่างไรอย่างนั้น กลายเป็นว่าชั่วโมงสุดท้ายนี้เป็นนาทีที่ดีที่สุดของวันนี้เลยก็ว่าได้ “วันนี้เอาไว้แค่นี้จ้ะนักเรียน กลับบ้านกันดีๆ เจอกันวันจันทร์” ครูที่ปรึกษาบอกหลังจากเก็บงานจากพวกฉันทุกคน ซึ่งก่อนเวลาราวๆ สิบนาที รอบๆ ดูครึกครื้นที่จะได้เลิกเรียนสักที “นักเรียนเคารพ” หัวหน้าห้องบอก คนอื่นๆ ก็พร้อมใจทำความเคารพครูแบบเสียงดังเป็นพิเศษ ฉันเก็บกระเป๋า รอความวุ่นวายซาลงสักหน่อยจึงลุกจากโต๊ะ คริสก็ยังไม่ออกจากห้องรวมถึงเพื่อนผู้ชายอีกห้าคน “มึงไปเล่นเกมกับพวกกูไหม” เนมหันมาถามคริส เขาหันมามองฉันแว่บหนึ่ง ก่อนจะปฏิเสธพวกนั้น “ไม่” “มึงจะรีบกลับบ้านไปไหน” “ไปนอน” เขาตอบแบบไม่คิด เพื่อนๆ ก็ทำหน้าเซ็งๆ ดูเหมือนว่า คริสน่าจะหนีเพื่อนกลับบ้านไปนอนบ่อยๆ เพื่อนๆ เขาเลยไม่เซ้าซี้ต่อ คริสหันมามองฉันอีกครั้ง ไม่ได้พูดอะไร ฉันก็ไม่เข้าใจเขานัก แต่ก็กลายเป็นว่าฉันเดินออกจากห้องมาพร้อมคริสและแก๊งของเขา “ชมพูล่ะกลับบ้านเลยไหม” พอเดินออกมาจากอาคารเรียนเพื่อนเขาก็หันมาถามฉันบ้าง “อือ กลับเลย” “กลับไง” “ตามารับ” ถ้าไม่ใช่ตาก็คงเป็นลุงเอกหรือใครที่บ้านสักคนนั่นแหละ “เออ พวกลูกคุณหนู มีคนมารับมาส่ง” ตาร์พูดประชดฉันกับคริส ฉันไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจอะไรหรอก เข้าใจว่าคงไม่มีอะไรจะแซวแล้วมากกว่า “แล้วนายกลับยังไง” “แม่มารับ” “โห ไอ้ลูกแหง่” เพื่อนๆ พากันโห่ตาร์ เจ้าตัวก็ไหวไหล่ดูไม่แคร์ มันเป็นบรรยากาศที่ทำให้ฉันอยากยิ้มไปด้วย รู้สึกเบาสมองดี พวกเราไม่ได้แยกย้ายกันในทันที ยังนั่งเล่นที่ลานม้าหินอ่อนหน้าโรงเรียน บางคนรอผู้ปกครองมารับ บางคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์มาเองหรือกลับรถรับส่งก็อยู่รอด้วยกัน “ครับพ่อ” คริสรับโทรศัพท์ ฉันมองเขาแว่บหนึ่งแล้วก้มอ่านการ์ตูนโชเน็นในมือต่อ แต่หูก็เงี่ยฟัง “งั้นเหรอ อืม” แล้วเขาก็วางสาย เงียบไปชั่วอึดใจคริสก็เรียกฉัน “ชม พ่อฉันอยู่บ้านเธอ บอกให้ฉันกลับพร้อมเธอ” ไม่ใช่แค่ฉันที่เงยหน้ามองเขา เพื่อนๆ อีกห้าคนก็มอง แล้วก็มองฉันกับคริสสลับกัน ก่อนที่ตาร์จะถามก่อนใคร “ทำไมมึงต้องไปบ้านชมพู” คริสทำหน้าเบื่อๆ แต่ก็อธิบายกับเพื่อน “พ่อกูอยู่บ้านชมน่ะ” “แล้วทำไมพ่อมึงต้องไปอยู่บ้านชมพู” เนมยังซักต่อเมื่อไม่ได้คำตอบที่เคลียร์ใจ “พ่อกูเป็นเพื่อนคุณตาชม น่าจะไปสังสรรค์กันมั้ง” พอคริสอธิบายจบก็เกิดความเงียบขึ้นมา เพื่อนๆ มองฉันกับเขาอย่างคิดตาม ก่อนที่ตาร์จะสรุปให้ “ออ แกสองคนรู้จักกันมาก่อนแล้วสิ ถึงว่าดูสนิทกัน” เพิ่งเปิดเรียนได้เดือนกว่าๆ เพื่อนในห้องก็ยังไม่ได้รู้จักมักคุ้น ฉันก็เปลี่ยนกลุ่มเพื่อนไปมา ตอนนี้ก็ตัวคนเดียว กับคริสก็ใช่ว่าจะสนิทอะไรกันมากมาย...แต่ต่อจากนี้อาจจะสนิทก็ได้ “ก็รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ น่ะ แต่เมื่อก่อนเรียนคนละโรงเรียน” ฉันเสริม เพื่อนๆ อีกสี่คนก็ทำเป็นเออออเข้าใจไปตามเรื่องราว “เออ ว่าแต่ชมกับพวกไอ้กิฟต์ทะเลาะอะไรกัน” จู่ๆ ภูผาก็ถามเรื่องของฉัน ซึ่งไม่ได้อยากจะตอบ “เรื่องไม่เป็นเรื่องน่ะ” กิฟต์มีพี่สาวต่างพ่อคนหนึ่งที่อาจจะไม่ได้ลงรอยกัน วันนั้นกิฟต์นินทาพี่สาวตัวเองให้เพื่อนในกลุ่มฟัง ฉันที่อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไรวันนั้นที่พอฟังๆ ก็รู้สึกว่าพี่สาวกิฟต์เหมือนตัวเองอย่างไรไม่รู้ เลยมีอารมณ์โต้แย้งแทน ก็เลยทะเลาะกัน เพื่อนคนอื่นๆ ก็เข้าข้างกิฟต์ วันต่อมาก็มาถากถางฉันอีกหลังจากที่รู้ว่าพ่อกับแม่ฉันแยกทางกันและมีครอบครัวใหม่ มีน้อง หาว่าฉันเป็นพี่ขี้อิจฉาแบบพี่สาวเขาเสียอย่างนั้น...น่าโมโหจริงๆ “เออๆ ชมพูก็อยู่กับไอ้คริสอยู่กับพวกเราก็ได้ อย่าไปไหนมาไหนคนเดียว” ภูผาพูดต่อ เขาน่าจะสังเกตว่าฉันตัวคนเดียว เมื่อก่อนที่ยังไม่ได้ทะเลาะกับเพื่อนก็ยังชอบไปไหนมาไหนคนเดียวอยู่แล้ว “เอาไว้วันไหนพวกเราโดดเรียนแล้วชมพูจะอยากนั่งเรียนคนเดียวก็ว่ากัน” ตาร์พูดติดตลก แต่ฉันก็เริ่มสงสัยว่าพวกเขาโดดเรียนกันบ่อยแค่ไหน ห้องฉันมีผู้ชายแค่สิบเอ็ดคน เวลาหายไปมันก็สังเกตง่ายเพราะชอบหายไปเป็นกลุ่มเป็นก้อน ฉันเริ่มนึกถึงคำพูดของคุณพ่อคริสที่อยากให้ฉันช่วยดูคริสให้...สงสัยว่าคงต้องจับตาดูเป็นพิเศษแล้วละมั้ง ฉันไม่คิดว่าจะอยากไปไหนมาไหนกับพวกผู้ชายไปตลอดหรอก ฉันคงมีกลุ่มเพื่อนผู้หญิงของฉันที่พอมีเพื่อนนั่งกินข้าวบ้างละ...แต่กับคริสฉันเริ่มคิดว่าถ้าเป็นเพื่อนสนิทกันจริงๆ ก็คงดี “ชมนั่นใช่รถที่บ้านเธอไหม” คริสถาม ฉันมองตามที่มือเขาชี้ก็เห็นว่าเป็นรถที่บ้านตัวเองจริงๆ รีบสะพายกระเป๋าและลุกจากม้าหินอ่อน “อ้าว จะกลับแล้วเหรอ” เฟิร์สถาม ฉันพยักหน้าแล้วยกมือลาทุกคน “อืม กลับก่อนนะ” “เออๆ ไอ้คริสมึงก็กลับพร้อมชมเลยใช่ไหม” ถามทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้ว คงไม่รู้จะคุยอะไรกันมากกว่า “อืม” คริสตอบ เราสองคนก็วิ่งไปที่รถที่จอดรอบนถนน เพราะไม่อยากให้รอนาน เนื่องจากตอนนี้มีรถผู้ปกครองมารอรับนักเรียนค่อนข้างเยอะ กระจกฝั่งคนขับลดลงลุงเอกยิ้มให้พวกฉัน ซึ่งก็ตามคาดว่าตาคงจะคุยกับคุณพ่อของคริสอยู่ เลยให้ลุงเอกเป็นคนมารับในวันนี้ ฉันเปิดประตูด้านหลัง เข้าไปนั่งอีกฝั่ง ส่งสัญญาณให้คริสตามขึ้นมา เขาเข้ามานั่งด้วยกันและปิดประตูรถ “เรียบร้อยกันแล้วนะครับ” “ค่ะลุงเอก” พอฉันตอบรถก็เคลื่อนออกไป ฉันรู้สึกว่าในรถแคบลงถนัดตา เกิดอาการหัวตื้อขึ้นมาชั่วขณะ ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรให้รถไม่เงียบดี “ตาหนูกับคุณพ่อของคริสมีธุระอะไรกันเหรอคะลุงเอก” ก็เลยถามเรื่องของผู้ใหญ่เสียเลย “อืม ไม่แน่ใจครับ ก่อนลุงออกมาก็เห็นตั้งวงกันได้ที่แล้ว” “เฮ้อ น่าจะธุระอยากดื่มมากกว่า” ฉันบ่นตาตัวเอง อายุจะหกสิบแล้วยังตั้งวงสังสรรค์อยู่ได้ “คริส แล้วนายจะให้ฉันไปส่งที่บ้านหรือเปล่า” เพิ่งหาจังหวะมาคุยกับเขาได้ “พ่อบอกว่าให้ไปบ้านเธอเลย ไปบ้านเธอนั่นแหละ คนละทางกัน” บ้านคริสอยู่ใกล้โรงเรียนกว่าก็จริง แต่ก็ไม่น่าเรียกว่าทางผ่านได้ ต้องขับเข้าไปในหมู่บ้านลึกพอสมควรแล้ววนกลับออกมา “แล้วนายล่ะ อยากกลับบ้านเลยไหม ไปส่งได้นะ ไม่ลำบาก” “ทำไม ไม่อยากให้ไปบ้านเหรอ” เขาหันมาถามยิ้มๆ แม้จะรู้ว่าเขาไม่ได้หมายความตามนั้นจริงๆ แต่ฉันก็เผลอร้อนตัว รีบปฏิเสธ “ไม่ๆ ฉันก็แค่คิดว่าเผื่อนายอยากรีบกลับบ้านไปนอนแบบที่บอกพวกนั้นไง ถ้าไปบ้านฉันน่าจะยาวนะ ดูท่าพ่อของนายคงสังสรรค์กับตายาว” “ก็ไม่เป็นไร ไม่ได้อยากรีบนอนขนาดนั้น หรือถ้าอยากนอนจริงๆ บ้านเธอก็หลังใหญ่ออก น่าจะพอมีที่ให้นอน” เขาพูดด้วยท่าทีผ่อนคลาย ก็เลยไม่ขัดเรื่องที่คริสจะไปบ้านอีก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD