ทางด้านหญิงสาวที่เดินชนพิงค์ลานนา เมื่อไปถึงชายหนุ่มสุดหล่อคนนั้น หญิงสาวก็เอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ
“เอ..ผู้หญิงคนนั้นใช่เพื่อนของคุณหรือเปล่าคะพีร์ แนนว่าเคยเห็นเขาอยู่กับกลุ่มของคุณนะ เหมือนเคยเห็นรูปในไอจีคุณน่ะค่ะ”
“ใช่ แต่เขาดูแปลก ๆ”
“แปลกยังไงคะ”
“เขาทำท่าเหมือนไม่รู้จักผม”
แนนยิ้ม ก่อนบอก “เขาคงกลัวแฟนเขาจะหึงละมังคะ ท่าทางแฟนเขารักเขามากนะคะ เดินเหมือนจะอุ้มเขาเลยอะ”
พีร์แค่นยิ้ม “ก็คงงั้นมั้ง รักมากก็เลยหูหนวกตาบอด”
“เอ๊ะ หมายความว่ายังไงคะ”
“ไม่มีอะไรหรอก เรารีบไปกันเถอะ ผมหิวข้าวแล้ว”
“ว่าแต่พีร์เข้ามาในร้านนี้ทำไมคะ มาเลือกชุดเด็กไว้เหรอคะ รีบดูไปหรือเปล่า เรายังไม่ได้แต่งงานกันเลยนะ” หญิงสาวเอ่ยด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
“ผมเห็นว่าชุดมันน่ารักดี เลยเข้ามาเดินดูน่ะ...ดูไว้ก็ไม่เสียหายนี่นา ยังไงวันหนึ่งเราก็ต้องมีลูกด้วยกันอยู่แล้ว” เขามองหน้าเธอด้วยแววตาเปี่ยมด้วยความรักอย่างจริงใจ
หญิงสาวยิ้มเขิน แล้วคล้องแขนเขาแล้วพาเดินออกจากร้านไป โดยที่เขาไม่วายหันไปมองสองหนุ่มสาวคู่นั้นด้วยแววตาสงสัยและแคลงใจบางอย่าง
ออกจากร้านเสื้อผ้าเด็ก ปักษ์พาพิงค์ลานนาเข้าไปในร้านอาหารเกาหลีแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นร้านที่ไปรยานัดเอาไว้ ซึ่งเมนูล้วนแล้วแต่ทำจากเนื้อวัวทั้งสิ้น
“เอ่อ คุณปักษ์ ขอโทษนะคะดิฉันไม่ทานเนื้อค่ะ” หญิงสาวเรียกเขาเอาไว้
ชายหนุ่มทำหน้าตกใจ “อ้าว ตายจริง ผมต้องขอโทษด้วย ผมไม่ทราบ งั้นไปดูร้านอื่นกันนะ”
“ดิฉันเองก็ไม่ทราบว่าร้านนี้เป็นเนื้อ เลยรับนัดคุณปุ๊ ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไร ๆ ไม่ต้องซีเรียส ปุ๊เป็นคนง่าย ๆ อยู่แล้ว เราย้ายร้านกันได้” เขาพูดให้เธอสบายใจ
“แต่นัดคุณเมย์ไว้ด้วยนี่คะ” เธอยังคงเกรงใจ และเมย์ที่เธอพูดถึงคือดาราที่จะมาช่วยถือผลิตภัณฑ์ถ่ายรูปนั่นเอง
“นัดพี่เมย์ไว้เที่ยงแน่ะ เรากินข้าวกันก่อน แล้วค่อยไปเจอพี่เขาที่ร้านกาแฟ ไปกันเถอะ” แล้วเขาก็ผายมือเชิญเธอให้ออกเดิน
พิงค์ลานนาสำเหนียกถึงความผิดปกติได้ทันที
ไปรยาไม่บอกเธอว่าปักษ์จะมาด้วย นัดเธอสิบเอ็ดโมงแต่นัดดาราสาวมาเที่ยง และจนป่านนี้เจ้าตัวก็ยังไม่มา
พวกเขากำลังทำอะไรกันแน่???
หญิงสาวลอบมองชายหนุ่มที่เดินอยู่ข้าง ๆ อย่างพิจารณา ตลอดหนึ่งปี ที่ได้ใกล้ชิดเขา เธอพบว่าเขาไม่ใช่คนดูยาก แต่ก็ไม่ง่ายนัก อารมณ์ที่ชัดเจนในตอนแรกมีเพียงความเกรี้ยวกราด ขี้โมโหเนื่องจากอาการป่วยไข้ แต่หลังจากทำใจได้แล้ว เขาก็สงบลง กับอีกหนึ่งอารมณ์ที่ชัดมากก็คือความรักที่เขามีต่อ ‘ขวัญระมิงค์’ แต่ต่อให้แสดงออกว่ารัก เขาก็ไม่เคยล่วงเกินมากไปกว่าการกอดจูบ เพิ่งจะวันที่สายตาหายดีนั่นละที่เขารับบทคนคลั่งรัก คลั่งขนาดฝากเด็กไว้ในท้องเธอถึงสองคนนี่ละ!
แต่ตอนนี้ เขาดูน่ากลัว น่าหวั่นเกรงอย่างไรบอกไม่ถูก
เป็นไปได้มั้ยว่าเขา...
“ร้านนี้ดีมั้ย มีอะไรที่คุณทานไม่ได้หรือเปล่า” ความคิดเธอชะงักไป เมื่อเขาเอ่ยถามขึ้น ครั้นเงยหน้าขึ้นมองร้านก็พบว่าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น
“นอกจากเนื้อแล้วก็ทานได้หมดค่ะ”
“งั้นเชิญครับ”
เข้ามาข้างใน ได้โต๊ะแล้ว ชายหนุ่มก็เรียกเด็กมาสั่งอาหารทันที
“เดี๋ยวปุ๊มาก็ค่อยให้สั่งเพิ่มก็แล้วกัน ผมเดาเอาว่าหลาน ๆ ของผมต้องหิวแล้วแน่ ๆ” เขาพูดยิ้ม ๆ พลางมองที่ท้องของเธอ ดวงตาเขาเป็นประกายด้วยความสุขโดยที่เขาก็ไม่รู้ตัว
“ขอบคุณนะคะที่เห็นใจคนท้อง” หญิงสาวยิ้มบาง ๆ ให้เขา จากนั้นจึงสั่งอาหาร สั่งเสร็จแล้ว เธอก็นึกอะไรขึ้นได้ “แล้วตาของคุณปักษ์เป็นปกติแล้วใช่มั้ยคะ”
ตอนที่ถาม เธอมองตาของเขาสองข้างสลับไปมาเพื่อสำรวจ ปักษ์เองก็เผลอมองตาเธอนิ่งเหมือนกัน สักพักเขาก็พยักหน้า
“ดีมากครับ ตอนนี้มองทุกอย่างชัดเจนเหมือนเดิมแล้ว ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ”
พิงค์ลานนายิ้มสบายใจ “แล้วอาการหน้ามืด เวียนศีรษะเมื่อวานล่ะคะ ดีขึ้นหรือยัง”
“ดี ๆ หาย ๆ ล่ะครับ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นอะไร แต่ที่ขำหนักมากคืออะไรรู้ปะ คุณแม่กับป้าตาลแซวว่าอาการผมเหมือนแพ้ท้องแทนเมีย” แล้วเขาก็หัวเราะเบา ๆ อย่างเห็นขัน
พิงค์ลานนาก้มหน้าซ่อนยิ้ม ส่วนปักษ์เขามองใบหน้าที่ก้มน้อย ๆ นั้นอย่างจับสังเกต เพราะกำลังนึกถึงสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นพูด
‘คืนนี้มาเจอกันที่เก่าเวลาเดิมมั้ยล่ะ มาทิ้งทวนก่อนเราจะแยกย้ายกันไปมีชีวิตของตัวเองไง ผมรับรองว่าจะเลือกท่าที่ไม่อันตรายต่อเด็ก’
คำพูดที่น่าตกใจ และน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการหยอกเย้าระคนดูแคลนอย่างไรพิกล
คำพูดที่ใครได้ยินก็ต้องตีความได้ว่า คนพูดกับหญิงสาวมีความสัมพันธ์ล้ำลึกต่อกัน แต่พวกเขาไม่ใช่คู่รักหรือคู่สามีภรรยากัน นั่นหมายความว่า พิงค์ลานนาคบกับผู้ชายคนอื่นนอกจากสามีของเธออย่างนั้นหรือ?