เทปใสที่แปะที่ครอบตาหลังการผ่าตัดดวงตาถูกแกะออกด้วยความนุ่มนวลจากนางพยาบาลวัยกลางคน ตามมาด้วยการเอาที่ครอบตาออก
“อย่าเพิ่งลืมตานะคะ หลับตาไว้อีกครู่หนึ่ง” นางพยาบาลบอกเสียงอ่อนโยน ขณะเอื้อมมือไปทำอย่างเดียวกันที่ดวงตาอีกข้าง
เจ้าของดวงตาที่ถูกปิดทับเป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผิวขาวจัด เค้าโครงหน้าลงตัวด้วยคิ้วเข้มดำสนิท ขับผิวหน้าให้ยิ่งขาวสะอาดตา จมูกโด่งและริมฝีปากสีสด เขานั่งอยู่บนเตียงพยาบาล สีหน้าตื่นเต้นและลุ้นอย่างที่สุด
ภายในห้องนั้น นอกจากคนไข้กับนางพยาบาลแล้ว ยังมีผู้หญิงกลางคนคนหนึ่งกับหญิงสาววัยยี่สิบตอนปลายคนหนึ่งยืนอยู่ด้วย พวกเขาทั้งสามคนมีเค้าหน้าละม้ายคล้ายกัน เธอทั้งคู่กำลังจับมือกันด้วยท่าทีลุ้นสุดตัวเช่นกัน
“ขวัญมาหรือยัง ปุ๊” คนที่ยังหลับตาอยู่ถามถึงใครบางคนอย่างมีความหวัง คนที่ถูกเรียกปุ๊ยังไม่ทันตอบ ก็มีเสียงฝีเท้าเดินมาหยุดหน้าห้อง
“มาแล้วค่ะ” เสียงหวาน ๆ ดังขึ้น แล้วหญิงสาวร่างเพรียวบาง เจ้าของใบหน้ารูปไข่ที่มีเครื่องหน้าสวยหวานละมุนตา ก็เดินเข้าห้องมา เธออยู่ในชุดแซกแบบเรียบ ๆ แต่เก๋ สีครีม มัดผมเรียบร้อย
“ขวัญ” คนบนเตียงเรียกชื่อนั้นแล้วยื่นมือออกไปข้างหน้า “พี่นึกว่าขวัญจะไม่มาแล้วซะอีก”
“ต้องมาสิคะ ขวัญต้องมาให้กำลังใจพี่ปักษ์อยู่แล้ว” คนที่ถูกเรียกขวัญ รีบเดินเข้าไปใกล้เขาและจับมือใหญ่นั้นไว้ บีบเบา ๆ เป็นการส่งกำลังใจให้ “แต่ขอโทษที่มาช้านะคะ พอดี...พ่อไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ”
“อ้าว แล้วตอนนี้ท่านเป็นยังไงบ้างจ๊ะ” ชายหนุ่มถามด้วยความเป็นห่วง
“ดีขึ้นแล้วค่ะ” แล้วหญิงสาวก็ปล่อยมือจากเขาเพื่อทักทายสองหญิงต่างวัย “สวัสดีค่ะคุณแม่ สวัสดีค่ะน้องปุ๊”
“จ้ะลูก...ขอบใจนะจ๊ะที่มาหาพวกเรา มาหาพี่ปักษ์ รู้มั้ยพี่ปักษ์เขารอหนูคนเดียวเลยนะ” ผู้สูงวัยทักทายกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พลางมองเธอด้วยแววตารักและเอ็นดูอย่างจริงใจ
“รอคุณแม่กับน้องปุ๊ด้วยสิคะ ทุกคนเป็นกำลังใจสำคัญของพี่ปักษ์ทั้งนั้นเลยค่ะ” ขวัญหรือขวัญระมิงค์เอ่ยอย่างถ่อมเนื้อถ่อมตัว เรียกสายตาเอ็นดูจากประไพ มารดาของปักษ์ได้มากยิ่งขึ้นไปอีก
แล้วนางพยาบาลก็บอกให้ปักษ์ลืมตาขึ้น
“ค่อย ๆ ลืมนะคะ...ไม่ต้องรีบ ลืมตาแล้วมองไปที่ไกล ๆ ก่อนนะคะ มองที่ผนังห้องก็ได้”
ขนตาหนาและงอนไม่ต่างจากผู้หญิงค่อย ๆ เปิดออกท่ามกลางอาการลุ้นของทุกคนในที่นั้น
ปักษ์ยิ้มเมื่อวินาทีแรกที่ลืมตาแล้วเห็นสีสว่าง ๆ อยู่ตรงหน้า ไม่ใช่โลกสีดำเหมือนก่อนหน้านี้ จากนั้นเขาก็มองตรงไปที่ผนัง มันพร่าเลือนในตอนแรก และมีอาการปวดหัวแล่นเข้ามาครั้งหนึ่งก็หายไป
เขากะพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับความคมชัดของแก้วตา จากนั้นจึงหันไปทางมารดาเป็นคนแรก
“แม่ครับ...”
ประไพน้ำตาคลอขณะโผเข้ากอดลูกชายด้วยความดีใจที่สุดในชีวิตของคนเป็นแม่
สองแม่ลูกกอดกันแน่น ๆ ครั้งหนึ่ง ก็ผละออกจากกัน
“ขวัญเอ๊ยขวัญมานะลูก ต่อไปนี้ขอให้หมดทุกข์หมดโศกเสียที แม่ขอให้ลูกพบเจอแต่สิ่งที่ดีนะจ๊ะ” อวยพรพลางก็ลูบหลังลูบไหล่เขาขึ้นลง
“ขอบคุณครับแม่” จากนั้นปักษ์ก็หันไปหาน้องสาวคนเดียวของตน ไปรยาเดินเข้ามากอดพี่ชายด้วยน้ำตาแห่งความดีใจอย่างที่สุดเช่นกัน
“ปุ๊ลอกคำพูดแม่นะพี่ปักษ์ แต่เพิ่มว่า หายดีแล้วก็รีบขอพี่ขวัญแต่งงานซะ บ้านเราขาดพี่ขวัญไม่ได้แล้วนะ”
คนที่ดวงตาเพิ่งกลับมามองเห็น หันไปทางสาวคนรัก ก็เห็นว่าเธอยืนก้มหน้าเล็กน้อยด้วยความเขินกับคำพูดของน้องสาวเขา
“ขวัญ...” ชายหนุ่มเรียกชื่อนั้นแล้วยื่นมือออกไปหาอีกครั้ง หญิงสาวรีบยื่นมือมาจับมือเขาเช่นกัน “พี่ดีใจที่สุดเลย ที่ในที่สุดพี่ก็มีโอกาสได้เห็นหน้าสวย ๆ ของขวัญอีกครั้ง”
ขวัญระมิงค์น้ำตาคลอ ไม่ต่างจากแม่และน้องสาวของเขา
“ขวัญก็ดีใจค่ะ ดีใจด้วยนะคะพี่ปักษ์ พี่มองเห็นแล้ว” เธอสวมกอดเขาแล้วร้องไห้โฮออกมาเหมือนเด็ก ๆ เรียกสายตาเอ็นดูจากแม่และน้องสาวของชายหนุ่มได้อีกโข แม้ว่าจริง ๆ แล้วที่ปักษ์ต้องตาบอดก็เพราะเธอมีส่วนสำคัญก็ตาม...