ไปรยาส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรค่ะ ปุ๊คิดว่าพี่ปักษ์คงไม่อยากให้พี่ขวัญลงมาหรอกค่ะ” ไปรยาส่งสายตายั่วล้อไปทางพี่ชาย จากนั้นคล้องแขนมารดาเดินเข้าไปข้างในบ้านก่อน สองแม่ลูกเดินคุยกันกะหนุงกะหนิงไปตลอดทาง ขวัญระมิงค์ มองตามแล้วก็ยิ้ม
“เห็นคุณแม่พี่ปักษ์แล้ว คิดถึงแม่ตัวเอง...” เธอเผลอรำพึงออกมา แต่แล้วก็เหมือนนึกอะไรได้ เธอหยุดพูด แล้วรีบชวนเขาเข้าไปข้างในบ้าน แต่ปักษ์กลับติดใจอยากรู้เรื่องนี้
“จริงสิ ขวัญไม่เคยเล่าเรื่องแม่ให้พี่ฟังเลย พี่รู้แค่ว่าท่านหย่ากับคุณพ่อตั้งแต่ขวัญยังเด็ก ๆ ใช่มั้ยจ๊ะ”
“ค่ะ ก็หย่าตั้งแต่ขวัญยังแบเบาะเลยค่ะ...เอ่อ ขวัญว่า พี่ปักษ์รีบไปพักผ่อนดีกว่านะคะ” หญิงสาวตัดบท ปักษ์พยักหน้า แล้วเปลี่ยนจากจับมือมาโอบไหล่เธอเอาไว้
“เมื่อก่อน เวลาจะเข้าบ้านหรือเข้าห้องนอน ขวัญต้องประคองพี่ แต่ตอนนี้ไม่ต้องแล้วนะ” เขาก้มหน้าพูดกับคนตัวบาง ซึ่งเธอก็เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มหวานให้เขา ปักษ์เห็นแล้วก็อดใจไม่ไหว ต้องก้มลงจุ๊บปากสีระเรื่อครั้งหนึ่งด้วยความรักสุดหัวใจ ผลก็คือเธอหน้าแดงก่ำ มองซ้ายมองขวาด้วยกลัวว่าบรรดาคนรับใช้จะเห็นเข้า
“อุ๊ย พี่ปักษ์ ทำอะไรประเจิดประเจ้ออีกแล้ว เมื่อกี้ก็ต่อหน้าคุณแม่กับน้องปุ๊แล้วครั้งหนึ่ง นี่เดี๋ยวคนในบ้านเห็นนะคะ”
ปักษ์หัวเราะ มองเธอด้วยความเอ็นดู
“จะเป็นไรไปล่ะ อย่างมากพวกเขาก็เอาไปเมาธ์ในครัวว่าเห็นคุณปักษ์จูบแฟนด้วยละ แล้วคุณปักษ์นะ ดูรักแฟนม้ากมาก”
“เดี๋ยวนะคะ ประโยคหลังนี้ พวกเขาจะพูดด้วยเหรอคะ” หญิงสาวไม่อยากเชื่อ
“ก็ต้องพูดสิ เพราะมันเป็นความจริงที่ทุกคนรู้และเห็นมาตลอดไงจ๊ะ” เขาทำหน้าภูมิใจในตัวเอง “ไม่พอนะ พวกเขาจะเมาธ์กันต่อว่า คุณปักษ์น่ะโชคดีได้แฟนสวยมาก นิสัยดีมาก จิตใจดีมาก ตอนตาบอดก็ไม่มีสักวันที่จะทิ้งคุณปักษ์ให้โดดเดี่ยวในโลกมืด ๆ นั่น”
หญิงสาวหัวเราะเสียงสดใส แต่ไม่ดังนัก “อื้อหือ ถ้าใครมาได้ยินเข้า คงนึกว่านางงามจักรวาลมาเอง”
“สำหรับพี่ ขวัญสวยกว่านางงามจักรวาล”
“อื้อหือ จะลอยแล้วค่ะ...ว้าย!” ตอนท้ายหญิงสาวอุทานออกมาเบา ๆ เมื่อพบว่าร่างตัวเองลอยเหนือพื้นจริง ๆ จากการช้อนร่างขึ้นอุ้มของเขานั่นเอง “พี่ปักษ์...ปล่อยค่ะ เดินเองได้ค่ะ”
“รู้ว่าเดินได้ แต่พี่อยากอุ้มนี่นา” เขาก้มลงเอ่ยด้วยยิ้มกว้างขวาง
“แต่พี่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลนะคะ อย่าเพิ่งใช้แรงเยอะเลยค่ะ”
“คุณแฟนครับ พี่ออกจากโรงบาลเพราะเรื่องตา ไม่ได้เจ็บป่วยไข้อะไร” เขาเอ่ยกลั้วหัวเราะ “ที่สำคัญ พี่แรงดี ไม่มีตกเลยละ!”
ตอนท้ายเขาอวดโอ่ตัวเองด้วยสีหน้ามีเลศนัย ก่อนจะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
เขาอุ้มเธอผ่านห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น แล้วขึ้นบันได ตรงไปยังห้องนอนส่วนตัวของเขา บรรจงวางร่างเธอให้นั่งลงบนเตียงกว้างด้วยท่าทีทะนุถนอม แล้วตัวเขาเองก็ทรุดกายลงนั่งข้าง ๆ
“เห็นมั้ยว่าพี่ทำได้ พี่แค่ตาบอด ส่วนอวัยวะส่วนอื่นยังใช้การได้นะจ๊ะ ใช้ได้ดีด้วย”
หญิงสาวเห็นรอยยิ้มกรุ้มกริ่มนั้นแล้วก็หน้าแดง ใจเต้นแรงขึ้นมา สัมผัสได้ถึงความไม่ปลอดภัยกับร่างกายตัวเอง จึงรีบขยับตัวลุกขึ้นยืน
“ยังไงก็ตาม พี่ปักษ์ก็ต้องพักผ่อนค่ะ ควรจะพักสายตาให้เยอะ ๆ อย่างที่คุณพยาบาลบอกนะคะ”
“งั้นขวัญอยู่เป็นเพื่อนพี่นะ” เขาอ้อน
“ได้สิคะ...นอนค่ะ” พูดพลางเธอก็ค่อย ๆ ผลักร่างหนาของเขาให้นอนลง ปักษ์เอนกายตามแรงผลักของเธออย่างว่าง่าย แต่พอเธอทำท่าจะผละออก เขาก็เอื้อมมือไปกระตุกแขนเธอเบา ๆ ร่างแบบบางก็ล้มลงไปบนร่างของเขา เขารีบตวัดวงแขนกว้างโอบเธอไว้ทันที
ขวัญระมิงค์อุทานออกมาอีกครั้ง แก้มเนียนใสนั้นแดงหนักกว่าเดิม ปักษ์เห็นแล้วก็อดเอ็นดูไม่ได้
ตั้งแต่เขาตาบอดและเธอมาคอยดูแล เขาก็สัมผัสได้ว่าคนรักของเขาเปลี่ยนเป็นคนเรียบร้อยขึ้น และอ่อนหวานกว่าเดิม ทั้งที่ก่อนหน้านั้น เธอเป็นคนมั่นใจในตัวเอง แสดงออกเรื่องความรู้สึกแบบชัดเจน ชอบหรือไม่ชอบ โกรธ โมโห ก็ไม่เคยคิดจะปกปิดหรือเก็บเอาไว้ กิริยามารยาทก็เต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ เดินเหินรวดเร็ว ฉับ ๆ แต่เธอคนนี้ดูนุ่มนวล ละมุนละไมบอกไม่ถูก ที่สำคัญขี้อายเอามาก ๆ
ซึ่งเรื่องนี้ น้องสาวของเขาเคยวิเคราะห์เอาไว้ว่า อาจเพราะตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป ขวัญระมิงค์ก็ต้องปรับตัว
‘พี่ปักษ์ตาบอดอยู่ จะให้พี่ขวัญทำตัวเฟียส ๆ ก็ไม่น่าจะโอเคป่าว พี่เป็นแบบนี้ เธอก็ต้องตามใจพี่ เอาใจพี่สิคะ’
เมื่อพิจารณาดูแล้ว เขาก็เห็นด้วย ดูแต่เขาสิ ตอนตาบอดใหม่ ๆ นิสัยยังเปลี่ยนเลย จากคนใจเย็น ก็กลายเป็นคนขี้หงุดหงิด ขี้โมโห เพราะรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองไม่ได้ ใครก็เข้าหน้าไม่ติด มีก็แต่ขวัญระมิงค์นี่แหละที่ใจเย็น อดทนต่อความเกรี้ยวกราดของเขาได้ และหมั่นคอยปลอบประโลมเขา ให้กำลังใจเขาเสมอมา จนในที่สุด เขาก็ค่อย ๆ ยอมรับความจริงและอยู่กับมันได้มากขึ้น พร้อม ๆ กับการเสพติดการมีเธออยู่ใกล้ ๆ ด้วย
เขาผงกศีรษะขึ้นเล็กน้อยเพื่อหอมแก้มเธอ ก่อนจะพลิกตัวแล้วพาตัวเองมาอยู่ด้านบน หญิงสาวหน้าตาตื่น มองเขาด้วยความอายผสมหวาดหวั่น
คิ้วเข้มของชายหนุ่มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย แสดงว่าช่วงที่เขาตาบอด แล้วชอบขโมยจูบขโมยหอมแก้มเธอ เธอก็คงมีท่าทีแบบนี้สินะ ซึ่งก็ผิดไปจากขวัญระมิงค์คนเดิมอีกนั่นละ ขวัญระมิงค์คนเดิมไม่เคยอายที่จะแสดงความรู้สึกของตนให้เขารับรู้
แต่เธอเป็นแบบนี้ก็น่ารักน่าเอ็นดูไปอีกแบบ เห็นแล้วนึกอยากจะแกล้งขึ้นมาติดหมัด