คิดได้ดังนั้นเขาก็พรมจูบไปทั่วใบหน้าเนียนใส หญิงสาวที่หน้าแดงก่ำบ่ายหน้าหนีเป็นพัลวัน
“เดี๋ยวค่ะพี่ปักษ์ พอก่อน แก้มช้ำหมดแล้วค่ะ”
“ก็แก้มขวัญหอม ทั้งหอมทั้งนุ่ม...” เขาพึมพำ เริ่มเลื่อนปลายจมูกจากพวงแก้มลงมาที่ริมฝีปาก ประทับจูบลงไปเบา ๆ
“พี่ไม่รู้จะขอบคุณคนดีของพี่ยังไงดีที่ไม่เคยทิ้งพี่แม้แต่วินาทีเดียว” เมื่อถอนปากออก เขาก็เอ่ยกับเธอด้วยประโยคซ้ำ ๆ
“ก็...รักขวัญให้มาก ๆ ดูแลขวัญดี ๆ สิคะ” เธอเอ่ย ฟังดูคล้ายเป็นการฝากฝังมากกว่าจะพูดถึงตัวเอง ปักษ์สะดุดใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้ติดใจอะไร
“แน่นอนที่สุด พี่จะดูแลขวัญด้วยหัวใจ ด้วยชีวิตของพี่”
เธอยิ้ม น้ำตารื้น “ขอบคุณนะคะ”
ปักษ์ก้มลงจูบปากเธออีกครั้งด้วยสัมผัสที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ และร่างกายของเขาก็ตื่นตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากห่างหายจากเรื่องอย่างว่าไปนาน ชีวิตในโลกมืดไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย แม้จะทำใจยอมรับความจริงได้ แต่มันก็เป็นความจริงที่แสนเจ็บปวด ที่ผ่านมา เขาจึงทำเพียงกอดจูบและหอมแก้มคนรักเท่านั้น แต่ไม่เคยเกินเลยกว่านั้น เพราะอดสมเพชเวทนาความบอดของตัวเองไม่ได้
มือหนาลูบไล้ไปตามต้นแขนเรียวเสลาของเธอด้วยสัมผัสหนัก ๆ
ส่วนหญิงสาว เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ถึงอารมณ์บางอย่างที่เขาส่งมา
“พักผ่อนนะคะ” เธอว่าพลางขยับตัว บอกตัวเองว่าต้องออกจากสถานการณ์นี้ให้จงได้
“รู้มั้ยว่าการพักผ่อนไม่ได้มีแค่การนอนหลับเฉย ๆ อย่างเดียว” เขามองสบตาเธอด้วยแววตาพราวพราย หญิงสาวใต้ร่างส่ายหน้าไม่เห็นด้วย แต่พอเธออ้าปากจะแย้ง ปากอุ่นจัดของเขาก็ก้มลงไปปิดเสียก่อน
ปักษ์จูบและบดเบียดเธอด้วยความรักความเสน่หาที่ท่วมท้วนในอกและคราวนี้ หญิงสาวก็ต่อต้านเขาไม่ไหวอีกต่อไป เธอตอบสนองเขาตามสัญชาตญาณ แต่อย่าถามว่าเขาทำอะไรกับร่างกายเธอบ้าง เธอจำไม่ได้ รู้ตัวอีกทีเธอก็เปลือยเปล่าอยู่ใต้ร่างของเขาซึ่งตอนนี้เปลือยเพียงท่อนบน เผยให้เห็นอกที่แม้จะไม่มีซิกแพค เพราะเขาไม่ได้ออกกำลังกายสม่ำเสมอในช่วงหนึ่งปีหลังนี้ แต่ก็กว้างและเรียบเนียน หน้าท้องเขายังแบนราบ ไม่มีไขมันพอกพูน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้เห็นมัน ช่วงที่ดูแลเขา เธอต้องเช็ดตัวให้เขาไม่รู้กี่รอบ เพียงแต่ครั้งนี้มันต่างออกไป ทุกครั้งเขานั่งอยู่บนเตียง เธอยืนอยู่ตรงหน้าหรือข้าง ๆ แต่ตอนนี้เขานอนอยู่บนตัวเธอพร้อมด้วยดวงตาของเขาที่มองเห็นทุกอย่างแล้ว และมันก็กำลังทอประกายที่สานสบแล้วทำให้เธออ่อนปวกเปียกยิ่งกว่าเยลลี่ หัวใจเธอเต้นรัวแรง ขณะที่ร่างกายก็กำลังตื่นตัวไปกับความรู้สึกวาบหวามที่เขาเป็นคนก่อขึ้น
“พี่ปักษ์...” เธอครางชื่อเขาด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า
ปักษ์อดไม่ได้ที่จะก้มลงไปงับจมูกเล็ก ๆ ของเธออย่างต้องการหยอกล้อ ยั่วเย้า
จากปลายจมูก ปักษ์เลื่อนปากอุ่นของตนลงมาที่ปากบางสีระเรื่อของเธออีกครั้ง ด้วยติดใจความหวานในโพรงปากของเธอเหลือเกินแล้ว
จูบจนพอใจ เขาจึงถอนออก แล้วจึงเลื่อนลงมาที่ซอกคอหอมกรุ่น ดูดซับเอากลิ่นหอมอ่อน ๆ ของน้ำหอมผสมกลิ่นกายเธอเข้าเต็มปอด ขณะที่มือเริ่มสัมผัสเธอด้วยน้ำหนักแน่นหนักขึ้นทุกที และไม่นานมันก็ไปหยุดที่ดอกบัวคู่งาม เขาทักทายมันด้วยปลายนิ้วแข็งแรง แต่อานุภาพกลับรุนแรงให้เจ้าของดอกบัวครางออกมาเบา ๆ พร้อมด้วยร่างที่สั่นเล็กน้อย
ปักษ์ก้มหน้าลงไปอย่างไม่อาจห้ามใจ เขาแปลงกายเป็นผีเสื้อหนุ่มผู้หิวกระหาย ซุกไซ้และดูดกลืนน้ำหวานทั้งสองข้างจนอิ่มหนำ แล้วจึงจัดการกับกางเกงของตัวเอง จากนั้นจึงทาบทับบนร่างแบบบางอีกครั้ง และเริ่มต้นจูบเธออย่างเร่าร้อน มันเต็มไปด้วยการเรียกร้องและปรนเปรอหนักหน่วงจนหญิงสาวต้องครางฮือ พร้อมกับร่างที่เกร็งขึ้นเห็นได้ชัด
“ทำตัวตามสบายนะ” เขากระซิบ ก่อนกอดจูบลูบไล้อ่อนโยนเพื่อให้เธอผ่อนคลาย เขามองลึกลงไปในดวงตาของเธอที่ตอนนี้หรี่ปรือด้วยไฟเสน่หา “เราจะมีความสุขไปด้วยกัน”
หญิงสาวพึมพำฟังไม่ได้ศัพท์ แต่มันทำให้เขารู้ว่าเธอพร้อมแล้วที่จะเดินทางไปกับเขา ชายหนุ่มเลื่อนมือลงไปยังจุดต่ำกว่าหน้าท้องเพื่อทำความรู้จักมัน แล้วเลื่อนตัวลงพลางลากปากตามมาด้วย
เขาฝังจมูกลงฟอนเฟ้นกลีบดอกไม้นั่นอย่างหลงใหล ตามด้วยลิ้นอุ่นที่ล่วงล้ำเข้าไปถึงข้างใน
“พี่ปักษ์ขา” หญิงสาวเรียกชื่อเขาด้วยเสียงที่บ่งบอกความวาบหวามที่แสนทรมาน ถ้าเขาไม่ทำอะไรสักอย่าง เธออาจขาดใจตายอยู่ตรงนี้
ปักษ์ที่กำลังเพลิดเพลินกับกลีบดอกไม้ละความหอมหวานมาจูบปากเธออีกครั้ง คราวนี้เธอตอบโต้เขาโดยอัตโนมัติ ปักษ์ครางเสียงพอใจ
“พี่ปักษ์รักขวัญคนไหนคะ” เธอพึมพำถามเหมือนละเมอ
ปักษ์ชะงักไปเล็กน้อยกับคำถามนั้น ก่อนจะยิ้ม
“หมายถึงว่ารักขวัญตั้งแต่ตอนไหนใช่มั้ยจ๊ะ เชื่อหรือเปล่าว่าพี่รักขวัญตั้งแต่แรกเห็น แต่เสียดายตอนนั้นไม่กล้าพอที่จะไปทำความรู้จัก แต่พอได้เจออีกครั้งพี่ก็บอกตัวเองว่าจะไม่ปล่อยให้ขวัญเดินจากไปโดยที่พี่ไม่ทำอะไรแน่ ๆ”
เธอยิ้ม มองหน้าเขาด้วยความรักที่ล้นหัวใจ “รักพี่ปักษ์นะคะ”
ชายหนุ่มยิ้ม “พี่รู้จ้ะ ถ้าไม่รัก คงไม่อดทนกับพี่ได้นานขนาดนี้” ระหว่างที่พูด มือใหญ่ก็ค่อย ๆ แยกเรียวขาเธอออกจากกันในลักษณะให้ชันเข่าขึ้น จากนั้นจึงค่อย ๆ นำ ‘สิ่งนั้น’ เข้าไปในกลีบดอกไม้แสนบอบบางของเธอ คนใต้ร่างสะดุ้งและร้องออกมาเบา ๆ ใบหน้าเหยเกน่าสงสาร เขาก้มลงจุมพิตหน้าผากอย่างอ่อนโยน แล้วจูบปากเธออีกครั้งเพื่อให้เธอลืมความเจ็บปวด ระหว่างนั้นก็ค่อย ๆ ขยับตัวทีละนิด ทีละนิด
และหลังจากเขาพาเธอทะยานขึ้นไปขี่สายรุ้งท่ามกลางดงดอกไม้นานาพรรณ เขาก็กระซิบคำหวานอยู่ข้างหู
“แต่งงานกันนะ”