แต่งงานกันนะ 3

794 Words
พอออกจากบ้านของขวัญระมิงค์และไปส่งญาติผู้ใหญ่แล้ว ประไพกับปักษ์ก็เดินทางไปที่วัดเพื่อขอฤกษ์แต่งงานทันที “ดูแม่จะตื่นเต้นกว่าผมนะครับ” ปักษ์อดแซวมารดาไม่ได้ “ก็แม่กลัวคนอื่นจะคว้าหนูขวัญตัดหน้าลูกไปน่ะสิ” “ใครที่ไหนจะกล้าทำแบบนั้นล่ะครับ ในเมื่อขวัญเขารักผม เขาจะแต่งงานกับคนอื่นได้ยังไง” “หนูขวัญน่ะรักเรา ดีกับเรา แต่แม่ไม่ไว้ใจพ่อของเธอ แม่สืบรู้มาว่าคุณธนูติดการพนัน เพราะฉะนั้นแม่เลยกลัวว่าถ้ามีคนอื่นมาขอแล้วให้สินสอดมากกว่าเรา เขาจะยกหนูขวัญให้ไปง่าย ๆ” “โธ่ แม่ นี่ไม่ใช่ละครนะครับ หรือถ้าพ่อของเธอจะทำแบบนั้นจริงๆ ขวัญก็ไม่ยอมหรอก เห็นหัวอ่อน ๆ แบบนั้น เวลาจะดื้อก็ดื้อขาดใจเหมือนกันนะครับ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจในตัวคนรัก คนเป็นแม่ยิ้ม “ยังไงก็ตาม แม่ก็ต้องรีบหาฤกษ์ เพราะแม่อยากให้ลูกแต่งงานเร็ว ๆ จะได้มีหลานให้แม่อุ้มเร็ว ๆ ไงล่ะ” ปักษ์หัวเราะ “ผมสัญญาเลยครับ หลังจากแต่งงานแล้ว ผมจะตั้งใจผลิตหลานให้คุณแม่เต็มที่เลย” แต่ครั้นไปถึงวัด กราบหลวงลุง แจ้งข่าวเรื่องแต่งงานและขอให้ท่านดูฤกษ์ให้แล้ว ท่านซึ่งดูดวงแบบวันเดือนปีเกิดและเวลาตกฟากกลับบอกว่าปักษ์กับขวัญระมิงค์ไม่มีดวงแต่งงานกันในเร็ว ๆ นี้ “แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อาตมาไม่อยากให้โยมทั้งสองยึดมั่นในสิ่งที่อาตมาบอกจนมากเกินไป ฟังเอาไว้เป็นแนวทางก็พอ ที่สุดแล้ว ถ้าทั้งคู่พร้อมจะแต่งงานกันจริง ๆ นั่นเป็นฤกษ์ยามที่ดีที่สุดแล้ว” ท่านสรุปในตอนท้าย ปักษ์เห็นด้วยกับคำพูดนี้ แต่ประไพคิดต่างออกไป ในเมื่อพระทักแล้ว ก็ควรจะฟังและหาทางออกที่ดีที่สุด “ถ้างั้นแม่ว่าหมั้นไว้ก่อนมั้ยปักษ์” เธอเสนอลูกชายเมื่อกลับออกมาจากวัดกันแล้ว “หมั้นเช้าแต่งเย็นนะครับแม่” “แม่เกรงว่าจะไม่ได้...” น้ำเสียงของคนเป็นแม่เครียดและกังวลหนัก “ทำไมล่ะครับ ไหนแม่บอกว่าอยากจะมีหลานเร็ว ๆ ไงล่ะ” “แต่เชื่อหลวงลุงเอาไว้หน่อยก็ดีนะลูก...แม่ว่าหมั้นไว้ก่อนซักปีก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร ถือเสียว่าในหนึ่งปีนี้เป็นการเตรียมงานแต่งก็แล้วกัน” “โห แม่ เป็นปีเลยเหรอ” คนอยากมีเมียโอดครวญ หน้าละห้อย “ผมรักขวัญจนจะบ้าตายอยู่แล้วนะแม่ ผมจะไม่ยอมให้เรื่องนี้มาเป็นปัญหาระหว่างผมกับขวัญเด็ดขาด” ชายหนุ่มประกาศลั่น และคนเป็นแม่ก็นิ่งไปอย่างใช้ความคิด “มันต้องมีวิธีแก้สิ” ในที่สุด บทสรุปก็ออกมาตรงที่หมั้นกันไว้ครึ่งปี โดยที่จะจัดงานหมั้นแบบเงียบ ๆ เป็นการแก้เคล็ด ซึ่งปักษ์ก็พอใจในข้อสรุปนี้ เพราะสิ่งสำคัญสำหรับเขาไม่ใช่พิธีการที่ยิ่งใหญ่อลังการ เขาขอแค่ได้แต่งงานกับหญิงสาวที่เขารักเท่านั้น งานหมั้นจึงถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายที่บ้านของเจ้าสาวในอีกสองเดือนต่อมา ซึ่งมีเพียงคนในครอบครัวและญาติสนิทเท่านั้น งานหมั้นเสร็จสิ้น แขกทุกคนทยอยกลับกันเรื่อย ๆ เหลือว่าที่เจ้าบ่าวเป็นคนสุดท้าย “พี่ดีใจที่สุดเลย ที่ในที่สุดความฝันของเราก็เป็นจริงครึ่งหนึ่งแล้ว” เขาเอ่ยกับขวัญระมิงค์ที่เดินออกมาส่งเขาหน้าบ้าน “ขวัญก็ดีใจค่ะ” แล้วเธอก็ยกมือข้างซ้ายขึ้น กรีดนิ้วออก มองแหวนเพชรเม็ดใหญ่ที่นิ้วนางของตนด้วยความสุข “เสียดายอย่างเดียว อีกตั้งครึ่งปีกว่าจะได้แต่งงาน” ปักษ์ทำหน้าเซ็ง “ครึ่งปีก็แป๊บเดียวค่ะ” เธอมองหน้าเขาด้วยดวงตาฉ่ำหวาน ริมฝีปากที่เคลือบสีชมพูหวานแย้มออกแต่เพียงน้อย “อ้อ เย็นนี้ ขวัญนัดเพื่อน ๆ ไปเลี้ยงฉลองกันนะคะ พวกเขาอยากเจอพี่ปักษ์กันทั้งนั้นเลยค่ะ” “ได้สิจ๊ะ เดี๋ยวพี่พาเพื่อน ๆ พี่ไปร่วมด้วยดีมั้ย ปิดร้านฉลองเลย” นัดแนะกันเรียบร้อยแล้ว ปักษ์ก็ขอตัวกลับก่อน แล้วบอกว่าตอนเย็น จะมารับ ขวัญระมิงค์มองตามร่างสูงของชายผู้เป็นคู่หมั้นด้วยดวงตาเป็นประกายแห่งความสุข ความสมหวัง เธอยกมือขึ้นมากรีดเพื่อชมความงามของแหวนเพชรอีกครั้ง แล้วจึงหมุนตัวเดินเข้าบ้าน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD