แพ้ท้อง(แทนเมีย)

1362 Words
“ปักษ์ไม่สบายหรือเปล่าลูก เมื่อเช้าแม่ได้ยินเสียงลูกอาเจียน เอฟเฟ็กต์จากเรื่องตาหรือเปล่าจ๊ะ” เช้าวันต่อมา บนโต๊ะอาหารเช้า ประไพเอ่ยถามลูกชายด้วยสีหน้าเป็นห่วง ยิ่งเห็นหน้าเซียว ๆ ของเขาก็ยิ่งห่วง “ไม่แน่ใจเหมือนกันครับแม่ แต่ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย” เขาตอบเสียงเหนื่อย ๆ สีหน้าพะอืดพะอม “ขมปากเป็นบ้าเลย...ป้าตาล ขออะไรเปรี้ยว ๆ มากินหน่อยสิ” ตอนท้ายเขาหันไปสั่งแม่บ้าน ซึ่งก็ทำหน้างง ๆ อยู่ครู่หนึ่งก็กระวีกระวาดเดินเข้าไปในครัว สักพักก็กลับเข้ามาพร้อมมะขามเปียกคลุกเกลือในถ้วยใบเล็ก ปักษ์รับมาวางตรงหน้าและเริ่มต้นกินทันที “ทำไมเอามาน้อยนักล่ะ แค่นี้จะพอยาไส้อะไร” เขาเอ็ดหลังจากจ้วงใส่ปากไปสามสี่คำ “ไปเอามาอีก เร็ว ๆ ด้วย” ป้าตาลลอบสบตากับคุณประไพแวบหนึ่งก็หมุนตัวเดินเร็ว ๆ เข้าไปในครัวอีกครั้ง ส่วนคนเป็นแม่ได้แต่หรี่ตามองเขาอย่างพิจารณา ก่อนเอ่ยแซวขำๆ “นี่ถ้าแต่งงานแล้ว แม่คงคิดว่าปักษ์แพ้ท้องแทนเมีย” ปักษ์หัวเราะออกมาเบา ๆ สีหน้าดูดีมากขึ้นจากการได้กินของเปรี้ยว ขณะที่คนเป็นแม่ถามต่อไป “หรือหนูขวัญท้องหรือเปล่าจ๊ะลูก” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหวัง ปักษ์ส่ายหน้าทันที “ไม่ใช่แน่นอนครับแม่ ถ้าท้องป่านนี้ต้องมีอาการหรือไม่ก็ท้องโตให้เห็นแล้วครับ” เพราะนับแต่มีอะไรกันวันกลับจากโรงพยาบาล เขาก็ไม่ได้ยุ่งกับเธออีกเลย ส่วนหนึ่งเพราะไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน ส่วนหนึ่งเพราะอยู่ ๆ เขาก็เฉยชากับเรื่องนี้ ประไพทำหน้าผิดหวัง เป็นจังหวะเดียวกับที่แม่บ้านถือจานใส่มะขามเปียกมาเต็มจาน เห็นแล้วปักษ์ก็ยิ้มตาเป็นประกาย เขาหยิบมากินต่ออีกประมาณห้าชิ้นก็สั่งอีก “ที่เหลือเอาใส่กล่องไปไว้ในรถนะ จะเอาไปกินที่ทำงานด้วย” ป้าตาลตาโตด้วยความแปลกใจอีกครั้ง แต่ก็ยอมทำตามคำนั้นโดยดี และเมื่อปักษ์ออกจากบ้านไปทำงาน ป้าตาลก็พูดกับคนเป็นนายเสียงเบา “อาการเหมือนแพ้ท้องแทนเมียจริง ๆ นะคะคุณผู้หญิง” “นั่นน่ะสิ แต่ปักษ์ก็บอกแล้วว่าหนูขวัญไม่ได้ท้อง นี่ถ้าเป็นคนอื่น ฉันต้องคิดว่าลูกชายฉันแอบไปมีเมียอีกคนซุกไว้แน่ ๆ” “สิบโมง จะมีออกาไนเซอร์เข้ามาเสนองานเปิดตัวบิวตี้พริ๊นเซสค่ะ คุณปักษ์ต้องเข้าไปฟังแทนคุณปุ๊ บ่ายโมงครึ่งประชุมกับหัวหน้าฝ่ายการตลาดจากทุกสาขาค่ะ” เมื่อปักษ์ไปถึงที่ทำงาน เลขาประจำตัวก็รายงานสิ่งที่เขาต้องทำในวันนี้ ธุรกิจของครอบครัวปักษ์เป็นธุรกิจผลิตเครื่องสำอางครบวงจรอย่างเช่น ครีมทาหน้า ครีมอาบน้ำ ครีมบำรุงผิว เป็นต้น เป็นธุรกิจที่ทำกันมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่าของเขา แต่ตอนนั้นเป็นเพียงโรงงานเล็ก ๆ ทำครีมทาหน้าเพื่อวางขายตามร้านขายของชำทั่วประเทศ แต่พอมาถึงรุ่นพ่อรุ่นแม่ ก็ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนลงไปอีกหลายล้าน โดยเปลี่ยนสูตรของครีมจากที่มีส่วนประกอบของเสตียรอยด์มาใช้ส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติเกือบทั้งหมด เปลี่ยนหีบห่อให้สวยงามและทันสมัยขึ้น มีการขยายไลน์สินค้าจากแค่ครีมทาหน้าไปสู่ครีมอาบน้ำ ครีมทาผิว ยาสระผม และตอนนี้ เขาก็ตัดสินใจเพิ่มไลน์เครื่องสำอางขึ้นอีกไลน์หนึ่ง ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างลงตัวและพร้อมหมดแล้ว เหลือแค่เวลาจะนำเสนอให้ผู้บริโภครับทราบผ่านภาพยนตร์โฆษณาและเปิดตัวอย่างเป็นทางการเท่านั้น โดยโฆษณานั้นอยู่ในช่วงกำลังถ่ายทำ ดังนั้น งานเปิดตัวก็ต้องเตรียมพร้อมเช่นกัน ที่ผ่านมา มีบริษัทออกาไนเซอร์ใหญ่ ๆ เข้ามาเสนองานหลายบริษัท แต่เขาไม่รู้ว่าทำไมไปรยาถึงไม่เลือกเสียที และบริษัทที่จะมาพรีเซ็นต์วันนี้ก็ได้ยินว่าเป็นเพียงบริษัทเล็ก ๆ ที่เขาไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน “จะเสียเวลาเปล่าหรือเปล่าเนี่ย” เขาพึมพำ “สุดท้ายยายปุ๊ก็ต้องเป็นคนตัดสินใจอยู่ดี” “อย่างน้อยการที่คุณปักษ์ได้ฟังคอนเซ็ปต์งาน ก็อาจจะช่วยให้คุณปุ๊ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นก็ได้นะคะ” ปักษ์พยักหน้า ก่อนถามต่อ “แล้วหลังจากประชุมกับการตลาดเสร็จแล้ว ผมต้องไปไหน ทำอะไรอีกหรือเปล่า” “ไม่มีแล้วค่ะ” “งั้นก็ดีเลย ถ้างั้นคุณช่วยหารายชื่อเวดดิ้งแพลนเนอร์มาให้ผมเลือกหน่อยนะ” “ได้ค่ะ” เลขารับคำ แล้วทำท่าจะถอยออกจากห้องไป แต่ก็สังเกตเห็นว่า หน้าของเขาดูเซียว ๆ “คุณปักษ์ไม่สบายหรือเปล่าคะ” เขายกมือลูบหน้าตัวเองครั้งหนึ่งแล้วบอก “อือ มันแปลก ๆ บอกไม่ถูก มันขมปากเหมือนจะอาเจียน แล้วก็อยากกินแต่ของเปรี้ยว ๆ ผมคงเครียดมากไปล่ะมั้ง...เออ...กล่องมะขามเปียกของผมล่ะ คนขับเอาขึ้นมาให้หรือยัง” ตอนท้ายเขาเหลียวหากล่องดังกล่าว “เอ่อ...ไม่เห็นนะคะ สงสัยแกลืมเอาขึ้นมามังคะ เดี๋ยวพลอยโทร.ตามให้นะคะ” “ดี แล้วบอกให้แกซื้อพวกน้ำอะไรเปรี้ยว ๆ มาเผื่อด้วยนะ ด่วน ๆ เลย” เขาสั่งเสียงอ่อนระโหย เลขาสาวที่ชื่อพลอยมณีรับคำแล้ววิ่งแจ้นออกไป เนื่องจากเห็นอาการและสีหน้าของนายแล้วไม่ค่อยไว้ใจ เมื่อเลขาออกไปแล้ว ปักษ์ก็โทร.หาขวัญระมิงค์ เพื่อบอกให้เธอมาเลือกบริษัทจัดงานแต่งด้วยกัน แต่เธอไม่รับสาย แล้วเขาก็จำได้ว่าเมื่อคืนเธอออกไปดื่มกับเพื่อน ๆ คงกลับดึก และป่านนี้ก็คงยังไม่ตื่น จึงทำเพียงส่งข้อความไปทิ้งไว้ หลังจากส่งข้อความแล้ว ชายหนุ่มก็ถอนหายใจยาว ๆ ด้วยความหนักใจ เกิดความเครียดขึ้นมาเป็นครั้งแรกว่า ถ้าขวัญระมิงค์ยังใช้ชีวิตแบบนี้ หลังแต่งงานไปแล้ว เธอกับเขาต้องมีปัญหากันแน่ ๆ อย่างไรก็ตาม เขาจะลองคุยกับเธอ เพื่อหาทางออกตรงกลางให้ได้ เขาอาจจะขอให้เธอลดการเที่ยวลง และเขาจะเป็นคนพาเธอเที่ยวเอง อย่างน้อยอาทิตย์ละสองครั้ง เธอน่าจะพอใจ เสียงเคาะประตูดังขึ้น เมื่อเขาอนุญาต เลขาก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นเต้น ในมือเธอมีกล่องมะขามเปียกและเครื่องดื่มชามะนาว เธอวางของทุกอย่างลงตรงหน้าเขา แล้วบอก “ทีมออการ์ไนเซอร์มาถึงแล้ว ตอนนี้รออยู่ที่ห้องประชุมค่ะ” เขาทำเสียงรับทราบ แล้วก็สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทางตื่นเต้นแปลก ๆ เห็นได้ชัด ดูเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่างกับเขา แต่ก็ไม่พูด “มีอะไรหรือเปล่า...” “พลอยรู้สึกเหมือนโดนผีหลอกตอนกลางวันแสก ๆ ค่ะ” เธอยังคงมีน้ำเสียงตื่นเต้น “ยังไง?” เขาว่าพลางเปิดกล่องตรงหน้าแล้วหยิบมะขามออกมาเคี้ยวหยับ ๆ ทำเอาน้ำลายของพลอยมณีพากันวิ่งที่รวมตัวกันที่กระพุ้งแก้มด้วย “จริง ๆ พลอยอยากให้คุณเซอร์ไพร้ส์นะคะ แต่กลัวคุณจะช็อกเหมือนพลอย เลยคิดว่าบอกไปตรง ๆ ดีกว่า...คือ...หนึ่งในทีมงานที่มาคุยงาน หน้าเหมือนคุณขวัญเดี๊ยะเลยค่ะ” ปักษ์เบิกตากว้าง และไม่รู้ทำไมหัวใจถึงเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจ “คุณปิ๊ง” เขาพึมพำชื่อนั้น วางของเปรี้ยวในมือลงแล้วลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินเร็ว ๆ ออกจากห้องตรงไปยังห้องประชุมทันที “อ้าว บอสคะ คิดจะไปก็ไปเลยเหรอคะเนี่ย” เลขาสาวรีบหยิบเอกสารการประชุมแล้ววิ่งตามเขาไปทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD