พนักงานด้านนอกมองสองสาวฝาแฝดที่เดินจูงมือกันด้วยสายตาทึ่งระคนชื่นชมในความสวยและความเหมือนกันราวกับแกะนั่น มันดูเป็นภาพที่น่ารักดี
ขวัญระมิงค์ส่งยิ้มหวานให้ทุกคน ขณะที่พิงค์ลานนามีสีหน้าราบเรียบ
ครู่ต่อมา คนน้องก็พาพี่สาวมาหยุดที่บันไดหนีไฟ มือที่จับมือพี่ก่อนหน้านี้สะบัดออกแรง ๆ รอยยิ้มละไมบนใบหน้าเลือนหาย กลายเป็นความไม่พอใจ
“ทำไมถึงมาทำงานนี้ได้” กระชากเสียงถาม
“ก็แค่เข้ามาเสนองานน่ะ”
“ตั้งใจเหรอ”
“เปล่า เขาดีลกันไว้นานแล้ว แต่ครีเอทีฟคนเก่าเขาลาออกกะทันหัน ปิ๊งเลยต้องรับช่วงแทน แล้ววันนี้ที่คุณปักษ์เข้าประชุมด้วยก็เพราะคุณปุ๊ไม่อยู่” หญิงสาวอธิบายไปตามความจริงอย่างใจเย็น
“แล้วไป...แล้วไอ้เรื่องจัดงานแต่งให้ขวัญน่ะ ฝากปิ๊งไปบอกเจ้าของบริษัทปิ๊งให้ทีนะว่าอย่าคิดจะทำเลย มีบริษัทใหญ่ ๆ และมืออาชีพอีกมากมายที่เขาอยากจะจัดงานระดับงานช้างแบบงานของขวัญ”
“แต่บริษัทนี้เขาก็เคยจัดงานใหญ่ ๆ มาแล้วนะ งานแต่งลูกสาวเจ้าสัวคนหนึ่งที่เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์เมื่อปีที่แล้วนั่นไง ก็ฝีมือบริษัทนี้” คนพี่เอ่ยถึงงานแต่งของระดับงานอภิมหึมางานหนึ่งเมื่อปีกลาย
“ขวัญพูดขนาดนี้ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ” น้ำเสียงของขวัญระมิงค์เริ่มกร้าว “หรือยังไง จริง ๆ ก็อยากทำใช่ปะ อยากใกล้ชิดพี่ปักษ์งั้นสิ”
“เปล่านะ! ไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลย แต่ถ้าบริษัทได้งานก็จะมีเงินไง”
“ก็ไปหาเอาจากเจ้าอื่นสิ แต่ต้องไม่ใช่งานแต่งของขวัญกับพี่ปักษ์!...คือมันเสียเวลาเปล่าด้วยน่ะ เพราะถ้าขวัญไม่โอเค พี่ปักษ์ก็ไม่โอเค สู้เอาเวลาไปวิ่งหางานเจ้าอื่นไม่ดีกว่าหรือ”
พิงค์ลานนาพยักหน้า “เข้าใจแล้ว”
“อย่าทำตัวเรื่องมากแล้วก็อย่าพยายามทำพิรุธอะไรให้พี่ปักษ์รู้ ‘ความลับ’ ล่ะ ไม่งั้นปิ๊งเดือดร้อนแน่!” ตอนท้ายยื่นหน้ามาขู่เสียงเบา ทว่าหนักแน่นและเอาจริง
พิงค์ลานนาถอนหายใจยาว ๆ อีกครั้ง ก่อนจะยอมพยักหน้าอย่างว่าง่าย ขวัญระมิงค์ยิ้มพอใจ ก่อนเอ่ยถาม
“แล้วนี่ตกลงจะจัดงานแต่งเมื่อไหร่ล่ะ พ่อเขารออยู่นะ”
“บอกพ่อไปแล้วว่าจะไม่จัดงาน” เธอตอบสั้น ๆ โธ่! จะจัดได้อย่างไรในเมื่อเธอไม่มีแฟนเสียหน่อย!
“แต่ว่า...”
“ตามนั้นแหละ” พูดจบ พิงค์ลานนาก็หมุนตัวเดินกลับเข้ายังด้านในก่อน ส่วนขวัญระมิงค์ได้แต่ยืนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่เงียบ ๆ สักครู่ จึงเดินตามเข้าไป แล้วก็รีบไปหาคู่หมั้นของตน
“ขวัญไม่อยากได้ออกาไนซ์เจ้านี้นี่คะพี่ปักษ์ บริษัทเล็ก ๆ แบบนี้ ไม่คู่ควรกับงานแต่งของเราหรอกค่ะ” ขวัญระมิงค์เอ่ยกับปักษ์เสียงอ้อน ๆ “ไม่อายคนอื่นเหรอคะ แต่งงานในโรงแรมใหญ่ทั้งที แต่ใช้ออฯ เล็ก ๆ”
“แต่เขาก็มืออาชีพดีนะ” ชายหนุ่มแย้งไปตามข้อมูลที่ได้มา
“แต่ขวัญอยากได้มืออาชีพกว่านั้นนี่คะ ยังไงก็ไม่ทำให้เราผิดหวังแน่นอน นะคะ นะคะ” เธอส่งเสียงอ้อน พลางไปทรุดกายลงนั่งบนตักเขา แล้วเริ่มต้นนัวเนียเขาตามประสาคู่รัก และนั่นก็ทำให้ปักษ์ได้กลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ จากตัวเธอ อาการพะอืดพะอมตีตื้นขึ้นมาอีกครั้ง เขาผลักเธอออก แล้ววิ่งออกจากห้องไปเพื่อไปเข้าห้องน้ำซึ่งอยู่ด้านนอก
ขวัญระมิงค์กะพริบตาปริบ ๆ ด้วยความตกใจผสมขัดใจ
อะไรของเขาล่ะนั่น รังเกียจเธอขนาดนั้นเลยหรือ
หญิงสาวยกแขนขึ้นแล้วก้มลงทำจมูกฟุดฟิด ๆ ใกล้รักแร้ของตัวเอง “ก็ไม่มีกลิ่นนี่นา น้ำหอมก็ฉีดมา ไม่ได้เหม็นซักนิดเล้ย”
ส่วนปักษ์ ตอนเขาวิ่งออกมาข้างนอก ทีมงานของทิพรัตน์กำลังจะกลับพอดี แต่เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่วิ่งแบบเร็ว ๆ ของเขา ทุกคนก็หันขวับไปมอง และภาพที่เห็นคือเขาวิ่งพลางเอามือปิดปากพลางไปทางห้องน้ำ
“เอ...คุณปักษ์เป็นอะไรน่ะพลอย ผมเห็นตั้งแต่ตอนประชุมแล้วนะ อาการดูไม่ค่อยดี” ผู้จัดการฝ่ายการตลาดถามพลอยมณี ที่เดินแกมวิ่งตามเจ้านายมาด้วยความเป็นห่วง
“เมื่อเช้าท่านบอกว่าเวียนหัว คลื่นไส้อยากอาเจียนค่ะ”
“โรคเครียดหรือเปล่านะ” พิงค์ลานนาที่ยังคงมองตามแผ่นหลังกว้างไม่ละสายตาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง แล้วก็เหมือนนึกอะไรได้ เธอรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ โชคดีที่ไม่มีใครทันสังเกตเห็นเธอ เพราะทุกคนกำลังมองตามปักษ์ไปด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน
“ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ อ้อ แต่ท่านขมปากด้วยนะคะ อยากกินของเปรี้ยว ๆ ค่ะ ถึงขนาดให้แม่บ้านเอามะขามเปียกใส่กล่องมากินที่บริษัทเลย”
“หรือจะเป็นเอฟเฟ็กต์จากการผ่าตัดสายตา เกี่ยวมั้ยอะ” ใครคนหนึ่งวิเคราะห์ขึ้น
“เอ...อาการแบบนี้ เหมือนผมเคยเป็น” ผู้จัดการฝ่ายการตลาดเอ่ยพลางทำท่าครุ่นคิด
“แล้วตอนนั้นพี่เป็นอะไรคะ” พลอยมณีถาม
ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะตอบ ปักษ์ก็กลับออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าที่ซีดขาว ท่าทางอ่อนระโหยโรยแรง ผู้จัดการรีบเข้าไปประคอง
“คุณปักษ์ไหวมั้ยครับ”
พลอยมณีเข้าไปช่วยประคองอีกคน “หน้าซีดเหมือนจะเป็นลมเลย มีใครมี...”
“ยาหอมค่ะ พี่ปักษ์” พิงค์ลานนายื่นยาหอมที่เธอพกติดตัวตั้งแต่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ไปจ่อตรงจมูกเขา ปักษ์สูดลมหายใจยาว ๆ เพื่อเอากลิ่นยาหอมเข้าไปเต็มปอด กลิ่นที่ตามปกติแล้วเขาว่าเหม็นนัก แต่เวลานี้กลับสูดดมได้อย่างสบายใจและชื่นใจ แต่ทว่า...จริง ๆ อาจไม่ใช่เพราะกลิ่นยาหอมแต่เพียงอย่างเดียวที่ทำให้เขาดีขึ้น แต่มันมีกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ที่เขาคุ้นเคยอวลติดจมูกมาด้วย เป็นกลิ่นที่ขวัญระมิงค์เคยใช้ช่วงดูแลเขานั่นเอง
“ดีขึ้นมั้ยคะบอส” เลขาสาวถามขึ้น