ออกจากบริษัทของคู่หมั้น ขวัญระมิงค์ไม่ได้กลับบ้าน แต่ไปปรากฏตัวที่บ้านของพี่สาวคู่แฝด ซึ่งขณะนี้กำลังนั่งกินข้าวอยู่กับชายหนุ่มคนที่ไปรับเธอเมื่อตอนเที่ยง และมีหญิงสาวหน้าตาน่ารักอีกคนอยู่ด้วย
แดนกับณดา สองหนุ่มสาวคู่รักที่เป็นเพื่อนสนิทของพิงค์ลานนานั่นเอง และสองคนนี้นั่นละที่พิงค์ลานนาไปอาศัยอยู่ด้วยในช่วงแรกที่เข้ากรุงเทพ
ทั้งสามคนคบกันมาตั้งแต่เรียนปริญญาตรี พอเรียนจบ แดนกับณดาก็เข้ามาทำงานที่กรุงเทพ ส่วนพิงค์ลานนาช่วยงานแม่ซึ่งเป็นครูสอนพิเศษ แต่ถึงแม้จะไม่ได้เจอกัน แต่ก็ติดต่อหากันตลอด
“ปิ๊ง!” ขวัญระมิงค์เรียกชื่อแฝดพี่ด้วยเสียงแหลมปรี๊ด ขณะเดินเข้ามาในบริเวณบ้าน
“ใครมาน่ะ แล้วทำไมเรียกเสียงคนอื่นด้วยเสียงแบบนั้น” ณดาถามพลางชะเง้อมองผู้มาเยือน แต่เนื่องจากจุดที่เธอนั่งอยู่มีเสาบัง จึงทำให้ไม่เห็นหน้า
“เดี๋ยวปิ๊งมา” เจ้าของบ้านลุกขึ้นแล้วรีบลุกเดินจากโต๊ะมา จากนั้นจึงจูงมือน้องสาวไปคุยกันที่ข้างรถของขวัญระมิงค์ซึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน เพราะไม่อยากให้สองเพื่อนรักได้ยินบทสนทนา
“จะเอาไงอะปิ๊ง” ขวัญระมิงค์ยิงคำถามทันทีด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว
“ขวัญหมายถึงอะไร” พิงค์ลานนาย้อนถามเสียงเบา
ขวัญระมิงค์เบะปาก มองหน้าอีกฝ่ายด้วยแววตาชิงชัง ก่อนเอ่ยเสียงลอดไรฟัน
“ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อเลย ตั้งใจไปให้พี่ปักษ์เห็นใช่มั้ย ปิ๊งกำลังจะแกล้งขวัญใช่มั้ย จะทำให้ขวัญประสาทเสียใช่มั้ย”
“น้องปุ๊เรียกปิ๊งไปคุยงาน ปิ๊งไม่ได้จะแกล้งอะไรขวัญทั้งนั้น ปิ๊งจะทำแบบนั้นทำไม”
“เพราะอิจฉาขวัญที่ได้แฟนทั้งหล่อทั้งรวย ขณะที่ตัวเองมีแฟนจน ๆ ที่ไม่มีปัญญาแม้แต่จะจัดงานแต่งงานไง” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นเต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ และพิงค์ลานนาก็น้อยใจวูบขึ้นมา นี่เธอดูเป็นคนแย่ในสายตาของน้องสาวขนาดนั้นเลยหรือ
“ที่ผ่านมา ปิ๊งทำให้ขวัญรู้สึกแบบนั้นเหรอ”
“ใครจะไปรู้ล่ะ ความอิจฉาริษยามันไม่เข้าใครออกใครนี่ เพราะจริง ๆ แล้ว ครีเอทีฟเก่ง ๆ มีเยอะแยะ ทำไมปุ๊ต้องจ้างแค่ครีเอทีฟจากต่างจังหวัดอย่างปิ๊งด้วย”
“น้องปุ๊เขาก็แค่เลือกคนที่เขาพอใจผลงานก็แค่นั้นเอง...ฟังนะขวัญ ปิ๊งเป็นคนทำงาน ใครจ้างปิ๊งก็ทำทั้งนั้นแหละ เพราะปิ๊งมีลูกต้องดูแล ไม่ได้คิดอะไรซับซ้อนอย่างที่ขวัญคิดหรอก”
“งั้นสาบานมาก่อนว่าไม่คิดจะบอกความลับกับพี่ปักษ์”
“ขวัญ...สิ่งที่เราสองคนทำน่ะ มันไม่มีหลักฐานอะไรทั้งนั้นนะ มีแค่เรากับพ่อที่รู้ อีกอย่าง ขวัญคิดเหรอว่าถ้าปิ๊งบอก พี่ปักษ์เขาจะเชื่อน่ะ เขาจะแต่งงานกับขวัญอยู่แล้ว เขารักขวัญ เชื่อใจขวัญ ขวัญเองก็ควรเชื่อใจเขาด้วย”
“แล้วขวัญยังเชื่อใจปิ๊งได้ใช่มั้ย”
“ถึงเราจะไม่ได้โตมาด้วยกัน ไม่เคยรู้ว่าเราต่างก็มีกันและกัน แต่พอรู้ว่ามีน้องสาว ปิ๊งก็ดีใจมาก และพี่สาวอย่างปิ๊งก็ไม่มีวันทำร้ายน้องสาวตัวเองอย่างแน่นอน” พิงค์ลานนาเอ่ยเสียงหนักแน่น
“แน่ใจนะ...แย่งแม่ไปจากขวัญแล้ว จะไม่แย่งพี่ปักษ์จากขวัญอีกใช่มั้ย” มาถึงตอนนี้เสียงที่เคยกร้าวของขวัญระมิงค์เปลี่ยนเป็นเครือจัด น้ำตาเอ่อคลอดวงตาคู่สวย
พิงค์ลานนามองด้วยความเห็นใจ หลายครั้งที่ขวัญระมิงค์ตัดพ้อที่เธอโชคดีได้อยู่กับแม่ ส่วนเจ้าตัวได้อยู่กับพ่อซึ่งออกจากบ้านทุกคืน ไม่เคยสอนการบ้าน ไม่เคยมีช่วงเวลาระหว่างพ่อลูกเหมือนครอบครัวอื่น มีก็แต่แม่บ้านซึ่งก็ทดแทนพ่อไม่ได้ พ่อไม่เคยสอน แต่จะใช้วิธีสั่งและบังคับให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ขวัญระมิงค์จึงไม่เคยสัมผัสคำว่าอบอุ่น เจ้าตัวเชื่อว่าถ้าได้อยู่กับแม่ คงจะมีความสุขมากกว่านี้
“ขวัญบอกปิ๊งเองว่าพี่ปักษ์เขารักขวัญคนที่สวย เซ็กซี่ ไม่ใช่ขวัญคนที่จืดชืดที่อยู่กับเขาตอนตาบอด ฉะนั้น ผู้หญิงคนไหนก็ไม่สามารถแย่งเขาจากขวัญได้หรอก”
สีหน้าขวัญระมิงค์ดีขึ้นมานิดหน่อย
“ได้ยินแบบนี้ ขวัญก็สบายใจ...หวังว่าความลับของเราจะเป็นความลับตลอดไปนะ” เป็นคำถามเชิงคาดคั้นคำตอบ พิงค์ลานนาพยักหน้าทันที
“มันจะเป็นความลับตลอดไป ปิ๊งสัญญา”
ขวัญระมิงค์พยักหน้ารับ “งั้นขวัญกลับก่อนละ...ขอโทษด้วยที่ไม่ได้เข้าไปทักแฟนปิ๊ง” พูดพลางปรายตามองที่รถเก่า ๆ ของแดน จากนั้นจึงก้าวขึ้นรถของตนแล้วขับออกไป
พิงค์ลานนาพรูลมหายใจยาว ๆ ด้วยความโล่งใจที่น้องไม่อาละวาดมากไปกว่านี้ พร้อมกันนั้น เธอก็ภาวนาขอให้ปักษ์หรือไปรยาอย่าสงสัยในเรื่องนี้เลย เพราะเธอเชื่อว่าถ้าสงสัย สองพี่น้องไม่อยู่นิ่ง ๆ แน่ จะต้องหาทางพิสูจน์หรือเก็บหลักฐานแน่ ๆ
ค่ำนั้น เมื่อเพื่อนรักทั้งสองลากลับ หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว พิงค์ลานนาก็หยิบคอมพิวเตอร์กระเป๋าหิ้วขึ้นมาเพื่อทำงานของไปรยา
เธอทำไปได้สักพัก ก็มีสายเรียกเข้าจากเจ้านายของเธอ
“ปิ๊ง พี่ถามอะไรหน่อยสิ” น้ำเสียงของฝ่ายนั้นเคร่งเครียดยิ่งนัก ทำเอาพิงค์ลานนาใจคอไม่ดี ทั้งที่นึกไม่ออกว่าจะเป็นเรื่องอะไร
“ค่ะ ถามอะไรคะพี่” เธอถามเสียงหวาดหวั่น
“ทำไมปิ๊งถึงมั่นใจว่าคุณปุ๊กับคุณปักษ์เขาจะชอบงานของเราอะ”
“เอ่อ...” หญิงสาวอึกอัก จะบอกได้อย่างไรว่าเธอใกล้ชิดเขาจนรู้ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร รสนิยมเขาเป็นแบบไหน “ก็...ดูจากงานเก่า ๆ ของเขาน่ะค่ะ ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“มีสิ มีข่าวดีไงล่ะ คุณปุ๊เพิ่งไลน์มาบอกว่าจะให้งานพวกเราทำ” ตอนท้ายทิพรัตน์หัวเราะชอบใจ พิงค์ลานนาถอนหายใจยาว ๆ อย่างโล่งอก “คุณปุ๊ชอบมาก และที่ชอบมากก็คือคุณปักษ์”
“ตกใจหมดเลย นึกว่ามีเรื่องไม่ดี ดีใจด้วยนะคะพี่ทิพ”
“ต้องขอบใจปิ๊งมากกว่าที่คิดงานจนผ่าน...เดี๋ยววันจันทร์ไปเลี้ยงฉลองกันนะ” แล้วทิพรัตน์ก็วางสายไป
พิงค์ลานนานั่งยิ้มกับโทรศัพท์ ทั้งโล่งทั้งดีใจ เพราะหมายความว่าเธอจะผ่านโปร และได้ทำงานที่บริษัทนี้ต่อไป เธอจะได้มีรายได้สำหรับดูแลตัวเองและลูก...ลูกแฝดของเธอ...
มือถือดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้มาจากไปรยา
“สวัสดีค่ะน้องปุ๊ เอ่อ คุณปุ๊” เธอกรอกเสียงลงไปก่อน
“ทำงานอยู่หรือเปล่าคะคุณปิ๊ง”
“ค่ะ” เธอตอบกลับสั้น ๆ “มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“คืองี้ค่ะ พรุ่งนี้ปุ๊นัดดาราที่ดีลไว้น่ะค่ะ อยากให้คุณปิ๊งมาคุยด้วย จะได้รู้ไลฟ์สไตล์ของเขา เผื่อจะเขียนแอดฯ ง่ายขึ้น”
“อ๋อ ได้สิคะ กี่โมง ที่ไหนคะ...ได้ค่ะ ค่ะ แล้วพบกันค่ะ”