ไม่รู้ทำไม พอคิดแบบนี้แล้วปักษ์รู้สึกเสียดายความดีงามของเธอ รู้สึกใจหายและผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก
“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณปักษ์” เงยหน้ามาเห็นสายตาแปลก ๆ ของเขา เธอก็ชะงักไป
“เปล่า ๆ ไม่มีอะไร ขอโทษด้วยครับที่อาจจะทำให้อึดอัด”
“จริง ๆ ถ้าคุณปักษ์ไม่สะดวกก็เชิญได้เลยนะคะ ไม่ต้องห่วงดิฉันหรอกค่ะ ดิฉันเป็นพวกที่นั่งกินข้าวคนเดียวได้สบายมากค่ะ” เธอเอ่ยย้ำความคิดตัวเองอีกครั้ง ปักษ์ยิ้มน้อย ๆ
“ไม่ต้องห่วง ผมยินดีมาก ๆ...แล้วนี่กำหนดคลอดเมื่อไหร่ครับ” เขาหาเรื่องชวนเธอคุย
“หมอนัดวันที่เก้ากันยาค่ะ แต่ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะมาเร็วกว่านั้นหรือเปล่า”
“เก้ากันยา? วันเดียวกับแม่ผมเลย” เขาอุทานเสียงตื่นเต้น ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนี้ พิงค์ลานนาเบิกตากว้าง
“จริงเหรอคะเนี่ย เป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ ด้วย”
ปักษ์คิดอย่างครึ้มใจว่า นี่ถ้าเด็กสองคนนี้เป็นหลานแท้ ๆ ของแม่ และแม่รู้ว่าเด็กมีกำหนดคลอดวันเดียวกับวันเกิดท่าน แม่ต้องปลื้มใจมากแน่ ๆ แต่ก็นั่นละ มันจะเป็นไปได้อย่างไรกันล่ะ
“แล้วสุขภาพของคุณโอเคใช่มั้ย หมายถึงว่ามีเรื่องอะไรที่ต้องเป็นห่วงหรือต้องระมัดระวังพิเศษหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรน่าห่วงค่ะ นอกจากต้องระมัดระวังไม่ให้กระทบกระเทือนพวกเขา” ตอนที่พูด เธอแตะหน้าท้องตัวเองเบามือ ปักษ์มองภาพนั้นด้วยหัวใจที่เต็มตื้น และเขาก็ชักหงุดหงิดตัวเองที่ดันรู้สึกอะไรแบบนี้กับพี่สาวของคู่หมั้นมากขึ้นทุกที!
“แสดงว่าคุณปิ๊งกับแฟนเป็นคนแข็งแรง” เขายิ้ม
พิงค์ลานนาหลุบตาต่ำลง ไม่กล้าสบตาเขาอีกต่อไป ใช่! พ่อของลูกแข็งแรงมาก
เสียงโทรศัพท์มือถือของปักษ์ดังขึ้น จากไปรยานั่นเอง ชายหนุ่มแจ้งพิกัดร้านใหม่ให้น้องสาวทราบ ไม่นาน ฝ่ายนั้นก็มาถึง หลังจากทักทายกันแล้ว ไปรยาก็สั่งอาหารบ้าง จากนั้นจึงเอ่ยถาม
“คุณปิ๊งไม่ทานเนื้อเหรอคะเนี่ย เหมือนพี่ขวัญเลยนะคะ เขาบอกว่าคนเป็นแฝดกันจะชอบทำอะไรเหมือน ๆ กันนี่คงจะจริงนะคะ”
พิงค์ลานนาได้แต่ยิ้ม เพราะเธอไม่รู้เหมือนกันว่านอกจากหน้าตาแล้วเธอกับน้องสาวมีอะไรที่เหมือนกันอีกบ้าง อย่างเรื่องไม่กินเนื้อสัตว์ใหญ่ เธอก็ไม่เคยรู้ว่าขวัญระมิงค์ก็ไม่กิน
หลังจากคุยกับดาราสาวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดาราสาวก็ขอตัวกลับไปทำงานต่อ ไม่นาน พิงค์ลานนาก็ขอตัวบ้าง
“คุณปิ๊งมายังไงคะ ให้ปุ๊ไปส่งมั้ย” ไปรยาถามพิงค์ลานนาด้วยความอาทร
“มาแท็กซี่ค่ะ ไม่ต้องไปส่งหรอกค่ะ บ้านดิฉันอยู่แค่นี้เอง” แล้วเธอก็ลุกขึ้น “แล้วจะรีบเขียนงานให้นะคะคุณปุ๊...สวัสดีค่ะคุณปักษ์” ตอนท้ายเธอพนมมือไหว้ลาเขา จากนั้นจึงหมุนตัวเดินออกจากร้านกาแฟไป
สองพี่น้องมองตามแผ่นหลังบอบบางนั้นจนเธอเดินลับหายไปจากสายตา
“ปุ๊ว่าไง” คนพี่ถามความเห็นขึ้นก่อน
“ปุ๊ว่าก็ไม่เหมือนพี่ขวัญคนที่ดูแลพี่ปักษ์ตอนนั้นซะทีเดียวนะคะ พี่ขวัญคนที่ดูแลพี่ปักษ์ เรียบร้อย อ่อนหวานกว่านี้ แต่คุณปิ๊งดูห้าวกว่า พูดจาก็โผงผางกว่า พี่ปักษ์ล่ะคะ คิดว่ายังไง”
“พี่รู้สึกว่าเธอกำลังพยายามไม่เป็นตัวของตัวเอง” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างใจคิด ตลอดระยะเวลาที่ทานข้าวจนย้ายมาร้านกาแฟ พิงค์ลานนาดูแปลกแปร่งไปในความรู้สึกของเขา “พี่ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเธอพยายามจะซ่อนตัวตนจากเราเพราะเรื่องที่เรากำลังสงสัยหรือเธอมีเหตุผลอย่างอื่น แต่พี่สัมผัสได้ว่า เธอไม่สบายใจนักเวลาอยู่ต่อหน้าพวกเรา”
“เป็นไปได้มั้ยคะว่าเธอรู้ว่าเรากำลังพยายามทำอะไร”
ปักษ์พยักหน้า “พี่ว่าเธอรู้”
“แล้วทีนี้ เราจะทำยังไงต่อไปคะ”
“มีอีกหลายวิธีที่จะพิสูจน์ความจริง ไม่ต้องห่วงหรอก พี่ต้องรู้ความจริงเรื่องนี้ให้ได้...”
น้องสาวพยักหน้ารับทราบ ก่อนเอ่ย
“พี่ปักษ์จะกลับเลยหรือเปล่า ปุ๊ว่าจะเดินดูของหน่อย”
“เดี๋ยวพี่เดินเป็นเพื่อน”
“ขอบคุณค่ะ จ่ายให้ด้วยจะดีมากค่ะ” น้องสาวยิ้มประจบ ปักษ์ยกมะเหงกให้ครั้งหนึ่ง แต่ที่สุดก็พยักหน้าว่าจะเป็นอย่างที่น้องต้องการ ไปรยายิ้มแป้น “พี่ชายปุ๊น่ารักที่ซู้ดดดเลย ขอบคุณนะคะ เออ...ว่าแต่ ไม่นัดเจอพี่ขวัญเหรอคะวันนี้”
“ตอนเย็นขวัญเขามีปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ เห็นว่างานอำลาอะไรซักอย่างนี่แหละ ตอนนี้เขาเลยไปเตรียมตัว เอ๊ะ...” ตอนท้ายปักษ์อุทานเมื่อมองไปนอกร้าน ไปรยามองตาม แต่เธอก็ไม่รู้ว่าพี่ชายแปลกใจเรื่องอะไร
“มีอะไรเหรอคะ”
“นั่น สามีของของคุณปิ๊ง” ปักษ์พยักหน้าไปที่ชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งกำลังเดินจับมือกับผู้หญิงอีกคน
“อ้าว แล้วทำไม...”
ปักษ์ลุกขึ้นแล้วก้าวพรวด ๆ ไปหาชายผู้นั้นทันทีด้วยท่าทีไม่พอใจอย่างหนัก
“เดี๋ยว! พี่ปักษ์” คนเป็นน้องวิ่งตามไปด้วยความตกใจและไม่เข้าใจว่าพี่ชายกำลังจะทำอะไร
ทางด้านปักษ์ เขาก้าวไปหยุดตรงหน้าแดนซึ่งกำลังเดินมากับณดา
สองหนุ่มสาวชะงัก เงยหน้ามองเขาด้วยสีหน้าแปลกใจ แต่เมื่อเห็นว่าไม่ใช่คนรู้จัก ทั้งคู่ก็ทำท่าจะเบี่ยงไปทางอื่น แต่ปักษ์ก็ยังก้าวตามไปขวางไว้
“เอ๊ะ มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“คุณทำแบบนี้ได้ยังไง คุณปล่อยให้เมียท้องของคุณไปไหนมาไหนคนเดียว แต่ตัวคุณมาควงผู้หญิงอีกคนหน้าตาเฉยเนี่ยนะ ทำได้ไงวะ” ปักษ์กระชากเสียงถามด้วยห่วงความรู้สึกของพิงค์ลานนาเหลือเกินนัก
แดนกับณดาหันมองหน้ากันด้วยความตกใจและงงงัน
“นี่คุณพูดอะไร” แดนถามขึ้นอีกด้วยความไม่แน่ใจอะไรสักอย่าง
“ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อทำเป็นไม่รู้เรื่องหรอก...ขอโทษนะคุณผู้หญิง แต่ผู้ชายคนนี้มีเมียแล้ว และเมียของเขาก็กำลังท้องอยู่ด้วย ผมว่าคุณเลิกยุ่งกับเขาเถอะ” ตอนท้ายเขาหันไปทางณดาที่ตอนนี้หน้าซีดเป็นไก่ต้มแล้ว
“แดน...นี่มันอะไร” เธอหันไปถามคนรัก
“เค้าไม่มีคนอื่นนะ...” แดนปฏิเสธเสียงแน่นหนัก จากนั้นจึงหันมาทางปักษ์อีกครั้ง สีหน้าแววตาของเขาบ่งบอกความโมโหผสมไม่เข้าใจ “นี่คุณ! ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร และกำลังเล่นอะไรอยู่นะ แต่ผมไม่ได้มีเมียที่ไหนอีก” พูดพลางแดนก็จับแขนคนรักเอาไว้แน่น “เค้าไม่มีใครจริง ๆ นะ เค้ามีณดาคนเดียว”
“แล้วทำไมผู้ชายคนนี้ถึงพูดแบบนี้ล่ะคะ...เอางี้ คุณมีหลักฐานว่าแฟนของฉันมีเมียอีกคนหรือเปล่า” ณดาพยายามตั้งสติ ไม่เชื่อคำของชายแปลกหน้าง่าย ๆ ไม่หึงตะพึดตะพือ
“ตัวผมนี่ละเป็นหลักฐาน เพราะเมื่อวานผมเห็นเขาไปรับเมียของเขาอยู่เลย”
แดนกับณดามองหน้ากันอีกครั้ง “เมื่อวาน? บ้าไปแล้ว เมื่อวานผมไม่ได้ไปรับใครที่ไหนเลยนอกจากเพื่อนของผม”
“แต่ผมเห็นกับตาตอนคุณไปรับคุณปิ๊งที่หน้าบริษัทผม”
“ปิ๊ง?” แดนทวนชื่อนั้น สีหน้าเขายิ่งงงหนัก เช่นเดียวกับณดา
“ใช่ คราวนี้คุณจะแก้ตัวว่ายังไง”
คราวนี้ณดายิ้มออก “ถ้าปิ๊งที่คุณพูดถึงคือพิงค์ลานนาล่ะก็ นั่นเป็นเพื่อนของเราทั้งสองคนค่ะ ไม่ใช่ภรรยาของแดน ที่สำคัญ ปิ๊งไม่ได้ท้องนี่คะ ปิ๊งยังไม่มีแฟน จะท้องได้ยังไง”
“เอ๊ะ ทำไมว่าไม่ได้ท้อง ก็ผมเห็นเขาถือยาบำรุงครรภ์”
รอบนี้สองเพื่อนรักของพิงค์ลานนาหันสบตากันอีกครั้ง ตระหนกตกใจยิ่งกว่าเมื่อครู่อีก
“ว่าไงนะคะ! ยาบำรุงครรภ์เหรอ”