ปริญเป็นเด็กชายที่ไม่ค่อยมีเพื่อน ในละแวกเดียวกันเขาก็ไม่ค่อยอยากเล่นกับใคร หรือวันไหนไปเล่นกับเพื่อนก็มักมีเรื่องทะเลาะหรือขุ่นเคืองใจกลับมา ในวัยแปดขวบเขาจึงมักจะอยู่บ้านตัวเองมากกว่าจะออกไปไหน ดูหนัง เล่นเกม แต่พอเบื่อๆ ก็อยากหาเพื่อนเล่น เด็กหญิง บุญรักษาวัยห้าขวบที่เขารู้สึกหมั่นไส้ ขัดหูขัดตา แต่ก็พอมีคนให้เล่นด้วยแก้เบื่อ
ปกติแล้วบุญรักษามักจะเล่นอยู่ห้องครัว หรือห้องพักคนงาน หรือไม่อย่างนั้นก็อยู่นอกบ้าน ใต้ร่มไม้หรือสวนหลังบ้าน ภายในรั้วกำแพงนอกจากบ้านหลังใหญ่แล้วยังมีพื้นที่หลายจุดให้คนในบ้านนั่งเล่นหรือพักผ่อนได้
เขาเห็นเธอนั่งที่ม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งใหญ่สุดของบ้าน อยู่ห่างจากตัวบ้านประมาณสองร้อยเมตรเลยเดินไปหา ในใจก็คิดว่าจะหาเรื่องอะไรแกล้งเธอดี พอไปถึงเห็นอีกฝ่ายนั่งคุยกับโทรศัพท์ น่าจะวิดีโอคอลกับพ่อของเธอ เลยนั่งลงตรงข้ามโดยไม่ได้พูดอะไร เด็กหญิงเงยหน้ามองเขาแว่บหนึ่ง แต่ความสนใจกับหน้าจอมีมากกว่า
“พรุ่งนี้พ่อจะมาหาบุญษาใช่ไหมจ๊ะ”
“พรุ่งนี้พ่อต้องไปทำงาน เอาไว้พ่อทำงานเสร็จแล้วจะซื้อขนมไปฝากนะ”
ปริญเห็นสีหน้าผิดหวังของคนตรงหน้า ถ้าจำไม่ผิดสัปดาห์ก่อนบุญรักษาก็รอพ่อของเธอเก้อ...ไม่ต่างจากครั้งนี้ เขาจำได้ว่าเมื่อก่อนเห็นพ่อเธอมาหาอยู่บ่อยๆ ซื้อขนมซื้อของเล่นมาฝาก หรือพาไปอยู่ด้วยทีละสองสามวัน แต่น่าจะเป็นปีแล้วที่ไม่เคยได้ยินว่าบุญรักษาไปบ้านพ่อเธอ...และก็ไม่ค่อยเห็นพ่อเธอเหมือนกัน เท่าที่รู้ๆ ตอนนี้อีกฝ่ายมีครอบครัวใหม่และมีลูกอีกคน
“พ่อต้องมานะ ไม่มาอีกบุญษาจะโกรธแล้ว”
“ครับๆ พ่อไปหาบุญษาแน่นอน แค่นี้ก่อนนะลูก น้องร้อง พ่อไปดูน้องก่อน บ๊ายบาย”
“อือ บ๊ายบาย”
“พ่อรักบุญษานะ”
“บุญษาก็รักพ่อ”
เด็กชายปริญรู้สึกขัดเคืองในใจ รู้สึกหมั่นไส้คนบอกรักพ่อ...และรู้สึกว่าบุญรักษากำลังถูกพ่อเธอหลอกอีกแล้ว
“พ่อเธอจะมาวันไหนล่ะ”
“ไม่รู้ พ่อบอกว่าทำงานเสร็จ”
“จะไม่เสร็จปีหน้าเลยเหรอ” เขาแกล้งประชด อีกฝ่ายก็ยิ่งหงอยเข้าไปอีก ซึมอย่างเห็นได้ชัด ที่เขามองแล้วรู้สึกสะท้อนในอก เขาโมโหพ่อเธอ โมโหพ่อตัวเองที่เขาไม่เคยรู้ว่าเป็นใคร...พวกไม่มีความรับผิดชอบเหมือนกัน แต่ก็จัดการความรู้สึกตัวเองด้วยการพูดจาให้อีกฝ่ายเสียใจ
“พ่อเธอเขาหลอกเธอแล้วบุญษา บอกจะมากี่ครั้งก็ไม่มา เขาอาจทิ้งเธอไปแล้วก็ได้”
อีกฝ่ายเงยหน้ามองเขา ตาโตเหมือนตกใจก่อนจะเริ่มเบะ น้ำตาคลอหน่วยแล้วก็ไหลอาบแก้ม เด็กหญิงก้มหน้าร้องไห้ เอามือเช็ดน้ำตาป้อยๆ
“ฮึก พ่อไม่ทิ้งบุญษา คุณโปรดอย่ามาว่าพ่อนะ”
เด็กชายปริญทำตัวไม่ถูกที่เห็นอีกฝ่ายร้องไห้สะอึกสะอื้น ซ้ำยังกล้าต่อว่าเขาอีก ปกติเธอจะทนได้ เวลาเขาแกล้งให้เธอกลัว หรือเล่นพลาดจนเจ็บตัวก็ไม่ร้องสักแอะ...เพราะไม่อยากให้เขาโดนแม่ดุ แล้วเรื่องที่จะกล้าต่อว่าเขานี่ลืมไปได้เลย
“เธอหยุดร้องไห้เลยบุญษา เราไม่ควรเสียน้ำตาให้คนแบบนั้น” พ่อของบุญรักษาอาจจะดีกว่าพ่อเขาที่อย่างน้อยๆ ก็ยังมาหาลูกบ้าง แต่ก็ไม่ได้ดูแลเลี้ยงดูอะไรมากมาย ยายทวดของเธอต่างหากที่เลี้ยงเด็กหญิงมาตั้งแต่แบเบาะ...แล้วตอนนี้ก็ทำท่าจะทอดทิ้งเธอ ไม่ต่างจากพ่อของเขา
“ฮึก คุณโปรดอย่าว่าพ่อบุญษานะ” เด็กหญิงยังต่อว่าเขาคำเดิม ให้รู้สึกโมโหแต่เขาก็ไม่กล้าจะว่าหรือเถียงอะไรเธออีก เมื่ออีกฝ่ายยกมือปิดหน้าร้องไห้เอาเป็นเอาตาย
“เออๆ ฉันไม่ว่าพ่อเธอแล้วบุญษา ขอโทษแล้วกัน...ฉันล้อเธอเล่นเดี๋ยวพ่อเธอก็มาหาหรอก” เขาไม่มั่นใจหรอกว่าพ่อบุญรักษาจะมาหาเธอตามสัญญาไหม หรือจะมาหาตอนไหน แค่พูดส่งๆ ไปหวังว่าเธอจะหยุดร้องไห้ เด็กหญิงเงยหน้ามองเขา
“หยุดร้องไห้ได้แล้ว อยากให้แม่ดุฉันหรือไง” แกล้งขู่เธออีก ซึ่งมันทำให้เด็กหญิงพยายามเช็ดน้ำตาหลายๆ ครั้ง ใช้หลังมือเช็ดน้ำตาจนมันหยุดไหล แต่ยังมีอาการสะอื้น หน้าเปียกตาช้ำหมด
“บุญษาขอโทษค่ะ”
“เออ ฉันว่าจะชวนไปปั่นจักรยาน เสียอารมณ์หมด...งั้นเข้าไปดูการ์ตูนในห้องไหม” ลึกๆ ก็รู้สึกผิดที่เห็นอีกฝ่ายร้องไห้หนักขนาดนี้ ปริญรู้ว่าบุญรักษาชอบดูการ์ตูนจอใหญ่ที่ห้องดูหนังของบ้าน แต่ก็ไม่เคยกล้าขอ ปกติเธอก็ดูทีวีที่ห้องพักคนงานนั่นแหละ
“หยุดร้องก่อนค่อยเข้าบ้าน ถ้าแม่ฉันรู้นะเธอระวังตัวไว้เลย” เขาก็ขู่เธออย่างที่ชอบขู่นั่นแหละ แต่พอโดนแม่บ่นจริงอย่างมากก็แค่มาบ่นเธอต่อก็แค่นั้น
พอเด็กหญิงปรับอารมณ์ได้ดีขึ้นทั้งคู่ก็เดินไปที่ห้องครัว ให้ยายอุ่นทวดของเธอหาขนมให้กินระหว่างดูหนัง ยายอุ่นเห็นเหลนตัวเองตาช้ำมาก็แปลกใจ แต่ก็ไม่คิดว่าปริญจะแกล้งน้องหนักขนาดนี้
“ผมไม่ได้แกล้งเขานะยายอุ่น” เหมือนจะเดาสายตาของผู้สูงวัยออก คนร้อนตัวเลยรีบปฏิเสธก่อน
“ไม่เชื่อถามเขาดู”
“จ้ะ บุญษาโกรธพ่อ”
“หืม โกรธอะไรพ่อเขาล่ะ”
“พรุ่งนี้พ่อก็ไม่มาหาบุญษาอีกแล้ว โกหกสามครั้งแล้ว” แม้จะเด็กแต่ก็นับได้ขึ้นใจ ทั้งผู้เป็นยายทั้งปริญก็สะเทือนใจไปตามๆ กัน
“เออ พ่อเอ็งเขาทำงาน เดี๋ยวถ้ามันพักงานก็มาหาเอ็งเอง” ยายอุ่นพูดทั้งที่ใจรู้ว่ามันอาจไม่เป็นแบบนั้น ถ้าเมื่อก่อนกอบศักดิ์ก็เทียวมาหาลูกสาวของเขาดีอยู่หรอก แม้จะไม่ได้ส่งเสียเต็มที่แต่ก็เห็นความพยายามจะดูแลตามกำลังที่มี แต่หลังจากมีเมียมีลูกใหม่ก็เปลี่ยนไป เริ่มไม่ส่งเงินมาให้ และไม่ค่อยมาหาลูก ยายอุ่นก็เตรียมใจไว้แล้วว่าคงเริ่มห่างออกไปเรื่อยๆ
บุญรักษาเป็นลูกสาวของหลานเธอ ยายอุ่นเอามาเลี้ยงที่บ้านตอนเรียนมอหนึ่ง สิรินตั้งท้องบุญรักษาตั้งแต่อายุสิบห้า โดยที่ไม่มีใครรู้ จนวันคลอดซึ่งเป็นการคลอดก่อนกำหนด และทำให้ผู้เป็นแม่เสียชีวิต...เหลือแค่ลูกน้อยที่อยู่ห้องอบนานร่วมเดือน ซึ่งทางเจ้านายก็ใจดีให้เธอเลี้ยงเหลนที่บ้าน
ยายอุ่นตั้งชื่อเหลนว่าบุญรักษา ชื่อเล่นบุญ แต่รุ้งรดาเรียกบุญษาเพราะรู้สึกว่าอยากให้ดูสมัยใหม่หน่อย แล้วคนอื่นๆ ในบ้านก็เรียกบุญษามาตั้งแต่นั้นเพราะคิดว่าชื่อเพราะดี
ส่วนพ่อของเด็กหญิงตอนนั้นก็ยังเรียนไม่จบเหมือนกัน แต่ก็มาหาลูกตัวเองตลอด พอเรียนจบพาณิชย์และทำงานก็ถึงให้เงินมาเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ แต่ก็ไม่ได้เพียงพอ ยายอุ่นก็ไม่ได้บีบบังคับ เพราะคิดว่าอย่างไรแกก็จะเลี้ยงเหลนของแกอยู่แล้ว
บุญรักษารักพ่อมาก ดีใจเวลาพ่อมาหา ซื้อขนมซื้อของเล่นมาฝาก หรือให้เงินใส่มือ จะเล็กจะน้อยมันมีคุณค่าต่อหัวใจเด็กหญิง เวลาพ่อบอกจะมารับไปบ้านก็จัดกระเป๋ารอด้วยความตื่นเต้น ไปนอนกับพ่อทีละสองสามคืนพอกลับมาบ้านก็ซึมเพราะคิดถึง กอบศักดิ์ก็ให้ความรักความเอาใจใส่ลูกสาวของตัวเองได้เต็มกำลังที่เขามี...จนมาปีนี้แหละที่เริ่มเปลี่ยนไป คงเพราะมีเมียมีลูกใหม่นั่นแหละ
“เอ็งไปเอาองุ่นในตู้เย็นให้ยายซิบุญษา” ยายอุ่นเปลี่ยนเรื่อง อยากให้หลานสาวคิดเรื่องอื่น ทำอย่างอื่นแทนเรื่องพ่อตัวเอง ให้เธอช่วยจัดขนมกับผลไม้ใส่จาน แล้วทั้งสามคนก็ช่วยกันยกไปที่ห้องทีวี
“ให้บุญษาดูการ์ตูนกับผมนะยายอุ่น”
“ก็แล้วแต่คุณโปรดเถอะ” ยายอุ่นรู้ว่าเด็กชายคงสงสารหลานเธอ แม้ภายนอกจะดูเหมือนชอบแกล้งชอบแหย่ แต่ลึกๆ แล้วยายอุ่นรู้ว่าเจ้านายตัวน้อยก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ทางนี้ก็น่าสงสาร ยิ่งไม่เคยได้รู้ว่าใครเป็นพ่อ
“บุญษาอย่าดื้อล่ะ”
“จ้ะยาย” เด็กหญิงบุญรักษานั่งขัดสมาธิบนพื้นพรม ไม่เคยสักครั้งที่จะคิดขึ้นไปนั่งบนโซฟากับเขา เด็กชายปริญก็ยังรู้สึกขัดตา แต่จะให้ชวนอีกฝ่ายมานั่งเป็นด้วยกันก็คิดว่า...ฝันไปเถอะ