คุณโปรด : ขึ้นมาเล่นเกมบนห้อง
บุญรักษาอ่านข้อความนั้นด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ นึกถึงเหตุการณ์เมื่อสองวันก่อน เริ่มรู้สึกว่าการขึ้นห้องปริญไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่ถามว่าตัวเองจะกล้าดื้อกับเขาไหมก็ไม่อีก ยิ่งตอนนี้ไม่มียายทวดแล้วยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่เหลือใครแล้วจริงๆ นอกจากบ้านหลังนี้
บุญรักษาขึ้นไปหาเขาที่ห้องในตอนสองทุ่ม ไม่ดึกจนเกินไป เคาะประตูแล้วค่อยเปิด รู้สึกโล่งใจเล็กน้อยที่เห็นเขานั่งเล่นเกมอยู่ที่โซฟาด้านนอก...ไม่ใช่นอนบนเตียงรอเธอแบบคืนนั้น
“มาสิ” พูดกับเธอโดยมือและสายตายังวุ่นวายอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์ ไม่ได้สนใจเธอ บุญรักษาเลยลดอาการประหม่าได้เล็กน้อยก่อนจะเดินไปนั่งขัดสมาธิบนพื้นพรมข้างโซฟา
“ฉันเล่มเกมนี้จบก่อน รอแป๊บหนึ่ง เข้าเกมไว้รอเลย”
เธอเลยดูภาพยนตร์ที่ฉายบนสมาร์ททีวีจอใหญ่รอ เจ้าตัวเปิดไว้แต่ไม่ได้สนใจดู ประมาณสิบนาทีปริญก็เชิญเธอร่วมทีมในเกมแล้วบอกให้เธอกดรับ
“ฉันเชิญแล้ว กดรับสิ” น้ำเสียงกระชากหน่อยๆ เพราะเธอมัวแต่มองเรื่องราวในจอเพลิน บุญรักษากดรับและตั้งใจกับเกม ตั้งใจฟังเขาว่าให้แบนฮีโร่ตัวไหนแล้วเลือกเล่นตัวไหน จะเลือกต่างจากที่เขาบอกไม่เลยเชียว
ซึ่งเกมแรกทีมเธอก็แพ้ไปอย่างเฉียดฉิว ปริญก็ดูหัวร้อน แต่เขาก็ไม่เคยด่าเธอหรอกเวลาเล่นเกมแพ้ แค่ฉุนเฉียวกับตัวเอง็แพ้ไปอย่งเฉยดฉว ปรฐ
“แพ้ได้ไงวะ บุญษาเธอขึ้นมานั่งข้างบนสิ นี่นั่งข้างๆ ฉัน” ตบมือลงบนพื้นที่ว่างๆ ข้างตัวเอง ขณะที่เจ้าตัวนอนพิงหมอนไปตามความยาวของโซฟาเบด
“เอ่อ บุญษาไม่กล้าขึ้นไปนั่งเท่าคุณโปรดหรอก” เธอก็นั่งของเธอแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก
“ทำไม ตอนนั่งกินข้าว นั่งม้าหินอ่อนก็นั่งบนโต๊ะได้นี่...หรือนอนเตียงเดียวกันก็นอนมาแล้ว มาถืออะไรกับแค่นั่งโซฟา” คำพูดเย้าหยอกของปริญทำให้บุญรักษายิ่งเกร็งเข้าไปอีก เหตุการณ์เมื่อสองคืนก่อนตามเข้ามาหลอกหลอน เพราะเธอกับเขาไม่ใช่แค่นอนเตียงเดียวกันเฉยๆ
“หรือให้ฉันลงไปนั่งพื้นด้วย” ไม่ให้ทางเลือกเธอเลย บุญรักษาได้แต่ค่อนขอดในใจ ก่อนจะยอมลุกไปนั่งบนโซฟา แต่ไม่ใช่พื้นที่เล็กๆ ที่เขาตบให้นั่ง เป็นโซฟาอีกฝั่งที่ติดกันเป็นรูปตัวแอล ซึ่งปริญก็ไม่ได้ว่าอะไร เขากดเริ่มเกมต่อ ตอนเลือกตัวฮีโร่และกำลังเริ่มเกมนี่แหละเขาก็เขยิบเข้ามาใกล้ๆ
“ให้ฉันดูด้วยว่าเธอเล่นแบบไหน” ดึงแขนเธอให้นั่งชิดโซฟาฝั่งเขาอีกด้วย ไม่รู้ว่าเป็นข้ออ้างหรือเปล่า ปกติก็แค่คุยกันว่าให้ไปตรงไหน ทำอะไรหนึ่งสองสามสี่แค่นั้น...บุญรักษาได้แต่บอกให้ตัวเองสนใจแค่เกมไม่ต้องสนใจคนที่เหมือนตั้งใจแกล้งเธอ
เขาแกล้งเธอแน่ๆ ตอนที่เล่นเกมตานี้จบแล้วทีมเราชนะ ปริญที่อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนก็ขยับมากอดเอวเธอ บุญรักษาตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าแม้แต่จะขยับออกห่างจากตัวเขา เพราะรู้ว่าเธอดิ้นไม่หลุดหรอกหากปริญจะทำอะไรๆ กับเธอมากกว่านี้
“บุญษา ฉันเห็นทุกวันนี้เธอมีคนมาส่ง แฟนเธอเหรอ” เลือกที่จะคุยกับเธอวันนี้ ที่รู้สึกว่าตัวเองจะไม่โมโหจนทำอะไรไม่ดีกับเธอหากได้คำตอบที่ไม่ถูกใจ บุญรักษาเอี้ยวตัวมามองเขา แววตามีความแปลกใจปนงุนงงที่จู่ๆ ปริญก็มาถามอะไรแบบนี้
“คุณโปรดหมายถึงเตเหรอคะ”
“ฉันไม่รู้หรอกว่าหมอนั่นชื่ออะไร แต่ขี่รถมอเตอร์ไซค์...” เขาบอกยี่ห้อ รุ่น และสีรถได้ถูกเป๊ะๆ
“ออ ค่ะ เต”
“แล้วเป็นอะไรกับเธอถึงได้มารับมาส่งเกือบทุกวัน แฟนเธอเหรอ” ปริญถามย้ำคำเดิม พยายามไม่ยอมรับว่าตัวเองลุ้นกับคำตอบแค่ไหน และโล่งเหมือนยกภูเขาหนักๆ ออกจากอกเมื่อบุญรักษาส่ายหน้า
“ไม่ใช่ค่ะ เตไม่ได้เป็นแฟนบุญษา”
“แน่ใจนะ” ยังถามย้ำเพื่อความชัวร์อีก
“ก็ไม่ได้เป็นแฟน บุญษาไม่มีแฟน” รู้สึกเหมือนเขาถามย้ำคำเดิมจนต้องหาคำตอบที่ต่างจากเดิมบ้าง โดยไม่รู้ว่าประโยคหลังที่เธอไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คนถามยิ่งพอใจกับคำตอบที่ได้รับ
“ไม่ใช่แฟนแล้วทำไมถึงมาส่งเธอได้ทุกวัน”
“เตบอกว่าบ้านเขาผ่านทางนี้ แล้วบุญษาก็เกรงใจน้าเชิดที่ต้องไปรับไปส่ง”
“แต่ไม่เกรงใจเพื่อน สนิทขนาดนั้น”
“บุญษาหารค่าน้ำมัน” ปริญเลยถึงบางอ้อที่บุญรักษาเลือกที่จะให้เพื่อนมารับมาส่ง หรือแค่มาส่งมากกว่าจะรบกวนคนในบ้าน
“เคยเห็นบ้านเขาไหม เพื่อนเธอคนนั้น”
บุญรักษาส่ายหน้า ไม่ได้เข้าใจในคำถามของเขาเลย แต่ปริญรู้สึกว่าเรื่องทางผ่านน่าจะเป็นข้ออ้างมากกว่า เพื่อนเธอคนนั้นต้องกำลังจีบบุญรักษาอยู่แน่ๆ ไม่อย่างนั้นไม่ขยันมารับมาส่งเกือบทุกวันหรอก หรือต่อให้ไม่ได้จะจีบ แต่ปริญก็ต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
“ต่อไปไม่ต้องให้ใครมารับมาส่งแล้วนะ”
“แต่บุญษาเกรงใจน้าเชิดถ้าต้องไปรับไปส่งทุกวัน”
“แล้วตอนนี้กล้าขี่มอเตอร์ไซค์เองไหม”
“กล้าค่ะ”
“งั้นก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไปเอง ใส่หมวกกันน็อกแบบเต็มใบจำได้ใช่ไหมที่ฉันบอก หมอนั่นมาส่งก็ขี่มอเตอร์ไซค์เหมือนกัน ไม่ได้ปลอดภัยต่างกันหรอก” โรงเรียนของบุญรักษาถือว่าใกล้บ้านและไม่ได้มีแยกอันตรายที่น่ากังวล ที่ผ่านมาเจ้าตัวก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไปเรียนเองได้ เพิ่งมาเกิดปัญหาเพราะวูบหลับนี่แหละ ตอนนี้เธอน่าจะดีขึ้นมากแล้ว ยาก็หยุดกินมาได้สักพัก
“ไปกับเพื่อนผู้ชายมันไม่ปลอดภัยหรอก ถ้าเขาคิดอะไรไม่ดีกับเธอ ไม่พาเธอมาส่งบ้าน...ฉันบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่าเธอโตแล้ว” ไม่พูดเปล่าเขายังขยับตัวเข้ามาเบียด ยื่นหน้ามาคลอเคลียใกล้ๆ แก้มจนรู้สึกร้อนผะผ่าว
“ผู้ชายไว้ใจไม่ได้หรอก” ย้ำด้วยการกดจมูกเฉียดแก้มเธอหนึ่งที จนบุญรักษารู้สึกหมั่นไส้จนกล้าถามเขากลับคืนบ้าง
“แล้วคุณโปรดไว้ใจได้เหรอคะ”
ปริญหัวเราะเบาๆ อย่างพอใจ ใช้นิ้วเชยคางมนให้สบตากันใกล้ๆ
“แน่นอน ฉันน่ะยิ่งตัวไว้ใจไม่ได้...ถ้าในชีวิตเธอจะมีผู้ชายคนไหนที่ไม่น่าไว้ใจก็ให้เป็นฉันคนเดียว” บุญรักษารู้สึกว่าเข้าใจความหมายลึกๆ ในประโยคนั้น แล้วปริญก็ย้ำเธอให้ชัดขึ้น
“จำได้ไหมตอนเด็กๆ ฉันเคยบอกว่าห้ามให้ใครแกล้งเธอ ฉันมีสิทธิ์แกล้งคนเดียว...ตอนนี้ฉันก็ยังย้ำคำเดิมนะบุญษา ห้ามผู้ชายหน้าไหนทำกับเธอเหมือนที่ฉันทำ รู้ไหม” จบประโยคนั้นเขาก็จูบลงมา หัวใจเธอเต้นรัว ตื่นตระหนกปนหวามไหวที่เธอไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวหรือต่อต้านขนาดนั้น เด็กสาวหลับตาลงและยอมรับจูบของเขาโดยดุษฎี เหมือนหัวใจจะยอมรับคำสั่ง...ไม่มีใครแกล้งเธอได้เหมือนที่เขากำลังทำอยู่ตอนนี้
“คุณโปรดแกล้งบุญษาเหรอคะ” เธอถามหลังจากที่เขาถอนจูบ ใจลึกๆ ก็อยากรู้ว่าทำไมปริญถึงทำกับเธอแบบนี้ คนถูกถามชะงักไป คิ้วเข้มขมวดมุ่นเหมือนกำลังหาเหตุผลให้การกระทำตัวเอง
“อืม...ก็เธอมันน่าแกล้งนี่บุญษา” น่าแกล้งมาแต่ไหนแต่ไร และพอโตขึ้นความคิดของเขาก็พิเรนทร์ไปตามวัย
“ตอนเด็กๆ ฉันก็เคยแกล้งเธอ และก็แกล้งเธอได้คนเดียว” ย้ำอีกครั้งให้บุญรักษารู้ตัวว่าจะให้ใครมาทำแบบนี้นอกจากเขาไม่ได้ บุญรักษาเป็นของเขา ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์
“เพราะคุณโปรดชินกับการแกล้งบุญษามาตั้งแต่เด็กๆ เหรอคะ”
“อืม ก็อะไรปะมาณนั้น”
รู้สึกเจ็บแปลบในอก หากก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงน้อยใจกับคำตอบนั้น
“หรือเธอจะให้ฉันบอกว่าที่ฉันจูบเธอ...หวงเธอ ไม่ให้เธอไปเป็นแฟนกับใครเพราะฉันอยากเป็นแฟนกับเธออย่างนั้นเหรอบุญษา ฉันต้องขอเธอเป็นแฟนไหมถึงจะมีสิทธิ์จูบเธอ กอดเธอแค่คนเดียว” คำถามนั้นเหมือนประชดแต่ลึกๆ แล้วปริญแอบคาดหวังในคำตอบอยู่เหมือนกัน ซึ่งบุญรักษาไม่อาจคิดว่าเขาจะมาเป็นแฟนกับเธอหรอก ไม่มีวันเป็นไปได้ พอคิดถึงความจริงข้อนี้เหมือนหัวใจกระตุกไปหนึ่งทีจนรู้สึกเจ็บ บุญรักษาหลบตาเขา ตอบแผ่วเบา
“บุญษาไม่มีวันเป็นแฟนคุณโปรดได้หรอกค่ะ” ตอบด้วยความเจียมตัวและประชดตัวเอง แต่คนฟังกลับรู้สึกผิดหวังไม่รู้ทันหัวใจตัวเอง จู่ๆ ก็รู้สึกหัวเสียขึ้นมา...เออ ไม่อยากเป็นก็ไม่ต้องเป็น