กอดทุกคืน

1421 Words
เขาออกมามหาวิทยาลัยแต่เช้า ยังไม่ได้เจอเด็กคนนั้น คุณหมอให้เธอพักรักษาตัวสองวัน ไม่อย่างนั้นคงรับมาเรียนด้วย คุณแม่เขาก็เห็นควรว่าให้หยุดจนถึงเสาร์อาทิตย์เลย ค่อยไปเรียนวันจันทร์ วันนี้ยังต้องทำงานกลุ่มกับเพื่อนหลังเลิกเรียน แต่ปริญไม่ได้ไปเที่ยวต่อกับเพื่อนๆ แยกย้ายก็รีบกลับบ้าน ถึงบ้านเกือบๆ สามทุ่ม บุญรักษาน่าจะเข้านอนแล้ว มีแค่น้าใจที่ออกมารับเขา “คุณโปรดกินข้าวกินปลาเข้ามาหรือยังคะ” “เรียบร้อยแล้วครับน้าใจ” ก็กินอะไรเล่นๆ ตอนทำงานกลุ่มนั่นแหละ หากก็ไม่ได้รู้สึกหิว ปริญขึ้นห้อง อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เขากำลังคิดว่าควรปรึกษาแม่เรื่องบุญรักษาตามที่คุณหมอแนะนำ แต่ก็คิดว่าเอาไว้ก่อน ตอนนี้จะสี่ทุ่มแล้วเขาอยากเห็นหน้าเธอมากกว่า เวลาสี่ทุ่มคนงานอาจจะยังไม่นอน แต่ก็จะอยู่โซนห้องพักตัวเองไม่ค่อยมาวุ่นวายในตัวบ้านแล้วหากเจ้านายไม่เรียกใช้อะไร เลยไม่มีใครเห็นตอนที่เขามาเคาะประตูหน้าห้องเธอ บุญรักษาเปิดประตูให้เขา ยังเห็นคราบน้ำตาเกาะขนตาเล็กน้อย อาการไม่ย่ำแย่เหมือนเมื่อวาน...เจ้าตัวอาจจะตั้งตัวได้ทันเพิ่งเช็ดน้ำตาไปหมาดๆ ก่อนเปิดประตูให้เขา “เอ่อ คุณโปรดมีอะไรจะใช้บุญษาหรือเปล่าคะ” “อืม ฉันเข้าไปข้างในหน่อย” บุญรักษาหลบให้อีกฝ่ายเข้ามาในห้อง หัวใจวูบไหวแปลกๆ คิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ณ เวลาขณะนั้นเธอไม่ได้รู้สึกอย่างอื่นเลย อ้อมกอดของเขาปลอบประโลมจิตใจที่บอบช้ำอย่างที่เธอก็โหยหาความอบอุ่นจากใครสักคน แต่พอเวลาผ่านไป...แค่ตื่นมาตอนเช้าบุญรักษาก็รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ร่างสูงของปริญเดินไปนั่งที่เตียงของเธอ บุญรักษายืนเก้ๆ กังๆ อยู่ครู่หนึ่งก็ไปลากเก้าอี้มานั่งเป็นเพื่อนเขา “วันนี้ไปโรงเรียนหรือเปล่า” “ไม่ได้ไปค่ะ หมอให้ยุดสองวัน แล้วคุณรุ้งก็ให้หยุดต่อจนถึงเสาร์อาทิตย์เลย” เรื่องนี้แม่คุยกับเขาแล้วเมื่อเช้า แต่ปริญแค่กำลังหาจุดเริ่มต้นของบทสนทนา “แล้วอาการเธอเป็นยังไงบ้าง หมอบอกว่าถ้ามีอะไรผิดปกติให้รีบบอก” “ไม่น่าจะมีค่ะ แค่เจ็บตัวเจ็บแผลนิดหน่อย” “ไม่มีปวดหัวนะ” “ไม่ปวดค่ะ” อาจจะแปลกใจเล็กน้อยที่เขาเข้ามาถามไถ่อาการ แต่ก็รู้สึกดีใจลึกๆ ที่ปริญเหมือนจะเป็นห่วงเธอ “แล้วนอนหลับบ้างหรือยัง” “เอ่อ บุญษายังไม่ได้นอนค่ะ” “ทำไมไม่นอนล่ะ ไม่ได้ไปโรงเรียนนี่ สี่ทุ่มแล้วก็ควรจะพักผ่อนหรือเปล่า” “ตอนกลางวันน้าใจก็ให้บุญษานอนพักผ่อน เลยยังไม่ค่อยง่วง” “เหรอ...ไม่ใช่ร้องไห้อีกหรือเปล่า” เธอร้องไห้แน่ๆ ปริญรู้จากภาพที่เห็นตรงหน้า บุญรักษาไม่เถียงเขา ยิ้มจางๆ เหมือนยอมรับ มือประสานกันและก้มหน้าลงเหมือนคิดหาคำตอบให้ไม่ได้ และใจก็ลอยนึกไปถึงผู้เป็นยายอีกจนได้ ปริญก็ไม่เซ้าซี้ ดึงความสนใจของอีกฝ่ายด้วยการยกขาขึ้นบนเตียงแล้วนอนลงไปเฉยๆ ขยับไปชิดเตียงอีกฝั่ง “ปิดไฟแล้วก็มานอน” “อะไรนะคะ” “ฉันนอนเป็นเพื่อน จะได้ดูว่าเธอยังนอนไม่หลับอยู่ไหม คุณหมอบอกว่าถ้าเธอยังไม่โอเคอาจจะต้องพาไปพบหมอ” บุญรักษามองตาปริบๆ มันเป็นข้ออ้างที่ค่อนข้างจะน่าแปลกใจ เมื่อคืนเขาเข้ามาตอนที่เธออารมณ์ไม่มั่นคงจนลืมนึกถึงความเหมาะสมหรืออะไรทุกอย่างทิ้งไปหมด แต่ตอนนี้เรากำลังพูดคุยกันเรื่องที่เขาจะมานอนในห้องเธอ “มาเถอะน่า ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก” บุญรักษาค่อนข้างเชื่อถือคำพูดของเขา ปริญคงไม่ได้อยากจะมาทำอะไรเธอ แต่ที่จะมานอนเป็นเพื่อนเธอมันก็ยากจะเข้าใจ...และทำให้เธอประหม่ามากๆ ปริญทำเป็นเอามือก่ายหน้าผากหลับตาอย่างสบายอารมณ์ สุดท้ายบุญรักษาก็เดินไปปิดไฟก่อนจะขึ้นมานอนบนเตียงข้างๆ เขา หัวใจเต้นโครมครามทีเดียว “ถ้าเธอไม่โอเค นอนไม่หลับ หรือรู้สึกแย่มากๆ ต้องบอกฉันนะบุญษา ฉันไม่อยากให้เธอเป็นอะไรไปอีกคน” น่าจะเป็นครั้งแรกที่เขาใช้คำพูดที่สื่อถึงความห่วงใยออกมาตรงที่สุด ที่ผ่านๆ มาแม้จะชอบแกล้งและทำเธอเจ็บตัว เจ็บใจบ่อยๆ แต่เขาก็คอยสอดส่องดูแลตามแบบฉบับของเขา หากไม่เคยพูดอะไรแบบนี้ “เธอเกร็งไหมบุญษา ทำไมฉันรู้สึกเกร็งมาก เมื่อคืนกอดเธอนอนก็หลับดี” นอนเงียบกันอยู่ครู่ใหญ่ๆ ปริญก็เอ่ยด้วยความหงุดหงิด และเขาทำให้เธอตกใจที่พอพูดประโยคนั้นจบก็พลิกตัวมากอดเธอเลย กดศีรษะเธอให้จมอก บุญรักษาแทบจะหยุดหายใจ หัวใจเต้นโครมคราม หากในที่สุดมันก็ค่อยๆ สงบลง...และไม่เกร็งกันแบบตอนแรกจริงๆ “นอนเลย ฉันจะดูว่าเธอนอนหลับไหม สะดุ้งตื่นอีกหรือเปล่า” นี่เป็นเหตุผลหรือข้ออ้างกัน แต่สุดท้ายเธอก็หลับตาลง และหลับเต็มความรู้สึกโดยไม่ผวา หรือสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกอีก...เหมือนเมื่อคืนที่มารู้สึกตัวตอนใกล้รุ่งที่ปริญจะกลับห้อง “นอนต่อเลย ฉันจะกลับห้อง” เป็นประโยคคล้ายๆ เดิมที่ได้ยินเมื่อคืนก่อน ฟังนุ่มทุ้มให้เธอหลับใหลอย่างสบายใจได้อีกครั้ง เจ็บตัวหนนี้ปริญก็เลิกแกล้งหรือกวนเธอไปพักใหญ่ๆ ซึ่งก็เหมือนตอนเด็กๆ นั่นแหละ ทำเธอเจ็บตัวทีเขาก็จะหยุดแกล้งไปเป็นพักๆ แต่ในเวอร์ชันที่โตขึ้นยังรู้สึกว่าเขาใจดี หลังจากปรึกษาแม่เรื่องอาการของเธอรุ้งรดาก็ให้ปริญพาเธอไปหาหมอ ซึ่งก็ได้ยาคลายเครียดมากิน บุญรักษารู้สึกว่าตัวเองดีขึ้น ความเสียใจมันอาจไม่ได้หายไปไหน แต่ก็ไม่รู้สึกดิ่งจนกินนอนไม่ได้เหมือนตอนแรกๆ อีกอย่าง...ปริญก็มานอนเป็นเพื่อนเกือบทุกคืน คืนนี้เธอทำการบ้านเสร็จห้าทุ่ม แม้จะเป็นคืนวันศุกร์แต่ก็อยากทำให้เสร็จเลย อ่านหนังสือต่ออีกหน่อยก็ปิดไฟนอน รู้สึกว่าตัวเองน่าจะนอนหลับได้เอง แต่ก็ใช้เวลาพอสมควร หากไม่กระวนกระวายเหมือนช่วงแรกๆ กำลังจะหลับปริญก็โทรหาเธอ “ฉันกำลังลงไปนะ รอเปิดประตูให้ด้วย” “เอ่อ คุณโปรด บุญษานอนคนเดียวได้ค่ะ เมื่อกี้จะหลับแล้ว” “ก็บอกว่าจะลงไปหาไง” แล้วเขาก็วางสายไปเลย บุญรักษาได้แต่ทำหน้ามุ่ยใส่โทรศัพท์ เกือบเดือนแล้วหรือเปล่าที่ปริญลงมาหาเธอกลางดึก แม้บ้านเขาจะหลังใหญ่โต และห้องนอนเธอก็ไม่ได้มีใครเดินผ่านมาในยามดึกดื่น แต่ก็กลัวจะมีคนรู้สักวัน...มันจะเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นเหรอว่าเขามานอนเป็นเพื่อนเพื่อสังเกตอาการเธอน่ะ บุญรักษามองโทรศัพท์ในมือตัวเอง รอเขาทักมาบอกให้เปิดประตู ซึ่งก็ราวๆ ห้านาทีกว่าปริญจะลงมาจากชั้นสามจนมาถึงห้องนอนเธอ พอเขาทักให้เปิดประตูจึงไปเปิดให้ ใบหน้าเขาดูเบื่อหน่าย พอเธอเปิดประตูให้ก็ทักทายด้วยการเลิกคิ้วหนึ่งข้างแล้วเดินไปที่เตียง ขึ้นไปนอนตะแคงหันหลังให้เหมือนไม่สนใจเธอ...ทำเหมือนเป็นเตียงตัวเองเสียอย่างนั้น บุญรักษาก็ขึ้นไปนอนตะแคงหันหลังให้เขาเหมือนกัน หลังๆ มาก็ต่างคนต่างนอน เขาไม่จำเป็นต้องกอดเธอ “ถ้าคืนนี้เธอไม่ละเมอตื่นกลางดึกต่อไปจะเลิกมาดู” “ค่ะ” บุญรักษาตอบรับแผ่วเบา รู้สึกโล่งใจที่ปริญให้คำสัญญาแบบนั้น เพราะรู้สึกว่าสิ่งที่เราสองคนกำลังทำอยู่มันไม่ถูกต้อง แม้เขาจะทำไปเพราะกลัวเธอจะเป็นอะไรไปก็เถอะ แต่ก็ไม่ควรอยู่ดี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD