EPISODE 01 : Verbena
(ดอกเวอร์บีน่า - เป็นดอกไม้แห่งความสุขของคนในบ้าน หรือคนในครอบครัว)
“เธอเป็นดั่งความสุขของคนในบ้าน หากต้องการที่พักพิงเธอก็สามารถกลับมาได้เสมอ”
[PUNDAO’S PART]
-ท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ-
~ติ้งงงงง~ ~ติ้งงงงง~ ~ติ้งงงงง~
“ขอโทษค่ะ”
ทันทีที่ฉันกดเปิดโทรศัพท์เสียงข้อความก็ดังไม่หยุดจนทำให้ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ของฉันหันมามองพร้อมกับแสดงสีหน้าไม่พอใจ ฉันจึงหันไปกล่าวคำขอโทษก่อนจะโค้งศีรษะให้เธอเล็กน้อย...
มายู : พันดาวมายูรออยู่ที่หน้าประตูทางออกแล้วนะ
มายู : picture
พันดาว : รับทราบค่า รอดาวแป๊บน้า^^
มายู : รอได้ๆ
พันดาว : ค่า...
.................................................................................
พันทิวา : ยัยพันดาวเธอถึงรึยัง
พันทิวา : เจอมายูไหม
พันทิวา : เป็นห่วงว่ะ รู้งี้ไปด้วยก็ดีไม่น่าปล่อยให้ไปคนเดียวเลยว่ะ
พันดาว : ใจเย็นๆ ค่ะพี่ชาย หนูพึ่งลงจากเครื่องบินค่ะ
พันดาว : อีกอย่างน้องสาวของพี่ทิวาโตเป็นสาวแล้วด้วยไม่ใช่เด็กๆ สักหน่อย
พันดาว : มายูมารอหนูแล้วค่ะ พี่ทิวาไม่ต้องเป็นห่วงนะ
พันทิวา : ไม่ให้ห่วงได้ไง น้องสาวของพี่ทั้งคนนะ
พันดาว : น้องสาวคนสวยอะเนอะ พี่ชายจะเป็นห่วงก็ไม่แปลกใช่ปะ
พันทิวา : ก็จริง...พี่ของหนูยังหล่อขนาดนี้ แล้วน้องสาวจะไปเหลืออะไรล่ะเนอะ
พันดาว : สำเนาถูกต้องเราเป็นพี่น้องกับแบบ 100 เปอร์เซ็นต์...หนูไปจัดการเอกสารก่อนนะคะ เจอมายูแล้วเดี๋ยวหนูทักบอกนะ
พันทิวา : โอเคครับ...
ฉันอยากจะร้องกรี๊ด...ในที่สุดฉันก็ได้มาเหยียบที่นี่จนได้ แผ่นดินที่ฉันเฝ้าฝันว่าอยากจะมาอยู่ตั้งแต่เด็กๆ ที่นี่ก็คือ ‘ประเทศญี่ปุ่น’ นั่นเองหรือที่หลายคนรู้จักกันในนามของ ‘ดินแดนอาทิตย์อุทัย (Land of the Rising Sun)’ เหตุที่ญี่ปุ่นได้ชื่อนี้มาก็คงเป็นเพราะประเทศญี่ปุ่นตั้งอยู่ในเส้นละติจูดที่ 20 (ละติจูดที่ 1-19 เป็นทะเล) ซึ่งเป็นทิศตะวันออกสุดของโลก นั่นทำให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่จะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นก่อนประเทศอื่นๆ ในโลกยังไงล่ะ
จากที่ฉันได้ศึกษามานั้นที่นี่ยังมีตำนานที่ทรงอิทธิพลต่อความคิดของคนญี่ปุ่นตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน นั้นก็คือความเชื่อที่ว่าญี่ปุ่นถือกำเนิดมาจากพระอาทิตย์ และสุดท้ายไม่ว่าจะเป็นตำนานหรือวิทยาศาสตร์ ‘พันดาว’ คนนี้ก็ได้มาถึงดินแดนในฝันของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่า...
ฉันจะใช้เวลาอย่างน้อยสุด 2 ปีในการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เพื่อศึกษาต่อในระดับปริญญาโท และแน่นอนว่าฉันจะใช้ชีวิตให้เต็มที่เพื่อที่จะเรียนรู้วัฒนธรรม การใช้ชีวิตแบบอย่างของคนที่นี่ เพราะกว่าฉันจะขอร้องพี่ชายคนเดียวของฉันมาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ พ่อกับแม่ไม่เคยมีปัญหาอะไรแต่คนที่มีปัญหาเยอะที่สุดคงหนีไม่พ้น ‘พี่ทิวา (พันทิวา)’ พี่ชายที่หวงน้องสาวคนสวยอย่างฉันยิ่งกว่าอะไร พ่อรู้ แม่รู้ ทุกคนรู้ พี่ทิวาเองก็รู้...
นี่ถ้าเขาไม่ติดว่าต้องไปประชุมเกี่ยวกับผลไม้แปรรูปที่ไม่สามารถขาดการประชุมได้มีหวังเขาได้ตามมาส่งฉันถึงญี่ปุ่นด้วยตัวเองแน่นอน เขาไม่มีทางปล่อยให้ฉันมาคนเดียวแบบนี้หรอก
เดิมทีที่บ้านของฉันมีสวนผักและผลไม้ซึ่งทำกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายแล้วล่ะ พอพี่ทิวาเรียนจบมาเขาก็เข้ามาช่วยพ่อกับแม่ดูแลต่อ แต่ด้วยความที่พี่ชายของฉันเป็นคนหัวสมัยใหม่ เขาจึงหาวิธีเพิ่มมูลค่าของสิ่งที่เรามีอยู่ทำให้ช่วงหลังมานี้ธุรกิจของที่บ้านฉันเจริญเติบโตไปตามลำดับ และทั้งหมดนี้เป็นความดีความชอบของพ่อกับแม่และก็พี่ทิวา เอ่อ...จริงๆแล้วฉันอาจจะมีส่วนช่วยอยู่ด้วยนิดนึง คือช่วยเก็บผลผลิตกับทำปุ๋ยคอก (ปุ๋ยอินทรีย์ที่ได้จากมูลและสิ่งขับถ่ายจากสัตว์) นี่นับไหมนะ...
“สวัสดีครับ ผมฮารุตะนะครับ คือผมเห็นคุณตั้งแต่อยู่บนเครื่องแล้วน่ะครับ เลยอยากจะเข้ามาทำความรู้จักกับคุณ” ระหว่างที่ฉันรอกระเป๋าก็มีชายหนุ่มญี่ปุ่นรูปงามเดินเข้ามาทักทาย
“สะ สวัสดีค่ะ”
“อะ เอ่อขอโทษนะครับผมคิดว่าคุณเป็นคนญี่ปุ่น” ร่างสูงเห็นท่าทางของฉัน เขาจึงเปลี่ยนเป็นพูดภาษาอังกฤษกับฉันแทน ซึ่งถ้าให้เปรียบเทียบทักษะทางด้านภาษาอังกฤษกับภาษาญี่ปุ่นของฉันนั้น ฉันบอกได้เลยว่าทักษะภาษาญี่ปุ่นของฉันแข็งแรงกว่าเยอะ ฉันอุตส่าห์สอบวัดระดับความรู้ทางด้านภาษาญี่ปุ่นได้ N2* เชียวนะ
*การสอบวัดระดับความรู้ภาษาญี่ปุ่นที่เป็นมาตรฐานทั่วไปทางการศึกษา คือ การสอบ JLPT มี 5 ระดับ N1-N5 (ระดับสูงสุด N1)
ตอนเด็กๆ ฉันชอบดูการ์ตูนและก็ชอบอ่านมังงะมาก ฉันรู้สึกขัดใจทุกครั้งที่ต้องอ่านมังงะในเวอร์ชั่นที่ถูกแปลเป็นภาษาไทยเรียบร้อยแล้ว ฉันจึงขอพ่อไปเรียนภาษาญี่ปุ่นเพื่อที่จะได้ไม่ต้องอ่านมังงะฉบับแปลไทย และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นทางความเป็นเลิศด้านภาษาญี่ปุ่นของฉันนั่นเอง...
“ฉันฟังภาษาญี่ปุ่นออกค่ะ”
“คุณเป็นคนไทยใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ ออ...ลืมแนะนำตัวฉันชื่อพันดาวค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณฮารุตะ” ฉันทักทายร่างสูงตรงหน้าพร้อมกับโค้งหัวให้เขาเล็กน้อย ก่อนจะส่งยิ้มหวานไปให้กับเขาอย่างเป็นกันเอง
“เก่งจังเลย ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ”
Asphodel
(ดอกอัสโฟเดล - เป็นดอกไม้ที่สื่อถึงเพื่อนรักที่แสนดี เพื่อนที่มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น)
“เธอเป็นดั่งเพื่อนรักที่แสนดีของฉัน ไม่ว่ายังเธอก็ยังคงเป็นคนสำคัญของฉัน”
[PUNDAO’S PART]
“พันดาว” ฉันรีบหันไปมองตามเสียงเรียกทันทีที่ลากกระเป๋าออกมาจากประตูทางออก ฉันเห็นหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกันกับฉันยืนกวักมือเรียกฉันอยู่ไม่ไกล ฉันจึงรีบวิ่งไปยังจุดที่พวกเธอยืนรออยู่พร้อมกับลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของตัวเองไปด้วย
“อย่า...วะ วิ่ง”
ฟุบ! !! ปึก! ปึก! !!
“อะ โอ้ย” ฉันสะดุดล้มหน้าทิ่มลงกับพื้นต่อหน้าต่อตาเพื่อนทั้ง 2 คนของฉัน ก่อนที่มายูจะร้องห้ามฉันเสียอีก และเท่านั้นยังไม่พอกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ทั้ง 2 ใบที่ฉันลากมาด้วยก็ล้มทับฉันไม่เป็นท่าเลย ‘เป็นการทักทายเพื่อนสาวที่น่าอับอายมาก...ฮือออออ ชีวิตฉันช่างน่าสงสารอะไรขนาดนี้นะ’
“ก็บอกแล้วว่าอย่าวิ่ง พันดาวตัวจริงเสียงจริงไม่ได้ใช้ตัวแสดงแทนเลยสินะ” มายูกับไอโกะรีบเดินเข้ามาช่วยยกกระเป๋าเดินทางออกจากหลังของฉัน พร้อมกับบ่นพึมพำไม่หยุด
‘มายู’ เป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น พ่อของเธอเป็นคนไทยส่วนแม่เป็นคนญี่ปุ่น ช่วงมัธยมปลายมายูเธอย้ายไปเรียนโรงเรียนเดียวกันกับฉัน และเนื่องจากตอนนั้นเธอแทบจะพูดภาษาไทยไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่โชคยังดีที่มายูได้มาเจอกับนางฟ้าที่ทั้งสวยและก็ฉลาดอย่างฉัน (ฉันเป็นคนเดียวที่สามารถสื่อสารภาษาญี่ปุ่นกับเธอได้) ตั้งแต่ตอนนั้นมาเราก็สนิทกันจนกระทั่งเธอย้ายกลับไปญี่ปุ่น แต่เราทั้งคู่ก็ยังติดต่อกันอยู่ตลอด
“กอดกันๆ มายู” ฉันอ้าแขนรอมายูเข้ามากอดฉัน แต่เธอก็ยืนกอดอกมองมาที่ฉันนิ่งๆ ไม่ยอมเข้ามากอดฉันสักที
“ตัวเธอเปื้อนนะพันดาว” มายูเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ พร้อมกับจ้องมาที่ฉันนิ่งๆ
“แล้วจะไม่กอดรึไง” ฉันเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าอย่างงอนๆ
“กอดสิคิดถึงจะแย่เพื่อนรักของฉัน” มายูเดินเข้ามากอดฉันไว้แน่น ซึ่งฉันเองก็กอดตอบเธอกลับไปเช่นกัน
“พันดาวเธอตัวหดลงรึป่าว ทำไมตัวของเธอเหลือเท่านี้เองล่ะ” มายูเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบพร้อมกับมองสำรวจฉันอีกครั้ง
“ดาวก็ตัวเท่านี้อยู่แล้วเถอะ...ไม่คุยด้วยแล้ว”
“ไอโกะ กอดกันไหมคะ” ฉันหันไปมองร่างบางอีกคนที่ยืนอยู่ข้างกับมายู นี่เป็นครั้งแรกที่เราสองคนเจอกัน เพราะปกติแล้วพวกเราจะคุยกันผ่านทางวีดีโอคอลเท่านั้น
“ยินดีตอนรับนะ” ไอโกะเดินเข้ามากอดฉันไว้อย่างอ่อนโยนพร้อมกับเอ่ยบอกกับฉันเสียงหวาน
‘ไอโกะ’ เธอเป็นคนญี่ปุ่น เป็นเพื่อนสนิทของมายูและตอนนี้เธอก็เป็นเพื่อนสนิทของฉันด้วยอีกคน ไอโกะช่วยฉันหาอาจารย์ที่ปรึกษาและเธอยังคอยช่วยประสานงานระหว่างฉันกับมหาลัย ทำให้เราได้มีโอกาสทำความรู้จักกันมากขึ้นแล้วก็สนิทกันได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง
“ขอบคุณนะคะ”
“พันดาวตัวจริงน่ารักมากเลย...ยิ้มก็สวย” ร่างบางตรงหน้าเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อนพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้
“งุ้ยยยยย” ฉันส่งยิ้มหวานไปให้เธอเช่นกัน พร้อมกับบิดตัวไปมาอย่างเขินอายแต่แล้ว...
“อย่าชมเยอะเดี๋ยวยัยนี่จะเหลิงเอา ดูสิดูทำหน้าเข้า” มายูก็พูดขัดไอโกะขึ้นมาทันที ฉันยู่หน้าใส่มายูก่อนจะหันไปยิ้มให้ไอโกะอีกครั้ง
“ไอโกะตาถึง แต่มายูตาไม่ถึง”
“จ้า เราไปกันเถอะ”
“ไปกัน” ฉันเอ่ยบอกกับร่างบางทั้งสองคนตรงหน้า ก่อนหันกลับไปลากกระเป๋าเดินทางของตัวเองแต่...
“เดี๋ยวฉันลากไปให้ เธอเดินไปเฉยๆ ไม่ให้ล้มก็พอพันดาว” มายูเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบพร้อมเดินเข้ามาจับกระเป๋าเดินทางของฉันไว้แทน
“ดาวลากได้” ฉันพยายามจะแย้งกระเป๋าของตัวเองคืนมาจากมายู แต่มีเหรอที่คนอย่างมายูจะยอมฉันง่ายๆ นะ
“อะ เอ่อเชื่อมายูเถอะพันดาว เราไปกันดีกว่านะถึงไวดาวจะได้พักด้วย” เสียงหวานๆ ของไอโกะพูดขึ้นก่อนที่แขนเรียวของเธอจะยกขึ้นมาคล่องแขนของฉันเอาไว้
“ก็ได้ ขอบคุณมานะคะคุณมายู” ฉันหันไปบอกกับไอโกะก่อนจะหันไปบอกกับมายูเสียงอ่อนพร้อมกับโค้งหัวให้กับร่างบางตรงหน้าอย่างนอบน้อม ฉันเดินควงแขนไอโกะไปยังสถานีรถไฟที่อยู่ไม่ไกล
“พันดาวเสื้อบางไปรึป่าว มีเสื้อโค้ทมาอีกไหมฉันคิดว่าช่วงนี้อากาศค่อนข้างเย็นสำหรับคนไทยน่ะ”
“เรามีมาตัวเดียวเอง” ฉันเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าเสียงอ่อน ฉันวางแผนที่จะมาหาซื้อที่นี่อยู่แล้วน่ะ เพราะที่ไทยอากาศค่อนข้างร้อนเสื้อผ้าสำหรับอากาศหนาวจึงมีให้เลือกไม่มากเท่าไหร่นัก
“ตัวนี้เหรอ” ร่างบางตรงหน้าเอ่ยถามฉันอีกครั้ง
“ใช่แล้ว”
“ไม่พอ เอาเป็นว่าพวกเราพาพันดาวไปพักกันก่อนขาดเหลืออะไรเดี๋ยวเราค่อยออกไปหาซื้อกันตอนเย็นดีไหม”
“ดีค่ะ ไอโกะน่ารักที่สุดเลย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า” ร่างบางตรงหน้าเอ่ยบอกกับฉันอย่างเขินๆ
“พวกเด็กน้อย” มายูบ่นพึมพำแต่ฉันกับไอโกะได้ยินมันอย่างชัดเจน เราสองคนจึงหันกลับไปมองเธอเป็นตาเดียว
“ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”
“คิคิ มายูร้อนตัว” ไอโกะขำร่างบางที่เดินลากกระเป๋าตามหลังพวกเรามา ก่อนที่เธอจะควงแขนของฉันและพาฉันเดินต่อไปตามทางที่มุ่งหน้าไปยังจุดจำหน่ายตั๋วรถไฟ