ปฐมบท 1.2 - จะไม่ปล่อยให้ห่างกายอีกต่อไป (จบตอน)

1091 Words
“แล้วนี่… ยิหวายังไม่กลับหรือครับ?” ถามหาพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ “ยิหวาโทร. บอกว่าจะอยู่ช่วยเพื่อนทำรายงานให้เสร็จก่อนแล้วค่อยกลับ” กรีนน่าบอกน้องชาย “นายศรุตอะไรนั่นสิท่า” มุมปากหยักกระตุกเหยียดไม่พอใจ พี่สาวที่รู้ว่าน้องชายคิดเช่นไรกับเด็กในปกครองของตนได้แต่ถอนหายใจแผ่วเบา “ถ้ากลับมาผมต้องต่อว่าเสียหน่อย จวนจะมืดค่ำอยู่แล้วทิ้งให้พี่อยู่คนเดียวได้ยังไง” ทำเป็นเข้มขรึมแต่ข้างในร้อนรุ่มดุจไฟแผดเผา เพียงคิดว่าร่างบางอยู่กับชายอื่นที่ไม่ใช่เขา เกียร์ก็แทบอยากบ้าตาย “เกียร์อย่าดุนักเลย ยิหวาโตแล้วให้เด็กมันมีเวลาส่วนตัวบ้าง” มืออ่อนแรงลูบวงแขนบึกบึน พิมพ์ชนกทำหน้าที่ดูแลเธอไม่มีขาดตกบกพร่อง ไม่ต้องเรียกหาก็มาคอยปรนนิบัติรับใช้ไม่ห่าง จะมีบ้างที่ขอตัวไปอ่านหนังสือเตรียมสอบ ซึ่งกรีนน่าก็อนุญาตให้ไปแต่โดยดี ทว่าหลังจากนี้คงไม่ง่ายอย่างที่คิด… “ไม่ได้ครับ ผม…” ยังพูดไม่ทันจบเสียงรถยนต์ที่ดังขึ้นหน้าบ้านก็ทำให้ร่างสูงต้องรีบลุกขึ้นมอง ตวัดผ้าม่านสีครีมแหวกออกเบาๆ ร่างบางในชุดนักศึกษาเรียบร้อยก้าวลงจากรถของเพื่อนชายคนสนิท ยืนโบกมือลาจนกระทั่งรถคันดังกล่าวขับพ้นคลองสายตา “ทำไมกลับช้า!” หญิงสาวผวาไปกับเสียงเข้มทรงอำนาจ พิมพ์ชนกกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอขณะช้อนดวงตาตื่นตระหนกมองร่างสูงใหญ่ที่ยืนจังก้าเตรียมเอาผิดเต็มที่ “คุณเกียร์” แทบหาเสียงตัวเองไม่เจอเพราะเกรงกลัวสายตาประหัตประหารของเขา “ฉันถามว่าทำไมกลับช้า ไม่รู้หรือไรว่าคุณกรีนป่วยแล้วเธอต้องมาคอยดูแล” น้ำเสียงห้าวหาญดุดันเมื่อเจ้าหล่อนนิ่งเงียบไม่ยอมตอบ พิมพ์ชนกสูดลมหายใจรวบรวมความกล้าตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟัง “ยิหวาช่วยเพื่อนทำรายงานค่ะ” คำตอบตรงกับที่รายงานให้ผู้มีพระคุณรับทราบแต่แรก “ยิหวา… กลับมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำอาบท่าให้สดชื่นก่อนไป แล้วเดี๋ยวค่อยลงมาทานข้าวพร้อมกัน” กรีนน่าตัดบทเพราะกลัวอารมณ์ของน้องชายจะทะลุปรอทไปมากกว่านี้ “ค่ะคุณกรีน” พิมพ์ชนกนึกขอบคุณหญิงสาวที่ช่วยดึงมือตนขึ้นจากหุบเหวลึก ร่างบางก้มตัวเล็กน้อยขณะเดินผ่านหนุ่มใหญ่หน้าดุ เกียร์แอบมองตามอย่างชื่นชม กิริยามารยาทของหล่อนดีงามไม่เคยเปลี่ยน “พี่ให้ท้ายเกินไป” แต่พออยู่ต่อหน้าพี่สาวก็แสร้งทำเป็นว่ากล่าว กรีนน่ารู้ทันแต่ไม่อยากพูดจาหักหาญน้ำใจน้องชายจึงทำทีปล่อยปละละเลย ไม่รู้ไม่เห็นตามระเบียบ บรรยกาศบนโต๊ะอาหารไม่ได้สุขสบายเหมือนเก่าก่อน พิมพ์ชนกรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่สายตาคมดุของเกียร์มองจ้อง หญิงสาวขยับตัวเพียงเล็กน้อยเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถ มือเรียวหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่มหลังกะเพาะประท้วงว่าอิ่มแล้ว “ทานน้อยจังวันนี้” กรีนน่าพูดขึ้นขณะตักแกงจืดลูกเงาะให้น้องชาย เกียร์ปรายตามองร่างบาง เขารู้สึกว่าหล่อนเกรงกลัวเขาจนพานทานข้าวทานปลาไม่ลง “ยิหวาไม่ค่อยหิวค่ะ” “รับของหวานเลยไหม” “ไม่เป็นไรค่ะคุณกรีน ยิหวาขอตัวขึ้นไปอ่านหนังสือก่อนนะคะ ช่วงนี้ใกล้สอบเทอมสุดท้ายแล้ว” พิมพ์ชนกบอกยิ้มๆ ลำพังแค่ทานข้าวยังแทบกลืนไม่ลง พวกของหวานลืมไปได้เลย ขอทำตัวกินคาวไม่กินหวานสันดานไพร่หนึ่งวันก็แล้วกัน “เรียนจบแล้วก็มาช่วยคุณเกียร์ที่บริษัทฯ นะยิหวา” กรีนน่าปูทางให้ แอบเอาอกเอาใจน้องชายโดยการให้ยิหวาไปทำงานใกล้ๆ ตัว เกียร์ยิ้มย่องในใจ ทว่าประโยคถัดมาของ พิมพ์ชนกทำเขากัดฟันกรอด “ยิหวา… อยากไปทำงานที่โรงแรมของรุตก่อนค่ะ เรียนรู้ประสบการ์ณจากที่นั่นแล้วค่อยนำมาต่อยอดภายหลัง” น้ำเสียงกล้าๆ กลัวๆ บอกพลางชำเลืองมองใบหน้าดุดันของเกียร์ กรีนน่าเองก็ตกใจไม่น้อย คิดไม่ถึงว่าเด็กในปกครองจะกล้าปฏิเสธกลางปล้อง เห็นทีงานนี้เจ้าหล่อนได้ปลุกวิญญาณเสือร้ายโดยไม่รู้ตัวเสียแล้ว “เอางั้นก็ได้” ครั้นจะห้ามก็ใช่ที่ กรีนน่าเคยรับปากกับพิมพ์ชนกว่าจะไม่บังคับหากหล่อนเรียนจบแล้วต้องการไปทำงานที่อื่น เพราะถือว่าหญิงสาวไม่ได้ทำตัวออกนอกลู่นอกทาง ชีวิตใคร… คนนั้นก็มีสิทธิ์เลือกทางเดินที่ตัวเองต้องการ “ยิหวาขอตัวนะคะ” “ไปเถอะ” กรีนน่าพยักหน้าเชิงอนุญาต ร่างบางเดินขึ้นห้องได้ก็ระบายลมหายใจหนักอึ้ง หญิงสาวยืนพิงกำแพงห้องพลางยกมือกุมหัวใจวัดระดับความตื่นเต้น “แค่วันแรกที่คุณเกียร์กลับมา เราก็แทบแย่แล้ว!” “เกียร์” กรีนน่าเรียกน้องชายเสียงแผ่วเบา ดวงตาเข้มคู่นั้นวาวโรจน์เพลิงโทสะ เขาคิดว่าเขาเก็บอาการได้ดีเยี่ยม แต่เปล่าเลย… ชายหนุ่มแสดงท่าทีหึงหวงออกชัดเจน ชัดมากจนคนเป็นพี่อดระแวงแทนตัวต้นเหตุอย่างพิมพ์ชนกไม่ได้ “ไว้รอให้ยิหวาได้ประสบการณ์การทำงานจากที่อื่นก่อน แล้วค่อยให้มาทำงานกับเราเนอะ” “ผมไม่ได้สนใจว่าหล่อนจะทำงานที่ไหนกับใคร!” ริมฝีปากเหยียดยิ้ม ปากบอกไม่สนแต่ท่าทางหัวเสียมันคืออะไร หลอกใครหลอกได้ แต่คนเราจะหลอกตัวเองได้สักกี่น้ำกันเชียว “ผมอิ่มแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ” หยิบผ้าผืนเล็กขึ้นเช็ดรอบริมฝีปากลวกๆ แล้วรีบลุกขึ้นห้องอย่างไว “เฮ้อ… นี่แค่วันแรกนะเนี่ย” กรีนน่าได้แต่ถอนหายใจเพียงลำพัง “หึ! อย่าคิดว่าไม่รู้ อยากไปทำงานกับไอ้เพื่อนชายนั่นเพราะต้องการอยู่ใกล้ชิดมันสิท่า” นัยน์ตาสีเพลิงมองใบหน้าเถื่อนดิบผ่านกระจกเงาที่ส่องสะท้อนความเดือดดาลอยู่ ณ ขณะนี้ “ฝันไปเถอะ! เรื่องอะไรจะปล่อยไป” เกียร์เหยียดยิ้มขณะทอดมองรูปภาพของหญิงสาวที่เขาแอบถ่ายไว้ในอิริยาบถต่างๆ ปลายนิ้วแกร่งลูบไล้กรอบหน้าสวยผ่านกระดาษมันวาว “ยิหวา… กลับมาคราวนี้ฉันไม่ยอมให้เธอห่างกายฉันอีกแน่!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD