“แล้วนี่… ยิหวายังไม่กลับหรือครับ?” ถามหาพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ
“ยิหวาโทร. บอกว่าจะอยู่ช่วยเพื่อนทำรายงานให้เสร็จก่อนแล้วค่อยกลับ” กรีนน่าบอกน้องชาย
“นายศรุตอะไรนั่นสิท่า”
มุมปากหยักกระตุกเหยียดไม่พอใจ พี่สาวที่รู้ว่าน้องชายคิดเช่นไรกับเด็กในปกครองของตนได้แต่ถอนหายใจแผ่วเบา
“ถ้ากลับมาผมต้องต่อว่าเสียหน่อย จวนจะมืดค่ำอยู่แล้วทิ้งให้พี่อยู่คนเดียวได้ยังไง”
ทำเป็นเข้มขรึมแต่ข้างในร้อนรุ่มดุจไฟแผดเผา เพียงคิดว่าร่างบางอยู่กับชายอื่นที่ไม่ใช่เขา เกียร์ก็แทบอยากบ้าตาย
“เกียร์อย่าดุนักเลย ยิหวาโตแล้วให้เด็กมันมีเวลาส่วนตัวบ้าง” มืออ่อนแรงลูบวงแขนบึกบึน พิมพ์ชนกทำหน้าที่ดูแลเธอไม่มีขาดตกบกพร่อง ไม่ต้องเรียกหาก็มาคอยปรนนิบัติรับใช้ไม่ห่าง จะมีบ้างที่ขอตัวไปอ่านหนังสือเตรียมสอบ ซึ่งกรีนน่าก็อนุญาตให้ไปแต่โดยดี
ทว่าหลังจากนี้คงไม่ง่ายอย่างที่คิด…
“ไม่ได้ครับ ผม…” ยังพูดไม่ทันจบเสียงรถยนต์ที่ดังขึ้นหน้าบ้านก็ทำให้ร่างสูงต้องรีบลุกขึ้นมอง ตวัดผ้าม่านสีครีมแหวกออกเบาๆ ร่างบางในชุดนักศึกษาเรียบร้อยก้าวลงจากรถของเพื่อนชายคนสนิท ยืนโบกมือลาจนกระทั่งรถคันดังกล่าวขับพ้นคลองสายตา
“ทำไมกลับช้า!”
หญิงสาวผวาไปกับเสียงเข้มทรงอำนาจ พิมพ์ชนกกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอขณะช้อนดวงตาตื่นตระหนกมองร่างสูงใหญ่ที่ยืนจังก้าเตรียมเอาผิดเต็มที่
“คุณเกียร์” แทบหาเสียงตัวเองไม่เจอเพราะเกรงกลัวสายตาประหัตประหารของเขา
“ฉันถามว่าทำไมกลับช้า ไม่รู้หรือไรว่าคุณกรีนป่วยแล้วเธอต้องมาคอยดูแล” น้ำเสียงห้าวหาญดุดันเมื่อเจ้าหล่อนนิ่งเงียบไม่ยอมตอบ พิมพ์ชนกสูดลมหายใจรวบรวมความกล้าตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟัง
“ยิหวาช่วยเพื่อนทำรายงานค่ะ”
คำตอบตรงกับที่รายงานให้ผู้มีพระคุณรับทราบแต่แรก
“ยิหวา… กลับมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำอาบท่าให้สดชื่นก่อนไป แล้วเดี๋ยวค่อยลงมาทานข้าวพร้อมกัน” กรีนน่าตัดบทเพราะกลัวอารมณ์ของน้องชายจะทะลุปรอทไปมากกว่านี้
“ค่ะคุณกรีน” พิมพ์ชนกนึกขอบคุณหญิงสาวที่ช่วยดึงมือตนขึ้นจากหุบเหวลึก ร่างบางก้มตัวเล็กน้อยขณะเดินผ่านหนุ่มใหญ่หน้าดุ เกียร์แอบมองตามอย่างชื่นชม กิริยามารยาทของหล่อนดีงามไม่เคยเปลี่ยน
“พี่ให้ท้ายเกินไป” แต่พออยู่ต่อหน้าพี่สาวก็แสร้งทำเป็นว่ากล่าว กรีนน่ารู้ทันแต่ไม่อยากพูดจาหักหาญน้ำใจน้องชายจึงทำทีปล่อยปละละเลย ไม่รู้ไม่เห็นตามระเบียบ
บรรยกาศบนโต๊ะอาหารไม่ได้สุขสบายเหมือนเก่าก่อน พิมพ์ชนกรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่สายตาคมดุของเกียร์มองจ้อง หญิงสาวขยับตัวเพียงเล็กน้อยเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถ มือเรียวหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่มหลังกะเพาะประท้วงว่าอิ่มแล้ว
“ทานน้อยจังวันนี้” กรีนน่าพูดขึ้นขณะตักแกงจืดลูกเงาะให้น้องชาย เกียร์ปรายตามองร่างบาง เขารู้สึกว่าหล่อนเกรงกลัวเขาจนพานทานข้าวทานปลาไม่ลง
“ยิหวาไม่ค่อยหิวค่ะ”
“รับของหวานเลยไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณกรีน ยิหวาขอตัวขึ้นไปอ่านหนังสือก่อนนะคะ ช่วงนี้ใกล้สอบเทอมสุดท้ายแล้ว” พิมพ์ชนกบอกยิ้มๆ ลำพังแค่ทานข้าวยังแทบกลืนไม่ลง พวกของหวานลืมไปได้เลย ขอทำตัวกินคาวไม่กินหวานสันดานไพร่หนึ่งวันก็แล้วกัน
“เรียนจบแล้วก็มาช่วยคุณเกียร์ที่บริษัทฯ นะยิหวา”
กรีนน่าปูทางให้ แอบเอาอกเอาใจน้องชายโดยการให้ยิหวาไปทำงานใกล้ๆ ตัว เกียร์ยิ้มย่องในใจ ทว่าประโยคถัดมาของ
พิมพ์ชนกทำเขากัดฟันกรอด
“ยิหวา… อยากไปทำงานที่โรงแรมของรุตก่อนค่ะ เรียนรู้ประสบการ์ณจากที่นั่นแล้วค่อยนำมาต่อยอดภายหลัง”
น้ำเสียงกล้าๆ กลัวๆ บอกพลางชำเลืองมองใบหน้าดุดันของเกียร์ กรีนน่าเองก็ตกใจไม่น้อย คิดไม่ถึงว่าเด็กในปกครองจะกล้าปฏิเสธกลางปล้อง เห็นทีงานนี้เจ้าหล่อนได้ปลุกวิญญาณเสือร้ายโดยไม่รู้ตัวเสียแล้ว
“เอางั้นก็ได้” ครั้นจะห้ามก็ใช่ที่ กรีนน่าเคยรับปากกับพิมพ์ชนกว่าจะไม่บังคับหากหล่อนเรียนจบแล้วต้องการไปทำงานที่อื่น เพราะถือว่าหญิงสาวไม่ได้ทำตัวออกนอกลู่นอกทาง
ชีวิตใคร… คนนั้นก็มีสิทธิ์เลือกทางเดินที่ตัวเองต้องการ
“ยิหวาขอตัวนะคะ”
“ไปเถอะ” กรีนน่าพยักหน้าเชิงอนุญาต ร่างบางเดินขึ้นห้องได้ก็ระบายลมหายใจหนักอึ้ง หญิงสาวยืนพิงกำแพงห้องพลางยกมือกุมหัวใจวัดระดับความตื่นเต้น
“แค่วันแรกที่คุณเกียร์กลับมา เราก็แทบแย่แล้ว!”
“เกียร์” กรีนน่าเรียกน้องชายเสียงแผ่วเบา ดวงตาเข้มคู่นั้นวาวโรจน์เพลิงโทสะ เขาคิดว่าเขาเก็บอาการได้ดีเยี่ยม แต่เปล่าเลย… ชายหนุ่มแสดงท่าทีหึงหวงออกชัดเจน ชัดมากจนคนเป็นพี่อดระแวงแทนตัวต้นเหตุอย่างพิมพ์ชนกไม่ได้
“ไว้รอให้ยิหวาได้ประสบการณ์การทำงานจากที่อื่นก่อน แล้วค่อยให้มาทำงานกับเราเนอะ”
“ผมไม่ได้สนใจว่าหล่อนจะทำงานที่ไหนกับใคร!” ริมฝีปากเหยียดยิ้ม ปากบอกไม่สนแต่ท่าทางหัวเสียมันคืออะไร หลอกใครหลอกได้ แต่คนเราจะหลอกตัวเองได้สักกี่น้ำกันเชียว
“ผมอิ่มแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ” หยิบผ้าผืนเล็กขึ้นเช็ดรอบริมฝีปากลวกๆ แล้วรีบลุกขึ้นห้องอย่างไว
“เฮ้อ… นี่แค่วันแรกนะเนี่ย”
กรีนน่าได้แต่ถอนหายใจเพียงลำพัง
“หึ! อย่าคิดว่าไม่รู้ อยากไปทำงานกับไอ้เพื่อนชายนั่นเพราะต้องการอยู่ใกล้ชิดมันสิท่า” นัยน์ตาสีเพลิงมองใบหน้าเถื่อนดิบผ่านกระจกเงาที่ส่องสะท้อนความเดือดดาลอยู่ ณ ขณะนี้
“ฝันไปเถอะ! เรื่องอะไรจะปล่อยไป” เกียร์เหยียดยิ้มขณะทอดมองรูปภาพของหญิงสาวที่เขาแอบถ่ายไว้ในอิริยาบถต่างๆ ปลายนิ้วแกร่งลูบไล้กรอบหน้าสวยผ่านกระดาษมันวาว
“ยิหวา… กลับมาคราวนี้ฉันไม่ยอมให้เธอห่างกายฉันอีกแน่!”