บทที่ 2.1 - จอมเผด็จการ (คุกคามความเป็นส่วนตัว)

1161 Words
มือหนาแหวกผ้าม่านออกเล็กน้อย ดวงตาคมเข้มมองตรงไปยังด้านล่าง ยูนิฟอร์มสีน้ำเงินเข้มดูสง่าผ่าเผยเมื่ออยู่บนเรือนร่างของพิมพ์ชนก เกียร์ลอบยิ้มด้วยความพึงพอใจ เขาแอบมองเธอจากบนห้องเป็นเวลากว่าสองอาทิตย์ติดเห็นจะได้ ตั้งแต่วันที่เจ้าหล่อนปฏิเสธการมาทำงานที่บริษัทฯ ของเขา ยืนยันจะไปหาประสบการณ์ที่โรงแรมของเพื่อนสนิทอย่างนายศรุต “อ้าวเกียร์ วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ” กรีนน่าที่กำลังจัดโต๊ะเตรียมอาหารเช้าเอ่ยถาม “วันนี้หยุดครับ” เกียร์มอบรอยยิ้มสดใสยามเช้า เขายกปกติน้องชายจะหล่อเหลามาดเข้มในชุดสูทมีระดับ แต่วันนี้กลับสวมเพียงเสื้อยืดกางเกงสามส่วนสบายๆ แก้วกาแฟขึ้นดื่มขณะไล่สายตาอ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจรายวัน เช็กข่าวสารการลงทุนระดับโลก “เสียดาย พี่อุตส่าห์ทำข้าวต้มกุ้งไว้ แต่ยิหวารีบไปทำงานซะนี่” กรีนน่าตักข้าวต้มกุ้งหอมกรุ่นเสิร์ฟใส่ชามให้น้องชาย “กินเยอะๆ น้า” พี่สาวผู้แสนดีเอาอกเอาใจสารพัด เกียร์พับหนังสือพิมพ์วางลงบนโต๊ะ พี่พูดเรื่องอีกฝ่ายขึ้นมาก็ดีเหมือนกัน ครั้นจะเอ่ยปากถามเองเดี๋ยวจะกลายเป็นที่ผิดสังเกต “เพิ่งจะหกโมงเองนะครับ ทำไมรีบนัก” “เห็นบอกว่าวันนี้มีประชุมอะไรสักอย่างนี่แหละ” กรีนน่าตักข้าวต้มฝีมือตัวเองเข้าปากคำแรกก็ยิ้มตาโต “หืม ไม่ได้ทำซะนานยังอร่อยเหมือนเดิมแฮะ” เกียร์ไม่ได้สนใจในสิ่งที่พี่สาวพูด สมองของเขาวนเวียนคิดแต่เรื่องของพิมพ์ชนกจนไม่รับรู้สิ่งใด “เกียร์” “ครับ” คนถูกเรียกได้สติ เขาหันมองหน้าพี่สาว “มีอะไรครับ” “เรานั่นแหละเป็นอะไร เห็นเหม่อลอย” กรีนน่าแตะแขนน้องชายเบาๆ “เปล่าครับ ผมแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย” เกียร์ระบายรอยยิ้มกลบเกลื่อน เขาพยายามสลัดภาพหญิงสาวออกจากหัว แล้วสนทนากับกรีนน่าขณะนั่งรับประทานอาหารเช้าร่วมกัน “เฮ้อ” ร่างบางที่เหนื่อยล้าจากการทำงานทิ้งตัวบนเตียงกว้างทั้งๆ ที่ยังไม่ได้อาบน้ำชำระล้างร่างกาย วันนี้พิมพ์ชนกรับหน้าที่ดูแลแขกคนสำคัญของทางโรงแรมอย่างใกล้ชิดตลอดทั้งวัน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าแขกคนดังกล่าวค่อนข้างเอาใจยากและวีนเหวี่ยงพอสมควร เธอและทีมงานต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการอดทนอดกลั้น ปฏิบัติหน้าที่จนกระทั่งเสร็จสิ้นภารกิจ “ใครคะ?” เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น หญิงสาวที่กำลังจะอาบน้ำตะโกนถามออกไป “ฉันเอง” เกียร์ตอบเสียงเข้ม เขาเคาะซ้ำเมื่อคนด้านในนิ่งเงียบ แขนอีกข้างยกเท้ากับขอบประตูแล้วก้มหน้าลงเล็กน้อย รอให้สาวเจ้าเปิดแต่ดูเหมือนพิมพ์ชนกจะลองดี ท้าทายความอดทนของเขา “เปิดประตู” เกียร์ออกคำสั่ง พิมพ์ชนกกัดริมฝีปากกังวล ดึกดื่นป่านนี้จะมาเคาะห้องเธอทำไม “ยิหวา เปิดประตูเดี๋ยวนี้!” เลือดในกายเริ่มร้อนรุ่ม เกียร์เงยหน้าสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามระงับโทสะร้าย “คุณเกียร์มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ ยิหวาว่าตอนนี้มันดึกมากแล้ว เราค่อยคุยกันพรุ่งนี้ดีกว่าค่ะ” พิมพ์ชนกบอกปัดแล้วรอฟังว่าเขาจะตอบอะไรกลับมา ปรากฏว่าเสียงจากด้านนอกเงียบงัน เธอเป่าปากโล่งอก เกียร์คงคิดได้แล้วกลับไปห้องของเขาตามเดิม “ว้าย! คุณเกียร์” เธอรีบวิ่งมาดันประตูเอาไว้ เกียร์ผลักทีเดียวเจ้าหล่อนก็กระเด็นล้มก้นจ้ำเบ้า “ออกไปจากห้องของฉันเดี๋ยวนี้นะ!” เจ้าของห้องโกรธจัด ชี้นิ้วไล่ไม่ใยดี “ที่นี่บ้านฉัน!” เกียร์ตอกย้ำ เขากวาดตามองห้องสีหวานแหวว กลิ่นน้ำหอมประจำกายหล่อนกระตุ้นความต้องการในร่างกาย “บ้านของคุณก็จริง แต่ห้องนี้คุณกรีนให้ฉันอยู่ คุณไม่ควรละลาบละล้วงความเป็นส่วนตัวของฉัน” พิมพ์ชนกเชิดหน้าตอกกลับ เธอไม่ยอมหรอก ในเมื่อพี่สาวของเขายกห้องนี้ให้เธออยู่อย่างเป็นส่วนตัว แล้วเขามีสิทธิ์อะไรมาใช้กุญแจสำรองไขเข้ามาอย่างหน้าด้านๆ แบบนี้ “ก็เรียกแล้วไม่เปิดเอง” คนหน้ามึนไหวไหล่ไม่แคร์ ทิ้งตัวนั่งไขว่ห้างที่ปลายเตียง ตุ๊กตาตัวเล็กตัวใหญ่กระจัดกระจายรอบเตียง มุมปากหยักคลี่รอยยิ้ม ซ่อนความเอ็นดูไม่ให้หล่อนเห็น “โตจนป่านนี้ยังเล่นตุ๊กตา” เขาแสร้งว่า พิมพ์ชนกเว้นระยะห่างจากเขาพอสมควร เธอกระชับเสื้อคลุมอาบน้ำแน่น มองเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ “คุณมีธุระอะไรคะ” เธอตัดสินใจเอ่ยถาม พูดจบจะได้ออกไปจากห้องของเธอสักที “พรุ่งนี้ไปลาออกจากโรงแรมของไอ้หน้าอ่อนนั่นซะ!” เกียร์ไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลา ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “อะไรนะ? คุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้ฉันลาออก ฉันไม่ลาออกเด็ดขาด” พิมพ์ชนกส่ายหน้า เรื่องอะไรจะยอมทำตามคำสั่งของเขา ชีวิตเธอ เธอก็ควรมีสิทธิ์เลือกเอง “เธอถามหาสิทธิ์กับฉันสองรอบแล้วนะ ทำไม อยากให้ฉันแสดงสิทธิ์นักใช่ไหม” เกียร์เกลียดคำว่าสิทธิ์ๆ ที่ออกจากปากเล็กเหลือเกิน ย่างสุมเข้าหาในท่าทีคุกคาม พิมพ์ชนกรีบถอยเท้าหนีอย่างไว “หยุดอยู่ตรงนั้น!” นิ้วเรียวชี้สั่ง ปากคอเริ่มสั่นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อปะทะแววตาเกรี้ยวกราดของเขา “อย่าเข้ามาใกล้ฉันเด็ดขาด” “ทำไม?” สองเท้าแกร่งไล่ต้อนไม่หยุด พิมพ์ชนกเตรียมมองหาทางหนีทีไล่ และประตูห้องน้ำคือสิ่งที่อยู่ใกล้ที่สุด ณ ช่วงเวลานี้ เกียร์กระตุกยิ้มแล้วมองตามสายตาคู่นั้น หล่อนคงคิดว่าตัวเองฉลาดอยู่คนเดียวกระมัง “จะไปไหน” คนตัวโตคว้าแขนเรียวรั้งไม่ให้หนีง่ายๆ เกียร์ดันร่างเล็กแนบติดผนังห้อง “ถอยไปนะ” ดวงตากร้าวดุแต่น้ำเสียงสั่นระริกไม่มั่นคง ภาพที่ถูกเขาปล้นจูบเมื่อหลายวันก่อนฉายชัดในห้วงสำนึก พอเขาก้มหน้าเข้ามาใกล้ๆ ก็พลอยระแวง หันหน้าหนีริมฝีปากหยักรูปหัวใจทันที เกียร์หัวเราะในลำคอ เขามีความสุขกับการแกล้ง ยิ่งหล่อนทำกลัวเขาก็ยิ่งชอบ อยากแกล้ง อยากทำให้อายไปเรื่อยๆ “รับปากมาก่อนสิ” ลมหายใจคละเคล้ากลิ่นบุหรี่อ่อนๆ ปะทะปลายจมูกรั้น น่าแปลกที่ไม่ได้รังเกียจหรือขยะแขยง กลับรู้สึกตื่นเต้นระคนประหม่าอยู่ลึกๆ “รับปากอะไรคะ” ถามออกไปทั้งๆ ที่ไม่กล้าสบตา พิมพ์ชนกไม่กล้าหายใจแรงด้วยซ้ำ ช่องว่างระหว่างเขาและเธอเบียดชิดจนแทบไม่เหลือพื้นที่ให้มวลอากาศเล็ดลอดผ่าน “เธอจะไปลาออกจากโรงแรมของไอ้หมอนั่นแล้วมาทำงานกับฉัน” เขาจริงจัง คราวนี้คนในอ้อมกอดยอมเงยหน้าสบตาด้วย เกียร์เห็นความอวดดีฉายชัดอยู่ในนั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD