อันอันหอบหายใจนิด ๆ แล้วหันไปมองภูผาที่ก็ยังยืนหน้าตายเหมือนรูปปั้นพระเอกซีรีส์
“อืม...ทำได้ดีมาก” เขาพูดเรียบ ๆ พร้อมพยักหน้าน้อย ๆ “พูดแทนผมได้หมดเลย อันที่จริง คุณเป็นพิธีกรคนเดียวก็ได้นะ”
อันอันชะงัก หันมามองตาค้าง ทั้งเหนื่อย ทั้งขำ ทั้งอยากโยนไมค์ใส่หน้าเขา
เธอยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดเสียงเรียบแต่แฝงแววโกรธไว้เต็มที่
“ฉันก็อยากเป็นพิธีกรคนเดียวนะคะ เพราะคุณแทบไม่ได้ทำอะไรเลย”
สีหน้าของอันอันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม รอยยิ้มจางหายไป เหลือเพียงแววตาที่มุ่งมั่น
“ฉันไม่รู้หรอกว่าทำไมคุณถึงได้มาเป็นพิธีกรรายการนี้ แต่ในเมื่อคุณรับงานแล้ว ก็ช่วยมีความรับผิดชอบหน่อยเถอะ ทำให้สุดความสามารถ ไม่ใช่มายืนเฉย ๆ แบบนี้ ถ้าคุณไม่ตั้งใจจริง ก็ลาออกไปซะ จะได้เปิดโอกาสให้คนที่อยากทำจริง ๆ เข้ามาแทนคุณ”
คำพูดนั้นออกจากปากเธอชัดถ้อยชัดคำ ก่อนอันอันสะบัดหน้าหมุนตัวเดินออกไป ทิ้งให้ชายหนุ่มยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่...
แต่ในแววตานั้น...มีบางอย่างที่สั่นไหวขึ้นมาอย่างเงียบงัน
…
หลังจากเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว อันอันเดินขึ้นรถตู้ที่จอดรออยู่ด้านหน้าอย่างคนหมดแรง สีหน้าบูดบึ้งราวกับโดนแย่งกินของโปรดไปต่อหน้า
“เก่งมากเลยจ้ะ อันอัน!”
เจ๊หวานพูดเสียงสดใส พลางยื่นแก้วชาผลไม้เย็นเฉียบรสโปรดของหญิงสาวให้
“วันนี้พูดได้เยี่ยมมาก ถึงขั้นผู้กำกับยังชมไม่หยุดปากแน่ะ!”
อันอันรับแก้วมา พลางถอนหายใจยาวเหยียด
“ถ้าอีตาซันนั่นยังไม่ยอมท่องบทมาอีก เทปหน้าอันได้ตายแน่ ๆ เลยค่ะเจ๊! วันนี้พูดจนคอแห้ง เสียงแหบเหมือนเป็ดโดนจับว่ายน้ำทั้งวันแล้วนะ!”
เจ๊หวานกลั้นหัวเราะ ก่อนตบไหล่เบา ๆ “ใจเย็นลูก เดี๋ยวเทปหน้าก็เข้าขากันมากขึ้นเอง”
อันอันเบ้ปาก “เข้าขาเหรอคะ? ตอนนี้เข้าขาไม่ได้หรอกค่ะเจ๊ เข้ากันได้แค่ ‘ขัดหูขัดตา’ กันมากกว่า!”
เธอพูดจบก็ซดชาผลไม้รวดเดียวหมดแก้ว แล้วเอนหัวพิงเบาะ ถอนหายใจอีกครั้งอย่างเหนื่อยหน่าย
แต่ถึงอย่างนั้น แววตาของเธอก็ยังซ่อนรอยขบขันเล็ก ๆ เอาไว้...เหมือนจะรู้ตัวว่า ถึงจะหงุดหงิดยังไง...ใจเจ้ากรรมก็ยังเผลอสนใจชายหนุ่มนิ่งเฉยคนนั้นอยู่ดี
...
“ฮัลโหล...เจ๊ ว่าไงคะ”
อันอันรับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงงัวเงียสุดชีวิต เพราะสายจากเจ๊หวานโทรเข้ามาตอนแปดโมงเช้า ซึ่งสำหรับเธอ มันคือเวลา ตีห้าของคนธรรมดา!
“อันอันนน! เมื่อกี้เจ๊เพิ่งวางสายจากผู้กำกับรายการเมื่อคืนนี้ แกชมใหญ่เลยว่าอันอันเก่งมากกกก~ เข้าขากับน้องซันซันสุด ๆ!”
เสียงเจ๊หวานดังลั่นจนแทบทะลุลำโพง “แฟนคลับรายการก็ชมกันพรึ่บเลยนะ เข้าไปดูคอมเมนต์สิ เดี๋ยวเจ๊ส่งลิงก์ให้ แหม~ เจ๊อ่านแล้วปลื้มแทนเลย!”
อันอันกระพริบตาปริบ ๆ พยายามประมวลผลคำว่า “เข้าขากันสุด ๆ”
“หะ...ว่าไงนะคะเจ๊ เข้าขากันได้ดีเหรอ? ผู้กำกับเขาใช้ตาที่สามมองเหรอคะ?”
“จะตาไหนก็ไม่สำคัญหรอก!” เจ๊หวานหัวเราะเสียงดัง “ฟีดแบ็คดีคือดี! เอาเป็นว่า...ทีมงานส่งสคริปต์เทปหน้ามาแล้วนะ เดี๋ยวเจ๊พิมพ์ส่งให้อันอ่านก่อนเลย เผื่อคราวนี้ต้องท่องบทของน้องซันซันเพิ่ม ฮ่าฮ่าฮ่า~”
เสียงหัวเราะของเจ๊หวานดังลากยาว ก่อนวางสายไปแบบไม่เปิดโอกาสให้อันอันโต้ตอบ
อันอันถือโทรศัพท์แนบหูอยู่อย่างนั้น เงียบไปสามวินาทีเต็ม ก่อนจะพึมพำออกมาเบา ๆ
“เข้าขากันได้ดี... โอ๊ย!”
หญิงสาวกุมขมับเหมือนจะปวดหัวตื๊บ ๆ แล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างแรงจนที่นอนยวบ
“ถ้าแบบนั้นเรียกว่าเข้าขาได้ดีล่ะก็...” เธอบ่นพึมพำกับตัวเอง “สงสัยรายการนี้คงต้องชื่อ เพลงเพลินปวดใจ แทนแล้วละมั้ง!”
เธอกลิ้งตัวไปมาบนเตียงอย่างหงุดหงิด ก่อนคว้าหมอนมากอดแน่น แล้วตะโกนใส่เบา ๆ
“อีตาบ้า!!! หัดจำบทบ้างสิยะ!!!”
“ติ๊ง!”
เสียงแจ้งเตือนจากไลน์ดังขึ้น พร้อมชื่อ “เจ๊หวาน” ปรากฏอยู่บนหน้าจอ
อันอันรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดู ทั้งที่ยังนอนแผ่บนเตียง
ในข้อความมีลิงก์แนบมาพร้อมอีโมจิรูปหัวใจและข้อความจากเจ๊ว่า
“นี่จ้ะ ลิงก์แฟนเพจรายการเมื่อคืน! เขาชมใหญ่เลย อันลองอ่านดูสิ~”
หญิงสาวกดเข้าไปทันที ก่อนเลื่อนอ่านคอมเมนต์อย่างรวดเร็ว
‘555 พิธีกรคู่ขวัญหรือคู่ขวาน (วิ่งไล่เอาขวานจาม) กันแน่เนี่ย ต้องตามดูทุกสัปดาห์ซะแล้ว!’
‘2ซัน2อัน พิธีกรคู่กัด ฮ่าฮ่าฮ่า’
‘โอ๊ย ขำจนน้ำตาไหล ซันซันโดนอันอันพูดกลบหมดเลยมั้ง’
‘อันอันพูดเก่งมาก ส่วนซันซันก็หล่อมาก พูดน้อย...ถนอมเสียงไว้ใช้ตอนสำคัญแน่ ๆ 😂’
อันอันอ่านไปก็กลอกตาไป “พูดน้อยถนอมเสียงเหรอ...โถ~ น่าจะเรียกว่า ถนอมคำพูดจนจะหมดอายุแล้ว!”
เธอหัวเราะในลำคอปนหงุดหงิดเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเสียไม่ได้ อย่างน้อยบทบาทพิธีกรที่เธออุตส่าห์ซ้อมมานาน ก็เริ่มเปล่งประกายให้เห็นบ้างแล้ว
“ต่อให้พูดจนเสียงแหบเหมือนเป็ดเป็นหวัด แต่ถ้าแฟนคลับชอบ...ก็คุ้มละกัน!”