ภูผาก้าวลงจากรถตู้ของบริษัทที่มาส่งถึงหน้าบ้านด้วยสีหน้านิ่งขรึม
แต่ในหัวของเขากลับไม่ยอมอยู่นิ่งตาม เพราะยังคงวนเวียนกับคำพูดของ ยัยเตี้ยตาโต ที่พูดใส่เขาเมื่อวันก่อน หลังจากจบการอัดรายการเพลงชื่อประหลาดนั่นไป
ตอนนั้นเขาโกรธมาก...โกรธจนแทบอยากเดินหนีออกจากสตูฯ ไปให้ไกลจากเสียงของเธอ
แต่พอเวลาผ่านไป เขากลับนั่งคิดซ้ำไปซ้ำมา...แล้วก็ค่อย ๆ ยอมรับอย่างพ่ายแพ้ในใจว่า ยัยนั่นพูดถูกทุกอย่าง
“ในเมื่อคุณรับงานแล้ว ก็ช่วยมีความรับผิดชอบหน่อยเถอะ ทำให้สุดความสามารถ ไม่ใช่มายืนเฉย ๆ แบบนี้ ถ้าคุณไม่ตั้งใจจริง ก็ลาออกไปซะ...”
เสียงใส ๆ ของเธอยังดังก้องอยู่ในหัว ไม่ว่าจะพยายามสลัดออกแค่ไหนก็ตาม
เขาถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก็แค่โดนเด็กผู้หญิงตัวเล็กว่ากลับไม่กี่คำ ทำไมถึงรู้สึกเหมือนโดนตีแสกหน้าแบบนี้ก็ไม่รู้
สุดท้าย...เขาก็ต้องยอมจำนนต่อความจริง
ภูผาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาพี่โชค ผู้จัดการส่วนตัวที่ดูแลเขามาตั้งแต่เข้าวงการ พี่ชายอีกคนที่รู้จักนิสัยเขาดีที่สุด
“พี่โชคครับ...ส่งสคริปต์เทปต่อไปมาให้ผมหน่อยนะครับ”
เสียงเขานิ่งแต่แน่วแน่กว่าทุกครั้ง
หลังจากวางสาย เขาเผลอยกมุมปากขึ้นนิด ๆ อย่างขัดใจตัวเอง
“หึ...ยัยเตี้ยตาโต ปากจัดขั้นเทพเลย...คราวนี้ฉันจะทำให้ดูเลยว่าฉันก็ทำได้เหมือนกัน และจะทำได้ดีกว่าเธอแน่นอน”
ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ในใจกลับมีบางอย่างแปลก ๆ เหมือนรู้สึกอยากเอาชนะก็จริง...แต่ก็แอบอยากเห็นเธอยิ้มชมเขาสักครั้งด้วยเหมือนกัน
...
และแล้ว...วันศุกร์แสนบันเทิง ก็มาถึง!
อันอันตื่นตั้งแต่ไก่ยังไม่ทันขัน มานั่งท่องบทพูดของรายการสดที่จะอัดในคืนนี้อย่างขะมักเขม้น ถึงขั้นท่องบทของตัวเอง แถมบทของตาซันซัน ไปด้วย กลัวเหลือเกินว่าคุณชายจะมานั่งทำตาปรือแล้วไม่ได้ท่องบทมาอีกเหมือนคราวก่อน
ไม่นานนัก เจ๊หวานก็ขับรถตู้คู่ใจมารับตามเวลานัดเหมือนทุกที
พอขึ้นรถได้ เจ๊ก็เปิดประเด็นทันที เสียงใสแจ๋วไม่แพ้ดีเจมืออาชีพ
“เมื่อกี้เจ๊เพิ่งคุยกับคุณโชค ผู้จัดการของน้องซันสุดหล่อมา เขาบอกว่างานคืนนี้ฉลุยแน่นอน! น้องซันท่องบทมาครบทุกคำ ไม่ต้องห่วงเลยนะน้องอันของพี่ วันนี้ไม่ต้องเหนื่อยเหมือนเทปที่แล้วแล้วจ้า~”
พูดจบ เจ๊ก็ส่งสายตาหวานฉ่ำพร้อมทำเสียงยานคางตอนพูดคำว่า “น้องซันสุดหล่อ”
อันอันได้แต่ลอบกลอกตามองบน
แหม~ ทีอย่างนี้ละเสียงอ่อนเสียงหวานเชียวนะเจ๊! ผู้ชายมาทีไร ฉันนี่ตกกระป๋องทุกทีสิน่า!
เธอแอบเบ้ปากใส่กระจกบังลมรถ ก่อนตอบกลับเสียงงัวเงียปนประชดเล็กน้อย
“ก็ขอให้จริงเถอะเจ๊! นี่อันยังอุตส่าห์ท่องบทเผื่อเขามาด้วยนะ กลัวใจเหลือเกินว่าเจ้าชายใบ้จะไม่ท่องบทมาอีก”
เจ๊หวานหัวเราะเสียงดัง “ไม่ต้องห่วงจ้ะ คุณโชคเขายืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะเลย งานนี้ไม่มีพลาดแน่นอน!”
เมื่อรถตู้มาถึงสตูดิโอ ทั้งคู่ก็รีบลงจากรถอย่างคนคุ้นเคยกับกลิ่นเครื่องสำอางและแสงไฟสตูดิโอ
อันอันยิ้มกว้างทันทีเมื่อเห็นชุดที่ทีมงานเตรียมไว้ให้...ชุดนางฟ้าสีขาวระยิบระยับพร้อมปีกนางฟ้าข้างหลังสมใจอยาก!
“โอ๊ยยย ชุดนี้แหละที่ฉันรอคอย!” เธอพูดเสียงใสพลางหมุนตัวหน้ากระจกไปมา ราวกับตัวเองเป็นนางฟ้าที่กำลังจะบินขึ้นเวทีสวรรค์
ในหัวอันอันเริ่มจินตนาการภาพตัวเองในชุดนี้บนเวที เสียงเพลง เสียงกรี๊ด และแสงไฟที่ส่องต้องปีกสีขาวสะท้อนระยิบระยับ...
เธอยิ้มหวานกับเงาตัวเองในกระจกก่อนพูดพึมพำเบา ๆ
“คืนนี้... นางฟ้าอันอันพร้อมแล้วค่ะ!”
…
เสียงดนตรีเปิดรายการสดดังขึ้นพร้อมไฟเวทีสว่างวาบทั่วสตูดิโอ
กลางเวทีนั้น “อันอัน” ในชุดนางฟ้าสีขาวระยิบระยับยืนยิ้มสดใสอยู่ข้าง ๆ “ซันซัน” ชายหนุ่มในสูทดำหางยาวเรียบหรู หนึ่งในสมาชิกบอยแบนด์ดาวรุ่งที่กำลังมาแรงสุด ๆ ในตอนนั้น
“สวัสดีค่า~ ยินดีต้อนรับเข้าสู่รายการ เพลงเพลินบันเทิงใจ! กับอันอัน~”
เธอกล่าวเสียงใส พร้อมโบกมือทักทายผู้ชม ยิ้มหวานกลบความตื่นเต้นที่ซ่อนอยู่ในอก
ซันซันยิ้มบาง ๆ ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แฝงแววขี้เล่น
“แล้วก็ผม...ซันซันครับ วันนี้นางฟ้าตัวน้อยของพวกเรา...”
เขาหยุดเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนกวาดสายตามองอันอันตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาแอบหยุดอยู่ที่ปีกสองอันด้านหลังนานกว่าปกติ แล้วเอ่ยต่อช้า ๆ พร้อมยิ้มมุมปากอย่างยียวน
“...ดูจะ สูงกว่าปกติ นะครับ”
เสียงหัวเราะจากผู้ชมระเบิดขึ้นทันที
อันอันชะงัก หันขวับไปมองเขาตาโตปานลูกแมวโดนแย่งอาหารไปต่อหน้า
อีตานี่! หาว่าฉันเตี้ยเหรอ!? 165 เซนฯ นี่ถือว่ามาตรฐานสาวไทยเลยนะยะ! จะให้สูง 185 เซนฯ เท่าเสาไฟฟ้าอย่างนายหรือไง!?
เธอแอบบ่นในใจอย่างเข่นเขี้ยว แต่บนใบหน้ายังประดับรอยยิ้มหวานสู้กล้องไว้เต็มพิกัด
ซันซันยิ้มมุมปาก เลิกคิ้วนิด ๆ เหมือนจะยั่วต่ออีกหน่อย
อันอันเลยหันกลับมายิ้มกล้องพลางพูดเสียงหวานปนประชด
“วันนี้ คุณซันซันของเราก็น่ารักเหมือน...นกเพนกวิน เลยนะคะ~”
เสียงฮาและเสียงปรบมือดังสนั่นทั่วสตูดิโอ ผู้ชมต่างหัวเราะกันลั่นกับการโต้ตอบสดที่ดูเหมือนด้นสด แต่กลับเข้าขากันอย่างน่าประหลาด
ซันซันหน้าเหวอไปเสี้ยววินาทีก่อนหัวเราะออกมาเบา ๆ ส่วนอันอันก็พยายามกลั้นยิ้มจนแก้มพอง ทั้งคู่ยืนเคียงกันกลางเวทีท่ามกลางแสงไฟระยิบระยับ...ภาพนั้นเหมือนถูกโชคชะตาขีดไว้ให้เป็น “โมเมนต์พิเศษ” ที่ใครได้เห็นก็ต้องยิ้มตาม
ระหว่างที่เสียงหัวเราะยังไม่จาง อันอันเหลือบมองซันซันอีกครั้ง...
แววตาเขาดูมีชีวิตชีวาเหมือนเด็กซนที่ได้แกล้งเพื่อนสำเร็จ แต่ในแวบนั้นเอง หัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
ใครจะคิด... ว่าการแซวเล่น ๆ บนเวทีวันนั้น จะกลายเป็นภาพจำที่ยังชัดเจนในหัวใจเธอ แม้จะผ่านไปเป็นสิบปีแล้วก็ตาม...
…