“…”
อันอันกับเจ๊หวานเงียบงัน ราวกับยังไม่ฟื้นจากการโดนน็อกด้วยคำว่า “ยังไม่ได้ท่องบท”
“อ่า…ได้ค่ะ ได้สิ!” เจ๊หวานรีบพูดเสียงสูงกลบเกลื่อน “อันอันพูดเยอะหน่อยก็แล้วกันนะ ไม่น่ามีปัญหาเนอะ?”
“เอ่อ…ค่ะ”
อันอันฝืนยิ้ม แต่ในใจเริ่มเดือดปุด ๆ เหมือนหม้อน้ำร้อนที่ใกล้ล้นเตา
พูดเยอะหน่อยเหรอเจ๊!? หมายถึงพูดทั้งรายการเลยใช่ไหมคะ!?
เธอเหลือบตาใส่เจ๊หวานที่ยังยิ้มละมุนละไมให้ชายหนุ่มร่างสูงราวกับเขาคือพระเอกซีรีส์เกาหลี ส่วนเธอ...น่าจะรับบทตัวประกอบถือไมค์อยู่มุมฉาก
โชคยกมือไหว้ขอโทษแทนศิลปินในความดูแลของตน “ขอโทษจริง ๆ นะครับ ผมรับรองว่าจะให้ซันซ้อมบทให้เรียบร้อยก่อนอัดเทปครั้งหน้าแน่นอนครับ”
ภูผา หรือซันซัน ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยังคงนิ่ง ยกมือขึ้นลูบคอเบา ๆ ก่อนพูดเสียงเรียบว่า
“ก็พูดไปตามฟีลได้นี่ครับ ไม่น่ามีปัญหาอะไร”
อันอันหันขวับ ตาแทบลุกเป็นไฟ
“ตามฟีลเหรอคะ?” เธอเผลอพูดเสียงสูง “รายการนี้มัน ออกอากาศสดนะคะ ไม่ใช่คลิปติ๊กต็อกเด็กเล่นขายของ!”
เจ๊หวานรีบสะกิดแขนหญิงสาวเบา ๆ “ใจเย็น ๆ ยิ้มไว้ลูก ยิ้มไว้!”
อันอันสูดหายใจเข้าลึก แล้วส่งรอยยิ้มหวานละลายใจ (แต่ในใจอยากจะเอาไมค์เคาะหัวอีตาหน้าหล่อนี่ให้จำบทได้! เสียดาย...หมอนี่สูงชะมัด ถึงจะเขย่งสุดปลายเท้าก็ยังไม่ถึง)
“งั้น…เดี๋ยวอันอันช่วยพูดเยอะหน่อยก็ได้ค่ะ เพื่อความราบรื่นของรายการ”
ซันเหลือบตามามองเพียงแวบเดียว ก่อนตอบเสียงนิ่ง “ตามนั้นครับ ผมไม่ขัด”
“อื้ม…ก็ดีค่ะ!”
อันอันตอบกลับด้วยน้ำเสียงสดใสที่สุดเท่าที่สตอระดับมาสเตอร์คลาสจะทำได้
เจ๊หวานตบมือเบา ๆ ด้วยความดีใจ “ดีมาก! คู่พิธีกรน่ารักแบบนี้ รายการต้องปังแน่!”
ปังปิ๊นาศน่ะซิเจ๊...!
อันอันยิ้มให้เจ๊หวาน ก่อนเหลือบตามองซันอีกที ชายหนุ่มกำลังจ้องโทรศัพท์อยู่เฉย ๆ เหมือนไม่ได้อยู่ในโลกใบเดียวกับพวกเธอ
เธอมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนถอนหายใจเฮือกในใจ
โอเค...อันอันจะอดทน ครั้งนี้ถือว่าช่วยเพื่อนร่วมงาน
แต่ถ้าเทปหน้าอีตานี่...ยังไม่ท่องบทมาอีกละก็
เตรียมเจอพิธีกรอันอัน เวอร์ชั่น “นางมารร้าย สไตล์ฟาดไฟลุก” ได้เลย!
...
อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา ผู้ช่วยโปรดิวเซอร์เดินมาตามตัวพิธีกรทั้งสองให้เข้าสตูดิโอถ่ายทำ...เร็วกว่าที่อันอันตั้งตัวทันเสียอีก
กลิ่นสเปรย์หอมฟุ้งไปทั่วสตูดิโอ ผสมกับเสียงทีมงานที่วิ่งกันจ้าละหวั่นราวกับกำลังจัดงานปีใหม่กลางเดือนพฤษภาคม เสียงพูดคุยของผู้ชมบนสแตนด์ดังคลออยู่ไม่ขาดสาย ทั้งสตูดิโอเต็มไปด้วยพลังงานที่ชวนตื่นเต้นจนหัวใจอันอันเต้นแรง
“กล้องหนึ่งพร้อม! กล้องสองเตรียม! แสงโอเคแล้วนะ!”
เสียงผู้กำกับตะโกนขึ้นกลางความโกลาหลอย่างคุ้นเคย
อันอันสูดลมหายใจลึก แล้วส่งรอยยิ้มหวานให้กระจก
“ไฟท์ติ้ง อันอัน! เธอคือดาวแห่งรายการ เพลงเพลินบันเทิงใจ!”
เธอกระซิบให้กำลังใจตัวเอง พลางจัดผมหน้าม้าให้เข้าที่
(เพราะถ้าหน้าม้าพัง ความมั่นใจก็พังตามค่ะ!)
ข้าง ๆ กัน ซันยืนสงบ มองดูรอบสตูดิโออย่างใจเย็นราวกับมาทัศนศึกษา
อันอันเหลือบมองแล้วกัดฟันในใจ
อีตานี่ ยังยืนใจเย็นอยู่อีก!
“เอาล่ะ จะเริ่มถ่ายเทปแรกแล้วนะ…สาม สอง หนึ่ง แอ็กชั่น!”
ไฟจากสปอตไลต์สาดลงมา
อันอันส่งรอยยิ้มสดใสระดับ 300 ลูเมนเข้าสู้กล้องทันที
“สวัสดีค่ะท่านผู้ชม ขอต้อนรับเข้าสู่รายการ เพลงเพลินบันเทิงใจ! วันนี้เรามาพร้อมเสียงเพลงสุดไพเราะและศิลปินสุดฮอต!”
น้ำเสียงของเธอลื่นไหลเหมือนปลาไหลว่ายในน้ำใส ส่วนภูผา...ยืนยิ้มเฉยอยู่ข้าง ๆ อย่างสงบราวกับเป็นผู้ชมเหตุการณ์จนทีมงานเริ่มมองหน้ากันด้วยความกังวล
“ดิฉัน อรอนงค์ หรืออันอัน พิธีกรหญิง และข้าง ๆ ดิฉันคือ...คุณภูผา หรือซัน พิธีกรชายค่ะ!”
เธอหันไปส่งสัญญาณให้เขาพูดต่อ แต่สิ่งที่ได้คือ...
“อืม...ใช่ครับ”
หนึ่งประโยคสั้น ๆ ปิดบรรยากาศราวกับมีใครดับไฟห้องแสดงสดทั้งห้อง
อันอันยิ้มค้างอยู่กลางอากาศ สายตาเหลือบไปเห็นเจ๊หวานที่ยืนหลังกล้องโบกมือทำท่ายิ้มใส่ “ยิ้มไว้ลูก ยิ้มไว้!”
เธอหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนหันกลับมาทางกล้อง
“ค่ะ! คุณซันของเรานี่พูดน้อยแต่ยิ้มละมุนมากเลยนะคะ~ เห็นไหมคะท่านผู้ชม นิ่ง ๆ แบบนี้แต่มีเสน่ห์สุด ๆ เลยค่ะ!”
เธอพูดแก้สถานการณ์ด้วยพลังพิธีกรระดับมืออาชีพเต็มร้อย ขณะที่ภูผามองเธอนิดหนึ่งด้วยสายตานิ่ง ๆ ที่อ่านไม่ออกว่า ชมจริงหรือกัดเบา ๆ กันแน่
รายการดำเนินต่อไปอย่างคับขัน
ทุกบรรทัดที่ควรเป็นของภูผา กลับกลายเป็นของอันอันแทบทั้งหมด
ส่วนชายหนุ่มก็พูดได้แค่ “ท่านต่อไปเป็นใครครับ” หรือ “เชิญคุณอันอันแนะนำได้เลยครับ” วนไปวนมาเหมือนแผ่นเสียงเก่า
อันอันพูดรัวเกือบห้านาทีโดยไม่หยุดหายใจ เหงื่อเริ่มซึมที่ขมับ แต่รอยยิ้มยังเปล่งประกายเหมือนโฆษณายาสีฟันสมุนไพรชื่อดัง
จนกระทั่งช่วงท้ายสุดของรายการ...
“แล้วพบกันใหม่ในสัปดาห์หน้า กับดิฉัน อันอัน และคุณซันซัน ในรายการ เพลงเพลินบันเทิงใจ!”
เธอกล่าวปิดอย่างงดงามพร้อมยิ้มสู้กล้อง ก่อนเสียงผู้กำกับตะโกน “คัต!” ดังขึ้น
ทั้งทีมงานปรบมือให้เสียงดังพรืด