ความสงสัยค่อยๆ ถูกเปิดเผย หัวใจสตรีเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง ความผิดหวังถาโถมเข้าใส่จนยากที่จะสั่งตัวเองไม่ให้รู้สึกได้ เรื่องของบุรุษรูปงามผู้นั้นมีผลกับร่างกายนี้จริงๆ อย่างไม่ต้องสงสัย ‘จะบอกว่าลี่เหม่ยหลินยังคงชมชอบอีกฝ่ายมากก็ย่อมไม่ผิด’ เช่นนั้น เพื่อมิให้บุรุษผู้นี้ได้มีผลต่อหัวใจและร่างกาย นางต้องหลีกเลี่ยงที่จะพบปะพูดคุย นอกเสียจากว่าบุรุษผู้นั้นจะไปดูนางที่บ้านเช่าของเขา...เอาเถอะ มันจะยังไม่ใช่ในเร็ววันนี้ “เป็นจริงหรือเท็จเรามิอาจรู้ได้ เจ้าอย่าเอาเรื่องเช่นนี้ไปพูดต่อเล่าอาซิง” นางแค่ห้ามสาวใช้ ในขณะที่หัวสมองของนาง เชื่อมันไปแล้วมากกว่าครึ่ง
“บ่าวมิกล้าเจ้าค่ะ ลองทำสิเจ้าคะ บ่าวคงได้ถูกสั่งขังลืม”
“สั่งขังอย่างไรอีกเล่า”
อาซิงหน้าเจื่อน “ที่จริงแล้ว คุณหนูไม่น่าจะลืมเรื่องสำคัญอีกเรื่องนะเจ้าคะ” สาวใช้ทำท่าเหนื่อยใจก่อนจะกระซิบตรงริมใบหูขาวสะอาด “คือว่า ท่านอาจารย์อู๋เทียนเล่อเป็นน้องชายของกุ้ยเฟย สนมเอกของฮ่องเต้ เท่านั้นยังไม่พอ ยังเป็นที่ปรึกษาหลักด้านการ ปกครองของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันด้วยนะเจ้าคะ” พูดเบา “นายท่านลี่ของเรายังต้องไว้หน้า”
ร่างบางตัวชาวาบ ‘บุรุษที่เหมือนคนขี้เล่นผู้นั้น แท้จริงมิใช่บุรุษที่จะเอาตัวเข้าไปยุ่งด้วยได้ง่ายๆ สินะ หรือเพราะแบบนี้ เจ้าของร่างตัวจริงถึงได้เคยลั่นวาจากับสาวใช้ว่าต้องตัดใจ’ นางผินหน้าหนีออกไปมองหน้าต่าง ความปั่นป่วนในใจยังไม่จางหายจวบจนรถม้าจอดลงตรงหน้าบ้าน...บ้านหลังเล็กที่นางขอเช่าจากบุรุษหล่อเหลาที่กุมหัวใจนางผู้นั้น “ไปเถอะอาซิง” นางสะบัดหัวไล่ความจมปลักกับคนผู้หนึ่ง และมองไปยังคนงานยังคงต่อเติมพื้นที่ตามแบบที่นางสั่งคือมีโต๊ะนั่งสำหรับทานน้ำชา หนึ่งโต๊ะนั่งได้สี่คนโดยรวมแล้ว ด้านหน้านี้มีอยู่ห้าโต๊ะ ด้านในเปิดโล่งมีพื้นที่ชงชาและถัดไปมีห้องกั้นฉากแบบส่วนตัวเอาไว้เรียกผู้บริการเข้ามาสอบถามตามลำดับ ลูกค้าของนางอาจจะไม่เข้าใจวิธีการทำงานแต่นั่นเป็นเรื่องที่ต้องชี้แจงในตอนเปิดร้านเท่านั้น ค่าบริการต่อครั้ง…ก็แล้วแต่จะให้
“คุณหนูลี่” ลุงเม่าผู้รับเหมางาน เดินเข้ามาหาผู้จ้างวานด้วยรอยยิ้ม “งานเสร็จไปมากกว่าห้าส่วน จะเหลือเพียงสวนด้านข้างที่ต้องใส่หลังคายื่นออกไปและถางหญ้า ด้านหลังล้อมรั้วมิดชิด ส่วนด้านหน้าที่เปิดโล่ง เรามีประตูล้อลากตามที่คุณหนูสั่ง กำลังจะมาส่งในอีกสองวัน จากกำหนดการณ์ ร้านนี้คงแล้วเสร็จในอีกไม่เกินสองเดือนเพราะต้องปลูกดอกไม้ร่วมด้วย”
‘เสร็จก่อนงานปักปิ่นจริงๆ’ และมันไม่ได้ผิดไปจากการคาดคะเนของนางเลย ^^ “ขอบคุณท่านลุงเม่ามากเจ้าค่ะ เอาไว้ตอนเปิดร้านพวกท่านทุกคนมาร่วมทานอาหารที่นี่ด้วยกันนะเจ้าคะ งานไม่ได้เอิกเกริก จะมีเพียงครอบครัวข้าและบ่าวอีกไม่กี่คนเท่านั้น” นางไม่คิดจะเชิญผู้ใด นอกจากบอกไปแบบปากต่อปากว่านางเปิดร้านรับจัดหาคู่อย่างเป็นทางการในวันนั้นเลย ผู้ใดอยากปรึกษาให้มาลงชื่อ ผู้ใดอยากมีคู่แบบไหนอย่างไร นางย่อมแนะนำ ‘แต่มันจะมีลูกค้ารึเปล่าน่ะสิ’ เอาเถอะ...หรือถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร เพราะนางจะทำบ้านนี้ให้เป็นร้านน้ำชาไปด้วยเสียเลยควบคู่กัน
“ได้สิ พวกลุงทุกคนจะมา” ลุงเม่าไม่ได้ต่อความยาวอะไรอีก นอกจากเดินไปทำงานต่อ ตามแบบที่คุณหนูลี่วาด (ในภาพที่วาดจะเหมือนร้านขายขนมและน้ำในปัจจุบัน)
การทำงานในวันนี้คืบหน้าไปมาก จากบ้านไม้เก่าๆ กลายเป็นร้านที่มีบรรยากาศร่มรื่น ผู้คนเดินผ่านไปมาต่างมองและถามด้วยความสงสัย ฝ่ายอาซิงที่เป็นคนช่างพูดจึงร่ายยาวถึงร้านที่นางฟังมาจากคุณหนูว่ามันคือร้านรับจัดหาคู่ ทุกคนที่ได้ยินต่างพากันตื่นเต้น บางคนถามว่ามันต่างกับแม่สื่ออย่างไร ตัวอาซิงกลับตอบเป็นนัยๆ ว่าต้องลองมาเป็นลูกค้า จึงจะบอก ^^
จากวันนั้นนับเดือน เรื่องการปรับปรุงร้านรับจัดหาคู่ถูกเล่าลือกันไปในเมืองหลวง ราวกับไฟลามทุ่ง คุณหนู คุณชายจากสำนักศึกษาแวะเวียนมาแอบดูร้านน่ารักๆ กันไม่เว้นแต่ละวัน แน่นอนว่าการตกแต่งร้านเป็นฝีมือของลี่เหม่ยหลินนั่นเอง ความแปลกใหม่คือแรงดึงดูดให้ร้านนี้น่าสนใจตั้งแต่ยังไม่เริ่มเปิด
“เก้าอี้หวายตัวนี้นำไปวางไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่เลยเจ้าค่ะ” เจ้าของร้านตัวน้อยชี้ไปยังเก้าอี้นอนตัวยาวที่นางไปพบในร้านขายของเก่า ก่อนจะซื้อมาทาน้ำมันแล้วตากเอาไว้ พื้นที่หน้าร้านมีต้นไม้ใหญ่แผ่ปกคลุมด้านบนให้ร่มเงา เหมาะสำหรับนั่งทานน้ำชาระหว่างรอ ‘ทุกอย่างมันลงตัวไปหมดจริงๆ’ ฤกษ์เปิดร้านของนางคือในอีกสิบวันข้างหน้า...ตื่นเต้นๆ
“ร้านใกล้จะเสร็จแล้วนะเจ้าคะคุณหนู แล้วหลังจากนี้อีกยี่สิบห้าวันคุณหนูอย่าลืมนะเจ้าคะว่าต้องเข้าพิธีปักปิ่น” อาซิงเอ่ยเตือน
เจ้าตัวลอบถอนใจ “มันก็แค่วันเกิดครบรอบอายุสิบห้านะอาซิง” ในภพเดิมนั้น ตัวนางไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญกับงานวันเกิดของตัวเองสักเท่าไหร่ ในขณะที่ภพนี้ ดูเหมือนมันยิ่งใหญ่อลังการ หรือจะสำคัญแค่เพราะอายุสิบห้าเท่านั้นก็ไม่รู้ “และข้าจะไม่เชิญผู้ใดนอกจากว่านเจียอีกับอาจารย์ในสำนักศึกษา บางท่านเท่านั้น” ในใจไม่อยากจะเชิญอาจารย์อู๋เทียนเล่อด้วยซ้ำเพราะฉะนั้น บัตรเชิญของนางคงจ่าหน้าซองไปถึงอาจารย์ทุกท่านเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท
อาซิงหน้ามุ่ย ตลอดเกือบสามเดือนที่ผ่านมานี้ มีแม่สื่อแวะเวียนเข้าจวนไม่เว้นแต่ละวัน พ่อบ้านคนใหม่อย่างอาฟู่ ต้องคอยทำหน้าที่ผลัดวันประกันพรุ่งจนแม่สื่อเริ่มหายไปแล้ว แต่ในขณะที่พ่อบ้านกำลังทำงานหนัก นายท่านลี่กลับถูกสหายขุนนางทาบทามบุตรเขยให้ไม่แตกต่าง ทุกครั้งที่กลับถึงจวน ต้องบ่นกับเยว่ฮูหยินอยู่ร่ำไป หากจะแสร้งตอบทุกคนว่าบุตรสาวมีคู่หมายแล้วก็จะกลายเป็นว่าสกุลลี่ชอบโป้ปด
“เอาเถอะ เรื่องนั้นค่อยว่ากันเมื่อถึงเวลา” ลี่เหม่ยหลินเลิกสนใจสาวใช้แล้วหันกลับมาดูสภาพหน้าร้าน ในหัวยังคงคิดไปถึงป้ายชื่อ ‘ก็ยังคิดไม่ตกเสียที ว่าจะใช้ชื่อใด’ ก่อนที่นางจะเอ่ย “รู้จักร้านทำป้ายไม้ที่ใดบ้าง” ไร้เสียงตอบรับจากสาวใช้ นางจึงเดินไปหาบ่าวชายของตนเอง “เหวินซาง พาข้าไปที่ร้านทำป้ายไม้หน่อย ส่วนอาซิงก็ทิ้งนางไว้ที่นี่ล่ะ เดี๋ยวค่อยมารับ” สองนายบ่าวเดินไปตามเส้นทางชุมชนจนหายลับไป
อาซิงลอบถอนหายใจตามหลังคุณหนูผู้ที่นับวันก็ยิ่งงดงามขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ในความงามที่ฉายออกมานั้นมีความคล้ายกับคุณหนูคนเดิมที่ยังคงนิ่งเฉยไปกับทุกเรื่องบนแคว้นต้วนเป่ย มิใช่คุณหนูในยามปัจจุบันที่มักจะทำเรื่องใหม่ๆ อย่างเช่นเปิดร้านไว้ที่นี่ ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่าจะกลับแคว้นฉินในอีกสามปีหลังจากนี้ ‘ในความไม่เข้าใจ ก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี’ “เฮ้อ” นั่งลงกับพื้นหญ้าสีเขียวชอุ่ม พร้อมกับมองความเปลี่ยนแปลง ความแปลกตาของร้าน ต้องยอมรับว่ามันดูน่ารักและไม่เหมือนผู้ใดในแผ่นดิน “คุณหนูของบ่าว”
“หึ นั่นสิ คุณหนูของเจ้าอยู่ที่ใด”
เสียงบุรุษทางด้านหลังเรียกสติของสาวใช้ให้ออกจากภวังค์