บทที่ 9: กับดักรอยยิ้ม

1393 Words
ณ โรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพฯ งานสัมมนา "Future of Asian Economy" แสงไฟแชนเดอเลียร์ระยิบระยับสาดส่องลงมายังห้องบอลรูมที่เต็มไปด้วยนักธุรกิจชั้นนำ ลลิน ยืนอยู่หน้ากระจกเงาบานใหญ่ในห้องน้ำหญิง เธอขยับคอเสื้อสูทสีขาวสะอาดตาให้เข้าที่ สีขาวที่ดูบริสุทธิ์... เหมือนดอกลิลลี่ แต่คัตติ้งเนี้ยบกริบเผยให้เห็นความมั่นใจและเป็นมืออาชีพ "จำไว้นะลลิน... ยิ้มให้หวานที่สุด ซ่อนมีดไว้ให้มิดที่สุด" เธอพึมพำกับตัวเองในกระจก ก่อนจะเดินเชิดหน้าออกจากห้องน้ำ ตรงเข้าสู่ตัวงานตามแผนที่ คุณลุงธนู วางไว้ เป้าหมายของเธออยู่ที่กลางห้อง ภาคิน สุทธาทร ในวัย 27 ปี ดูภูมิฐานขึ้นมากในตำแหน่งว่าที่รองประธานฯ เขากำลังยืนสนทนากับนักลงทุนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด คิ้วเข้มขมวดมุ่นเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบ ลลินรอจังหวะที่เขาปลีกตัวออกมาเพื่อหยิบเครื่องดื่ม เธอสูดหายใจลึก ปรับแววตาจากความเย็นชา ให้กลายเป็นความสดใสและประหลาดใจ "ได้จังหวะแล้ว..." ลลินพึมพำ เธอคำนวณระยะทางและจังหวะการเดินอย่างแม่นยำ เธอรอให้ภาคินปลีกตัวออกมาเพื่อเดินไปทางห้องน้ำ ซึ่งต้องผ่านมุมอับที่เธอยืนอยู่ ลลินสูดหายใจลึก ปรับสีหน้าจากเรียบเฉยให้กลายเป็นความเร่งรีบ เธอก้าวเท้าออกมาจากหลังเสา ในจังหวะที่ภาคินหันหน้ากลับมาพอดี! [ปึก!] "ว้าย!" ลลินร้องเสียงหลง แสร้งทำเป็นเสียหลักชนเข้ากับอกกว้างของเขาอย่างจัง กระเป๋าคลัทช์ใบหรูในมือร่วงหล่นลงพื้น ข้าวของข้างในกระจัดกระจาย "ขอโทษครับ! เจ็บตรงไหนไหมครับ!" ภาคินตกใจ รีบคว้าต้นแขนเธอไว้เพื่อประคองไม่ให้ล้ม กลิ่นน้ำหอมกลิ่นเดิมของเขา กลิ่นที่เคยทำให้ใจเธอสั่น ตอนนี้มันไม่ได้ผลกับเธออีกแล้ว ลลินเงยหน้าขึ้นมองเขา สบตาในระยะประชิด แสร้งทำตาโตด้วยความตกใจ "มะ... ไม่เป็นไรค่ะ ขอโทษนะคะ ดิฉันไม่ทันระ..." เสียงของเธอขาดหายไป... แสร้งทำเป็นชะงักงันเมื่อเห็นหน้าเขาชัดๆ "ละ... ลลิน?" ภาคินอุทานออกมา ดวงตาเบิกกว้าง "ลลินใช่ไหมเนี่ย!" ลลินก้มหน้ารีบเก็บของลงกระเป๋าด้วยท่าทางลนลานที่ซ้อมมาอย่างดี "พี่ภาคิน... เอ่อ... บังเอิญจังเลยค่ะ" "เดี๋ยวพี่ช่วย" ภาคินรีบนั่งยองๆ ลงมาช่วยเธอเก็บลิปสติกและนามบัตร จังหวะที่มือสัมผัสกัน ลลินแกล้งชักมือกลับเบาๆ เหมือนหญิงสาวขี้อายคนเดิม "ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ... เปลี่ยนไปจนพี่จำแทบไม่ได้เลย" ภาคินพูดขณะส่งกระเป๋าคืนให้ เขาพิจารณาใบหน้าสวยเฉี่ยวตรงหน้าด้วยความทึ่ง "สวยขึ้น... ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากเลยนะเรา" สวยขึ้นจนพี่จำแทบไม่ได้" ภาคินยิ้มกว้าง รอยยิ้มที่ดูโล่งใจเหมือนได้เจอโอเอซิสท่ามกลางทะเลทรายอันเครียดขึง "กลับมาเมื่อไหร่ครับเนี่ย พี่ไม่รู้เรื่องเลย" "เพิ่งถึงเมื่อวานค่ะ" ลลินตอบเสียงใส "พอดีลุงธนูท่านให้บัตรเชิญงานนี้มา ลินเห็นว่าน่าสนใจเลยลองมาดู ไม่คิดเลยว่าจะเจอพี่ภาคิน... โลกกลมจังนะคะ" "นั่นสิ... ดีใจจริงๆ ที่ได้เจอ" ภาคินมองเธอด้วยสายตาเอ็นดูเหมือนเดิม แต่แฝงความทึ่ง "แล้วนี่เรียนจบแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง" "จบแล้วค่ะ... เกียรตินิยมเหรียญทอง" ลลินตอบอย่างถ่อมตัวแต่จงใจเน้นคำ "ตอนนี้ลินกำลังมองหางานอยู่ค่ะ อยากลองใช้วิชาที่เรียนมาช่วยพัฒนาธุรกิจในไทยดูบ้าง" ทันทีที่ได้ยินคำว่า "หางาน" หูของภาคินก็ผึ่งทันที เขากำลังต้องการคนเก่ง... ต้องการคนที่ไว้ใจได้... และลลินคือ "คนคุ้นเคย" ที่เขาเคยดูแลมากับมือ "ลินยังไม่ได้ตกลงทำงานที่ไหนใช่ไหม?" ภาคินถามอย่างกระตือรือร้น "มีบริษัทญี่ปุ่นติดต่อมาสองสามที่ค่ะ แต่ลินยังลังเล... ลินอยากทำงานกับคนที่ลิน 'สบายใจ' มากกว่า" เธอมองตาเขา สื่อความหมายนัยๆ ภาคินติดกับดักทันที "งั้น... มาทำงานกับพี่ไหม?" ภาคินเสนอทันควัน "พี่กำลังจะขึ้นเป็น VP พี่ต้องการเลขา... ไม่สิ ต้องการผู้ช่วยที่เก่งๆ แบบลินพอดี เรื่องเงินเดือนลินเรียกมาได้เลย พี่อนุมัติเต็มที่!" ลลินแสร้งทำหน้าตกใจ "จะดีเหรอคะพี่ภาคิน... ลินเพิ่งจบใหม่ แถม..." "ดีที่สุดสิครับ" ภาคินขยับเข้ามาใกล้ วางมือบนไหล่เธออย่างสนิทสนมเหมือนวันวาน "ลินคือน้องสาวที่พี่ไว้ใจที่สุด... มาช่วยพี่นะ พี่ต้องการคนช่วยจริงๆ" ลลินเม้มปากทำท่าคิดหนัก ทั้งที่ในใจกำลังจุดพลุฉลอง "ถ้าพี่ภาคินให้โอกาส... ลินก็ยินดีค่ะ ลินสัญญาว่าจะไม่ทำให้พี่ผิดหวัง" "เยี่ยม! งั้นพรุ่งนี้เข้ามาเซ็นสัญญาเลยนะ!" ภาคินดูดีใจจนออกนอกหน้า ที่ได้ "น้องสาวคนเก่ง" มาช่วยงาน ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น "ขอโทษนะลิน พี่ต้องรับสายนี้ด่วน... เดี๋ยวคุยกันนะ" เขาชี้โทรศัพท์แล้วรีบเดินเลี่ยงออกไปคุยงานที่ระเบียง ลลินมองตามแผ่นหลังกว้างนั้นไป รอยยิ้มใสซื่อเลือนหายไป เหลือเพียงรอยยิ้มมุมปากที่เย็นยะเยือก "ง่ายกว่าที่คิด..." เตรียมตัวไว้นะคะพี่ชาย... ตำแหน่งเลขา ลินได้มาแล้ว ต่อไป... ก็ตำแหน่ง 'คู่หมั้น' ของคุณพิมพ์ลดา ลินจะแย่งมา... "แหม... แสดงละครเก่งดีนี่" เสียงแหลมเล็กดังขึ้นจากด้านหลัง ลลินหันขวับไปมอง พิมพ์ลดา ในชุดราตรีหรูหรา เดินถือแก้วไวน์เข้ามาหาเธอด้วยสายตาเหยียดหยาม พิมพ์ลดาเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ทั้งหมด "สวัสดีค่ะคุณพิมพ์... ไม่เจอกันนานนะคะ" ลลินทักทายเสียงเรียบ ปรับโหมดเป็นสาวมั่นทันทีเมื่ออยู่ลับหลังภาคิน "ฉันเห็นนะ... เมื่อกี้แกล้งเดินชนพี่คินใช่ไหม?" พิมพ์ลดาแสยะยิ้ม "มุกตื้นๆ... คิดจะกลับมาจับผู้ชายรวยๆ อีกหรือไง? เงินที่ได้ไปรอบก่อนใช้หมดแล้วเหรอ?" คำดูถูกเรื่องเงิน... ยังคงเป็นอาวุธเดิมๆ ของพิมพ์ลดา แต่ลลินคนนี้... มีเกราะป้องกันที่หนากว่าเดิม "ดิฉันไม่ได้มาจับใครค่ะ... ดิฉันมาสมัครงาน" ลลินตอบนิ่งๆ "และบังเอิญว่าพี่ภาคิน... เห็นใน 'ความสามารถ' ของดิฉัน เลยชวนไปทำงานด้วยตัวเอง" "ความสามารถ?" พิมพ์ลดาหัวเราะเยาะ "ความสามารถบนเตียงหรือบนโต๊ะล่ะจ๊ะ?" ลลินไม่โกรธ แต่เธอก้าวเท้าเข้าไปหาพิมพ์ลดาหนึ่งก้าว จนอีกฝ่ายผงะถอยหลัง "ระวังปากหน่อยนะคะคุณพิมพ์..." ลลินกระซิบเสียงเย็น "ดิฉันจบเกียรตินิยมจากโอซาก้า พูดได้ 4 ภาษา และมีงานวิจัยตีพิมพ์ระดับเอเชีย... ถ้าคุณคิดว่าดิฉันมีดีแค่เรื่องพรรค์นั้น... คุณกำลังดูถูก 'ว่าที่สามี' ของคุณอยู่นะคะ ว่าเขาเลือกคนทำงานไม่เป็น" "แก!!" พิมพ์ลดาหน้าแดงก่ำ ง้างมือจะสาดไวน์ใส่ "ถ้าสาด... ดิฉันฟ้องนะคะ" ลลินพูดสวนขึ้นทันที สายตามองไปที่กล้องวงจรปิดมุมห้อง "และพี่ภาคินคงไม่ปลื้มแน่ ถ้าว่าที่คู่หมั้นทำตัวตลาดล่างในงานระดับประเทศแบบนี้" พิมพ์ลดากัดฟันกรอด มือสั่นระริก แต่ต้องยอมลดแก้วลง "ฝากไว้ก่อนเถอะนังลลิน! อย่าคิดว่าเข้ามาทำงานแล้วฉันจะปล่อยแกไว้!" "ยินดีค่ะ" ลลินยิ้มหวานเคลือบยาพิษ "แต่อย่าฝากนานนะคะ เดี๋ยว 'ดอกเบี้ย' มันจะแพงจนคุณจ่ายไม่ไหว" ลลินเดินเชิดหน้าผ่านพิมพ์ลดาไปอย่างผู้ชนะ ทิ้งให้อีกฝ่ายยืนกระทืบเท้าเร่าๆ อยู่คนเดียว ลับหลังฝูงชน ลลินเดินออกมาที่หน้าโรงแรม ลมราตรีพัดปะทะใบหน้า รอยยิ้มของผู้ชนะเมื่อครู่จางหายไป ความเหนื่อยล้าฉายชัดในดวงตา เธอเกลียด เธอยังเกลียดการต้องใส่หน้ากากปั้นหน้ายิ้มให้คนพวกนี้ แต่เพื่อเป้าหมาย เธอต้องทน เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูรูปถ่ายครอบครัวในวัยเด็ก รูปพ่อกับแม่ที่ยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนที่ตระกูลสุทธาทรจะพรากทุกอย่างไป "ลินเริ่มแล้วนะคะพ่อ แม่" "ลินเข้าไปได้แล้ว และลินจะไม่ถอย จนกว่าพวกมันจะพังพินาศ"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD