ตอนที่ 6 ของขวัญวันเกิด

1728 Words
ที่ห้องจัดเลี้ยงงานวันเกิด บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักและครื้นเครง การจัดงานในวันนี้ได้รับคำชมจากนักธุรกิจที่มาร่วมงานว่าจัดงานได้ดี กวินจึงบอกว่าทั้งหมดนี้เป็นผลงานของเลขานุการของเขา เมื่อพูดถึงเขาก็กวาดสายตามองไปทั่วงาน จนป่านนี้เขาก็ยังไม่เห็นพีชมนอยู่ในงาน ไม่รู้ว่ามัวแต่ไปเตรียมเซอร์ไพรส์อะไรมาให้เขา ประณตและอารียาเดินเข้ามาในงาน กวินมองเห็นบุพการีทั้งสองที่เดินกระหนุงกระหนิงเข้ามาราวกับคู่รักวัยหนุ่มสาว ก็ยิ้มชื่นชมกับความรักที่เสมอต้นเสมอปลายของทั้งคู่ “สุขสันต์วันเกิดนะลูก” อารียาเดินเข้าไปสวมกอดลูกชายคนรอง “นี่พ่อกับแม่ไปไหนมาตั้งแต่เช้าครับ” “นี่จ้ะ พ่อกับแม่ไปซื้อที่ดินนี้ให้กับลูก แม่ทำเรื่องโอนแล้วเรียบร้อย ที่ดินผืนนี้ทำเลดีมาก ลูกจะเอาไว้ปล่อยขายหรือจะเก็บเอาไว้สร้างเรือนหอก็แล้วแต่ลูกเลย” อารียาพูดแล้วมองซองสีน้ำตาลที่ติดริบบิ้นสีแดงให้กับลูกชาย “ขอบคุณครับ” เขารับซองเอกสารนั้นเอาไว้ ด้านในเป็นโฉนดที่ดินในย่านธุรกิจ มูลค่าที่ดินหลายล้านบาท “คงไม่ได้สร้างเรือนหอหรอก ลูกชายของพวกเธอน่ะคงจะอยู่เป็นโสด ที่ดินนี้ก็คงจะเอาไปขายในอนาคต” คุณย่าพูดขึ้นมาเหน็บหน่อยๆ กวินรู้สึกว่าวันนี้คุณย่าดูประชดเขาหลายรอบแล้ว มั่นใจว่าพีชมนคงไปพูดอะไรไม่ดีเอาไว้แน่ ไม่อย่างนั้นคุณย่าจันลาคงไม่เป็นขนาดนี้ เขากวาดสายตามองไปภายในห้องจัดเลี้ยงอีกครั้ง แต่ก็ไม่พบเงาของพีชมนเลยแม้แต่น้อย ‘นี่เธอไปอยู่ไหนกันแน่นะ’ เขาได้แต่คิดในใจด้วยความหงุดหงิด จนกระทั่งจบงานและแขกทยอยกันกลับ ประณตและอารียาพาคุณย่าจันลากลับบ้านไปพักผ่อนแล้ว ในขณะที่กวินอยู่ส่งแขกเหรื่อให้เดินทางกลับ “ภาณุ” เขาเรียกผู้ช่วยมือขวาของตนเข้ามาหา “ครับคุณกวิน” ภาณุรีบเข้ามา “เลขาฯ ของผมล่ะ เธอไม่มาดูแลความเรียบร้อยของงานเหรอ” เจ้าของงานวันเกิดพูดด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด ตั้งแต่เริ่มงานจนจบงานเขายังไม่เห็นเธอ และยังไม่ได้รับของขวัญเซอร์ไพรส์จากเธอเลย “คุณพีชเธอให้ผมและจารวีดูแลต่อครับ” “ไปไหน” “ไม่ทราบครับ” ภาณุตอบ “พรุ่งนี้คงจะต้องเรียกมาคุยหน่อยแล้ว ทิ้งงานไปได้ยังไง” เขาบ่นออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูหงุดหงิดยิ่งขึ้น ของขวัญที่คุณย่าบอกว่าเธอเตรียมไว้ให้เขายังไม่ได้รับจากเธอเลย หรือว่านี่เป็นแผนบางอย่างที่จะทำให้เขาไม่ตั้งตัว เธออาจจะไปเซอร์ไพรส์เขาที่บ้าน “พรุ่งนี้คุณพีช…” “เดี๋ยวค่อยว่ากัน” กวินพูดแทรกแล้วก็เดินออกไป ภาณุที่กำลังจะบอกว่าพรุ่งนี้พีชมนคงไม่ได้มาทำงานอีกแล้วก็ไม่มีโอกาสได้พูด เขาได้แต่มองหน้าจารวี ไม่รู้ว่ากวินลืมไปแล้วหรือว่าใบลาออกนั่นเขาเซ็นอนุมัติเอง ////////// กวินขับรถเข้ามาจอดในบ้านด้วยความเร็ว เขามองซ้ายมองขวาเพื่อที่เตรียมจะรับมือกับเซอร์ไพรส์ที่ว่า แต่จนกระทั่งเดินเข้าไปจนถึงในบ้านก็ไม่พบแม้แต่เงาของเลขานุการสาวที่เป็นคู่หมั้นของตนเลยแม้แต่น้อย “พี่แพรว คุณย่าล่ะ” เขาถามแม่บ้านสาวที่เดินออกมาในชุดลำลองเตรียมเข้านอน “คุณย่าขึ้นนอนแล้วค่ะ” เมื่อได้อย่างนั้นชายหนุ่มก็รู้สึกว่าชีวิตของเขาในวันนี้มันดูไม่สมบูรณ์ ความรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง แต่ก็อธิบายไม่ถูกว่ามันคือความรู้สึกแบบไหน เขาไม่ปล่อยให้ตัวเองได้ค้างคาใจอยู่นาน ตอนนี้ก็ยังเป็นเวลาหัวค่ำ บางทีคุณย่าของเขาอาจจะยังไม่เข้านอน ชายหนุ่มจึงตรงไปที่ห้องของคุณย่า เขาเคาะประตูอยู่สามครั้ง เมื่อได้ยินเสียงอนุญาตจากด้านไหนก็เปิดประตูเข้าไป “อ้าว มีอะไรหรือเปล่า” คุณย่าถามด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบและขัดใจเล็กน้อย กวินเดินเข้าไปนั่งที่ข้างเตียงแล้วยกมือไหว้คุณย่าของเขา “วันนี้ผมรู้สึกเหมือนว่าทำอะไรให้คุณย่าโกรธ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าทำอะไรลงไป” หลานชายคนรองของตระกูลศรัทธานนท์กล่าวขอโทษผู้เป็นย่าด้วยประโยคที่นุ่มนวล ย่าจันลาถอนหายใจออกมา กวินพยุงเธอลุกขึ้นเอาหมอนดันไว้ข้างหลังหลังให้พิงกับหัวเตียง “หยิบกระเป๋าถือใบนั้นให้ย่าหน่อย” เธอชี้มือไปยังกระเป๋าใบโปรดที่ถือไปร่วมงานในวันนี้ กวินลุกไปหยิบกระเป๋าใบนั้นมาให้แก่ผู้เป็นย่าก่อนจะนั่งลงข้างข้างเตียง “หลานไม่ได้ทำอะไรให้ย่าโกรธหรอก มีแต่ย่านี่แหละเป็นคนแก่ขี้น้อยใจไปเอง” ขณะที่พูด ย่าจันลาก็ล้วงมือเข้าไปหยิบแหวนที่หย่อนลงในซอกกระเป๋าขึ้นมา “นี่คือแหวนหมั้นของหลานกับหนูพีช วันนี้หนูพีชเอาแหวนหมั้นมาคืน เธอบอกกับย่าว่าเธอไม่อยากวิ่งตามหลานอีกแล้ว” เมื่อได้ยินกวินก็นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย วันจันทร์และอังคารที่ผ่านมาเขาเพิ่งนึกได้ว่ามันไม่มีกระดาษโน้ตใบนั้นมาให้เขารำคาญตาอีก ‘นี่ครบหนึ่งพันวันแล้วเหรอ’ เขาคิดในใจ รู้สึกใจหายอย่างน่าประหลาด “คุณย่าหมายความว่า เธอถอนหมั้นกับผมแล้วใช่ไหมครับ” “ใช่ หนูพีชมาวันนี้เพื่อที่จะถอนหมั้นกับหลาน และเธอก็บอกว่านี่คงเป็นของขวัญวันเกิดของหลานที่หลานต้องการมากที่สุด” ย่าจันลาพูดจบก็คืนแหวนวางลงในมือของหลานชาย จากนั้นก็ดันนิ้วของเขาไปกำแหวนเอาไว้ “แหวนวงนี้มันควรจะอยู่ในนิ้วของหนูพีช แต่ตอนนี้หนูพีชไม่ต้องการมันแล้ว ย่าเองก็ไม่อยากบังคับใจใครอีกต่อไป ย่ายกให้หลานเก็บเอาไว้ ถ้าวันไหนเจอคนที่เหมาะสมและอยากแต่งงานด้วย หลานก็มอบให้เธอคนนั้นก็แล้วกัน” พูดจบย่าจันลาก็ค่อยๆ เลื่อนตัวลงนอน กวินออกมาจากห้องของผู้เป็นย่า เขานึกไปถึงวันนั้นที่ดาดฟ้าตอนที่เธอพาตัวเขาไปดูพลุที่เธอเตรียมไว้ให้ เขาบอกกับเธอว่าของขวัญที่เขาต้องการที่สุดคือให้เธอออกไปจากชีวิตเขา และปีนี้เขาก็ได้รับของขวัญชิ้นนั้นจากเธอจริงๆ แต่ทำไมล่ะ เขาถึงไม่ได้รู้สึกยินดีเลย ของขวัญชิ้นนี้ในตอนนี้กลับกลายเป็นของขวัญที่เขาไม่อยากได้ ‘หรือว่านี่จะเป็นแผนถอยเพื่อรุก’ เขาได้แต่สงสัยว่าคนที่พยายามมาตลอดอย่างพีชมน อยู่ๆ จะถอดใจได้ง่ายดายเช่นนี้จริงๆ หรือมันเป็นเพียงแค่แผนการที่เรียกร้องความสนใจจากเขาเท่านั้น ************************ เช้าวันต่อมากวินไปทำงานที่บริษัทสายกว่าปกติ เพราะเมื่อเช้านี้เขาอยู่ส่งพ่อและแม่เดินทางกลับไปยังภาคใต้ เพราะท่านทั้งสองเป็นห่วงรีสอร์ต เนื่องจากไม่เชื่อมือลูกชายคนโตที่เอาแต่เสเพล เขาเดินผ่านโต๊ะทำงานของเลขานุการ ก่อนที่จะหยุดยืนแล้วตัวชาไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าที่โต๊ะว่างเปล่า ผู้บริหารหนุ่มวัยสามสิบหมาดๆ เดินเข้าไปในห้องทำงานของตน ก่อนที่จะกดโทรศัพท์ภายในเรียกให้ภาณุมาหา ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปเดินเข้ามาหลังจากที่ได้รับสายไม่ถึงสามนาที พอมาถึงก็นั่งลงที่เก้าอี้ตามที่เจ้านายยกมือให้สัญญาณ ท่าทางที่ดูหงุดหงิดนั้นทำให้ภาณุรู้สึกกังวล กวินยังไม่ได้พูดหรือถามอะไรในทันที ตอนนี้เขารู้สึกว่ากำลังเสียศูนย์ และหัวเสียกับการหายไปของพีชมน “เอ่อ คุณกวินมีอะไรหรือเปล่าครับ” ภาณุถามด้วยน้ำเสียงที่ระมัดระวัง “พีชไปไหน” ปกติแล้วเขาจะเรียกเธอว่า ‘เลขา’ แต่ครั้งนี้เขาเรียกชื่อเธอออกมาตรงๆ “คุณพีชลาออกแล้วครับ” ทันทีที่ได้ยินกวินก็เผลอตบโต๊ะเสียงดัง “ลาออกเหรอ ใครอนุมัติกัน” “ก็เป็นคุณกวินอนุมัติเองนี่ครับ” ภาณุรีบตอบ “เหลวไหล จะบ้าหรือไง ผมไปอนุมัติตอนไหนกัน” กวินพูดด้วยความหัวเสีย “แล้วอีกอย่างจะลาออกทั้งทีก็ไม่คิดที่จะอยู่สอนงานคนใหม่สักเดือนหนึ่งก่อนเหรอ เลขาคนใหม่ก็ยังไม่ได้รับ ทำงานกันยังไง ไปเรียกฝ่ายบุคคลขึ้นมา” ท่าทางที่ดูไม่พอใจและโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงอย่างนั้นทำให้ภาณุต้องรีบเดินไปตามผู้จัดการฝ่ายบุคคลขึ้นมาด้วยตัวเอง เพราะดูท่าแล้วระดับพนักงานคงจะเอากวินไม่อยู่ ผู้จัดการฝ่ายบุคคลขึ้นมาพร้อมกับแฟ้มใบลาออกของพีชมน เมื่อมาถึงทั้งสองก็นั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับกวิน ที่ตอนนี้ใบหน้าของเขาเย็นชาบอกบุญไม่รับ “บอกผมที บริษัทเราเปลี่ยนกฎตั้งแต่ตอนไหนให้พนักงานลาออกโดยที่ยังไม่ได้ส่งมอบงานใดๆ และยังไม่ได้การได้รับการอนุญาตจากหัวหน้างานโดยตรง เธอเป็นเลขาของผมจะลาออกก็ต้องได้รับการอนุมัติจากผมไม่ใช่หรือไง” “แต่ว่าคุณกวินอนุมัติแล้วนี่ครับ” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลพูดด้วยน้ำเสียงที่มีความกังวล ก่อนที่จะยื่นแฟ้มเอกสารให้ กวินรับเอกสารใบลาออกของเธอมาดู พอเห็นลายเซ็นกับข้อความที่เขียนด้วยลายมือของตนเองก็พูดไม่ออก ความทรงจำของเขาย้อนไปเมื่อเกือบสามปีที่แล้วตอนที่เขาเอาใบลาออกมายื่นให้แก่เธอแล้วเซ็นเอาไว้ล่วงหน้า ใครจะไปคิดเล่าว่าเธอจะใช้มันมาเพื่อที่จะลาออกไปจากตำแหน่งนี้จริงๆ ********************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD