"ถึงแล้วครับนาย"
ทิวไผ่พยักหน้า “ป่ะ..ส้มเช้ง” พลางอุ้มลูกสาวตัวอ้วนลงจากรถสำหรับครอบครัวคันใหญ่ที่จอดด้านหน้าประตูทางเข้า เมื่อประตูอัตโนมัติเลื่อนออก สาวๆ ในบริษัทต่างกระวีกระวาดต้อนรับเขาดังระงม
“สวัสดีค่ะคุณไผ่/สวัสดีครับคุณไผ่” ฯลฯ มากมายเต็มชั้นไปหมด
ทิวไผ่ พยักหน้ารับแล้วเดินผ่านทุกคนขึ้นไปยังชั้นสองเสียงกรี๊ดกร๊าดดังเข้าหูเป็นประจำจนเขาชินไปแล้ว เสียงนั้นเงียบลงเมื่อเขาเดินเข้ามาในห้องกระจกซึ่งเป็นห้องส่วนตัวของเขาที่มองจากด้านนอกมืดสนิทแต่ถ้ามองจากด้านในเขาสามารถมองเห็นการทำงานของทุกคนได้ชัดเจน นิ้วเรียวกดเบอร์ภายในเรียกผู้จัดการทันที ติ้ด! “ต้น พาเด็กบัญชีคนใหม่มาหาฉัน” เขาหันมองลูกสาวตัวเองที่นั่งหน้านิ่วอยู่ข้างๆ “เป็นอะไรลูกรัก” ขยับไปนั่งยองๆ ด้านหน้า
“ส้มเช้งรู้สึกปวดอึยังไงก็ไม่แน่ใจค่ะป๊า”
“ไปเข้าห้องน้ำสิ ป่ะ” อุ้มลูกสาวลงจากเก้าอี้ จังหวะพอดีกับที่ประตูถูกเคาะจากด้านนอก ก่อกๆๆ ก่อกๆ “เข้ามา” ทิวไผ่บอกอนุญาต
ต้นรีบเข้าไปหาเจ้านาย “คุณไผ่ครับ..เอ่อคือตอนนี้อาเจาเดินไปเข้าห้องน้ำที่ห้องพักของเขาทางด้านหลังน่ะครับเราคงต้องรอสักครู่..ผมแจ้งกุ๊กไก่ไว้แล้วว่าถ้าอาเจามาถึงให้ขึ้นมาด้านบนด่วน”
“อืม..ไม่เป็นไรฉันก็ต้องเอาส้มเช้งเข้าห้องน้ำเหมือนกัน” หันมองลูกสาวตัวเอง “อ่าว..ส้มเช้ง!! อยู่ไหนลูก” ทิวไผ่เดินเข้าไปในห้องน้ำก็หาไม่เจอ ต้นก็ช่วยมองหาจนทั่วห้องก็ไม่พบ จึงพากันเดินออกมาด้านล่างหาส้มเช้งกันจ้าละหวั่น
&&&&
“ส้มเช้งจะไปห้องน้ำค่ะป๊า” เสียงเรียกของเด็กน้อยที่ไม่มีใครสนใจจนเธอเริ่มจะโมโห ทั้งๆ ที่รู้ว่าในห้องทำงานของป๊าก็มีห้องน้ำ “ก็ได้!ส้มเช้งจะไปเอง” เด็กน้อยวิ่งผ่านหน้าโต๊ะทำงานออกจากห้องชั้นสองลงไปด้านล่าง เพราะตัวเล็กจึงไม่มีใครเห็นเธอ แต่ละแผนกก็มีฉากกั้นยกสูง คนปวดท้องหันมองหาห้องน้ำชั้นล่าง "อยู่ไหนน๊าา โอยยย..ปวดจัง” หันซ้ายหันขวาอย่างไม่รู้จะไปทางไหน เพราะทุกครั้งที่มาบริษัทกับป๊าก็อยู่แต่ในห้องส่วนตัวด้านบนไม่เคยมีสักครั้งที่จะลงมาดูอะไรข้างล่าง เด็กน้อยยืนกุมท้องอยู่ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงคนทัก
“โอ๊ะ..บุตรีของผู้ใดมาวิ่งเล่นแถวนี้กันนะ” อาเจานั่งยองๆมองเด็กตัวขาวอ้วนแก้มยุ้ย “ปวดท้องรึ”
ส้มเช้งผงกหัวขึ้นลงไวๆ ปู้ดๆๆๆ เสียงผายลมพร้อมกับกลิ่นแปลกๆ ลอยฟุ้ง
“ฮ่าๆๆ” อาเจาหัวเราะเสียงดังลั่น จนเด็กน้อยแก้มแดงแจ๋
“ว๊าย..ส้มเช้งขอโทษ พาส้มเช้งไปห้องน้ำได้มั้ยคะพี่สาว..ส้มเช้งปวดอึ” เด็กอ้วนยกสองแขนให้คนน่ารักตรงหน้าอุ้มเพราะตอนนี้เธอเดินไม่ไหวแล้ว
“ได้ขอรับ…เด็กน้อยน่ารัก” อาเจาอุ้มเด็กที่บอกว่าชื่อส้มเช้งออกทางประตูด้านหลังของบริษัทตรงไปยังห้องพักของตัวเองอีกครั้ง ‘เรื่องเลี้ยงเด็กบอกอาเจาได้ เขาเคยเลี้ยงองค์หญิง องค์ชายมาสี่ห้าคนแล้วล่ะ’ อาเจาไขประตูห้องของตัวเองแล้วพาเด็กน้อยน่ารักเข้าไปในห้องน้ำ เสียงเล็กพูดแบบอายๆ
“ปิดประตูด้วยนะคะถ้าอึเสร็จแล้วส้มเช้งจะเรียกพี่สาวมาล้างก้น” ส้มเช้งเอ่ยบอกพี่สาวผมสั้นเมื่อนั่งลงบนชักโครกเตรียมพร้อม
^^ “ได้ๆ พี่จะล้างก้น” อาเจาเองก็ตื่นเต้นที่จะได้เลี้ยงเด็กอีกครั้ง
และทั้งสองคนก็ไม่ได้รู้เลยว่าเหตุการณ์ด้านนอกนั้นวุ่ยวายขนาดไหน จวบจนทั้งคู่ทำธุระเสร็จเรียบร้อย อาเจาก็อุ้มส้มเช้งเดินช้าๆสบายๆ พูดคุยหัวเราะกัน มาตามทางเดินด้านหลังของบริษัท
“พี่สาวชื่ออะไรคะ..สวยจังเลย” ส้มเช้งมองพี่สาวอย่างถูกใจ
“ไม่ใช่พี่สาว..แต่เป็นพี่ชายชื่ออาเจา” ยิ้มหวาน
“พี่อาเจา..ส้มเช้งชอบจังเลยไปอยู่เป็นหม่าม๊าของส้มเช้งได้มั้ยคะ??” กอดคออาเจา 'ส้มเช้งจะเอาคนนี้เป็นหม่าม๊า..หม่าม๊าล้างก้นให้ส้มเช้งด้วย ใจดีอีกต่างหาก'
“หม่าม๊าเหรอ..อืมม” ‘ขันทีเป็นหม่าม๊าได้มั้ยน้าา’ ทำท่าคิดหนัก
“ส้มเช้ง!” เสียงเข้มเรียกลูกสาวเสียงดัง “ไปไหนมาป๊าหาจนทั่วไปหมด” ทิวไผ่มองลูกสาวตัวเองที่กอดคอใครไม่รู้ รู้แต่ผิวขาว หน้าเด็ก ผมซอยต่ำจนถึงต้นคอและสูงแค่ปลายคางของเขา ‘ทอม? ผู้ชาย?’ “มาหาป๊าเร็ว” หรี่ตามองคนที่อุ้มลูกเขาด้วยความหวาดระแวง
“ไม่ค่ะ ส้มเช้งจะอยู่กับม๊า”
เกิดความเงียบไปทั่วบริเวณนั้น โดยที่แตงยังทำตาโต แอบบ่น ‘มาทำงานวันแรกก็ได้ใจน้องส้มเช้งลูกเจ้าของบริษัทไปแล้ววว อาเจาา’
“เขาเป็นใครไม่รู้ ไม่ใช่หม่าม๊ามานี่มาป๊าจะพาหนูไปส่งที่โรงเรียนสายแล้ว”
“ไม่!! ..ถ้าวันนี้ม๊าไม่ไปส่งส้มเช้งก็ไม่เรียน เมื่อกี้ส้มเช้งปวดอึ ป๊าก็ไม่สนใจ มีแต่ม๊าที่เข้ามาอุ้มส้มเช้งแล้วพาไปอึ…ล้างก้นให้ด้วย!!!” กอดคออาเจาแน่น
ทิวไผ่ถอนหายใจดังพรืด แล้วหันไปบอกพนักงานเกือบสิบคนที่ช่วยกันตามหาส้มเช้งเมื่อครู่ “พวกเธอไปทำงานกันต่อเถอะ..ที่นี่ฉันจะจัดการเอง” ทั้งหมดพากันสลายตัวไปแต่ก็ยังคงมีความอยากรู้อยากเห็น หันมองความวุ่นวายนั้นเป็นระยะๆ
“เอ่อ…คุณไผ่ครับ” ต้นเอ่ยแทรกอย่างเกร็งๆ
“มีอะไร” ตอบคำถามแต่ยืนมองปัญหาตรงหน้าอย่างคิดไม่ตก ‘เด็กนี่เป็นใคร’
“เอ่อ..คนที่อุ้มน้องส้มเช้งนั่น..ชื่ออาเจาเป็นพนักงานบัญชีคนใหม่น่ะครับ”
ทิวไผ่มองคนที่ยืนอุ้มลูกสาวตัวเอง ลักษณะท่าทางเหมือนคนที่เลี้ยงเด็กเป็น ‘ผู้ชายหรอกเรอะ’ “ไปคุยกันข้างบน” เดินนำหน้าทุกคนและปล่อยให้อาเจาอุ้มส้มเช้งเดินตามหลังไป
เมื่อทั้งสามเดินเข้าบริษัทมา ทุกแผนกต่างลอบอมยิ้ม ซุบซิบ ‘น้องอาเจาน่ารักจริง’ /’ ดูเคมีเข้ากันแปลกๆ เนอะว่ามั้ย’ เสียงสองสาวพนักงานต้อนรับก็ไม่น้อยหน้า
“นั่งลงสิ” ทิวไผ่บอกอีกฝ่ายแต่อาเจากลับจะยื่นตัวลูกสาวที่กอดไม่ยอมปล่อยคืนคนเป็นพ่ออย่างเขา
“ลูกคุณ..ครับ”
กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยแตะจมูกทิวไผ่เมื่อคนตัวบางขยับมาใกล้ เขายื่นมือออกไปรับลูกสาวอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ไม่..จะนั่งกับม๊า”
อาเจายิ้มบางๆ เงยหน้ามองคนตัวสูงกว่าที่กำลังก้มมองตัวเองอยู่ในระยะใกล้ด้วยสายตาเหม่อลอย “งั้นให้นั่งกับผมก็ได้นะครับ” ยิ้มหวานจนแก้มบุ๋ม
“อืม..” ทิวไผ่เงียบแล้วถอยไปนั่งตรงโต๊ะทำงานก่อยจะเหลือบไปเห็นผู้จัดการคนสนิทที่ยืนทำลับๆ ล่อๆ “ต้นเข้ามาสิ”
ต้นทำหน้าอายๆ ใส่ทั้งสองคนที่พึ่งสังเกตุเห็นเขา ที่จริงเขายืนมองทั้งคู่อยู่นานจนอยากจะตะโกนถามว่า ‘ฉากรักจบรึยังครับ’ “อ่อ..ครับนี่คือเอกสารของอาเจาครับ” ต้นยื่นเอกสารการสมัครงานให้ทิวไผ่ดู
ทิวไผ่มองชื่อในเอกสาร 'นายอาเจา พรมแดนเป็นผู้ชายจริงๆ’ อายุยี่สิบสอง อยู่xxx “จบจากกรุงเทพเหรอเรา”
“เอ่อ..ครับ” ‘ถามอะไรน่ะ' ทำหน้างง
“ทำบัญชีเป็นสินะจบมาตรงสาขา”
“ครับ” ‘ไม่รู้สินะ’
“แต่ตอนนี้ฉันให้นายเป็นผู้ช่วยคุณกุ๊กไก่ไปก่อน เดินเอกสารหรืออะไรเล็กๆ น้อยๆ ทำได้ใช่มั้ย”
“ครับ” ก่อนที่คุณทิวไผ่จะเข้ามา อาเจาก็เดินเอกสารอยู่แล้ว คุยกันไปอีกไม่กี่คำลูกสาวเข้าของบริษัทก็พูดขัดขึ้น
“ป๊า..ส้มเช้งจะให้ม๊าไปส่งที่โรงเรียนด้วย” ทิวไผ่คิ้วขมวด