“ป๊า..ส้มเช้งจะให้ม๊าไปส่งที่โรงเรียนด้วย”
ทิวไผ่คิ้วขมวด ก่อนจะอธิบายถึงความจริง “ส้มเช้ง..ฟังป๊านะลูก พี่อาเจาต้องอยู่ทำงานให้ป๊า พี่เขาไม่ใช่หม่าม๊าของหนู และพี่เขาเป็นผู้ชาย”
“ไปส่งส้มเช้งก็เป็นงานไม่ได้เหรอคะ?” กอดคออาเจาแน่น ความเงียบปกคลุมไปทั่วห้องราวๆ ห้านาที
ทางด้านอาเจาที่ตกเป็นหม่าม๊าก็พูดขึ้นว่า “เช่นนั้น…พี่จะไปส่งน้องส้มเช้งแค่วันนี้วันเดียวนะครับ วันอื่นห้ามทำแบบนี้นะครับเดี๋ยวป๊าจะไม่รักเด็กดื้อ” ก้มมองแล้วลูบหัวเด็กตัวอ้วน ที่เงยหน้าขึ้นมองกลับ
'พี่อาเจาคนสวยพูดก็เพราะ ส้มเช้งชอบจัง' “ตกลงค่ะม๊า” ยิ้มจนแก้มป่อง “ไปค่ะ” กระโดดลงจากตักแล้วเดินผู้ใหญ่ทุกคน
อาเจามองตามส้มเช้งแล้วหันมาหาเจ้าของบริษัท “ผมขอโทษที่ผมตัดสินใจเอาเองนะครับคุณ..ไผ่ คือถ้าคิดว่าถ้าผมไปส่ง เรื่องมันก็คงจบเร็วขึ้นและกลับมาทำงานไวขึ้นด้วย”
“อืม..ก็จริงนั่นล่ะ” เขาเดินตามลูกสาวที่วิ่งกลับมาจูงแม่ใหม่ลงบันไดไป ลับหลังของทั้งสองคน ทิวไผ่ก็หันมาถามต้น “เด็กอาเจานี่เป็นเกย์เป็นตุ๊ด มาหลอกอะไรฉันรึปล่าววะ”
“ไม่ใช่หรอกครับ ตอนแรกผมก็สงสัยเหมือนคุณไผ่ว่าผู้ชายอะไรหน้าสวยขนาดนี้ ก็คิดว่าเป็นเกย์ผมเลยถามเขาว่ามีแฟนรึยัง เขาบอกว่า ‘แม่แก้วบอกว่าเขามีแฟนแล้วเป็นผู้หญิงชื่อใบหม่อนอยู่กรุงเทพ’ ผมฟังก็ยังงงๆ แต่สรุปว่ามีแล้ว ไม่ใช่เกย์แน่นอนครับ”
ทิวไผ่ทำหน้าไม่เข้าใจ “ตอบยังไงของเค้า..ช่างเถอะฉันไปส่งลูกก่อนล่ะ เดี๋ยวต้นไปบอกคุณกุ๊กไก่ด้วยว่าฉันยืมตัวผู้ช่วยเขาไปหนึ่งชั่วโมง” เดินลงบันไดตามส้มเช้งไปที่รถเก๋งขนาดครอบครัวคันใหญ่ (ประมาณรถโฟว์วีล)
&&&&
“ม๊าเข้ามาสิคะ” ส้มเช้งดึงมือเรียวของว่าที่คุณแม่ให้ขึ้นรถพร้อมกับพูดจาฉะฉาน “ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะนี่ลุงพลเป็นผู้ช่วยของป๊า ทำหน้าที่ขับรถให้เรา” แนะนำชายหน้าดุวัยกลางคนที่จ้องอาเจาเขม็ง
“เอ่อ..สวัสดีครับลุงพล ผมชื่ออาเจาครับ”
“ครับ” พลรับคำแล้วหันหน้าไปทางอื่นตามประสาคนพูดน้อย
ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีเจ้าของบริษัทกลับเดินตามขึ้นมาทางด้านหลัง แม้อาเจาอยากจะถามอีกฝ่ายว่าทำไมไม่ไปนั่งข้างลุงพล เขาก็ไม่กล้าพูดเพราะนี่ไม่ใช่รถของเขา คนหน้าดุมองเขาในแบบที่เขาไม่เข้าใจ?
“เขยิบเข้าไปหน่อย” ทิวไผ่บอกอาเจาที่นั่งอยู่ตรงกลางโดยเหลือพื้นที่ให้นั่งอีกนิดเดียว
ด้วยความที่จะขยับก็ไม่ได้ จะออกไปก็ยิ่งไม่ได้เขาจึงเลือกที่จะถามเด็กอ้วยที่กอดกระเป๋าตัวเอง “ส้มเช้งมานั่งตักพี่มั้ยครับ”
“ไม่ค่ะส้มเช้งจะดูวิวข้างนอก” ขยับให้อีกนิดหน่อย ซึ่งว่าที่หม่าม๊าก็ทำตัวลีบเผื่อที่ให้ป่ะป๊านั่ง ส้มเช้งแอบยิ้มอย่างพอใจ จนป๊าเข้ามาในรถ
“ไปเลยพลส่งส้มเช้งก่อนแล้วค่อยวกกลับมาส่งอาเจาที่นี่ วันนี้เลททุกเรื่องจริงๆ โทรไปบอกลูกค้ารึยัง”
“โทรแล้วครับ บอกว่าเราขอเลื่อนเวลาไปครึ่งชั่วโมง”
“อืม” ทิวไผ่ครางรับในลำคอเบาๆ แต่สายตาก้มมองคนด้านข้าง เจ้าของกลิ่นกายหอมอ่อนๆ จนติดอยู่ตรงปลายจมูก เขายกแขนขวาขึ้นไปพักด้านบนค้ำตรงข้างขมับตนเอง จะถามว่าเหมือนโอบอาเจารึเปล่า ก็ยังไม่ถึงกับโอบ ‘อืม ผมเส้นเล็กสีน้ำตาลดูท่าจะนุ่มไม่เบา’ ทิวไผ่ตกอยู่ในภวังค์ จนไม่ได้สนใจว่าคนตัวเล็กกว่าที่นั่งด้านข้างนั้นก็เงยหน้าขึ้นมามองเขา...ตาสบตา
‘อืม..รูปงามไม่เบานะขอรับคุณไผ่ จมูกโด่ง ตาคม ริมฝีปากไม่หนาไม่บาง จะนิ่มรึเปล่านะ’ ตากลมของอาเจาจดจ้องที่ริมฝีปากรูปกระจับตรงหน้า มือขาวยกขึ้นช้าๆ แต่.. ก่อนที่อาเจาจะทันได้จับริมฝีปากนั้นเสียงคนขับรถกลับดังขึ้นขัดจังหวะ จนเขาต้องรีบลดมือลง
“ถึงโรงเรียนแล้วครับนาย”
“อะ อื้ม..” ทิวไผ่ หันหน้าหนีไปทางอื่นและเปิดประตูก้าวลงไป ในหัวยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูกกับสถานการณ์เมื่อครู่ หากพลไม่พูด...อาเจาจะแตะตรงไหนของเขาและนั่นทำให้เขาคาดหวัง ‘กูเป็นบ้าอะไรวะเนี่ย!’
“มาครับพี่อุ้มไปส่งนะ” อาเจารับอาสาอุ้มส้มเช้งแก้เขิน ‘เมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ’
ส้มเช้งกอดคอคนสวยผมสั้นแล้วอ้อน “ตอนเย็นม๊ามารับส้มเช้งได้มั้ยคะ?” ดวงตาใสแจ๋วกะพริบปริบๆ
“เอ่อ..” อาเจาหันมองไปทาง ทิวไผ่ จะให้เขาตอบเองก็คงไม่ได้เพราะเขาก็แค่พนักงานบริษัทที่มาทำงานวันแรก!
ทิวไผ่เห็นดังนั้นจึงเป็นฝ่ายตอบลูกสาว “ตอนเย็นป๊าจะมารับ ส้มเช้งไม่งอแงนะถ้าพี่อาเจาไม่มีธุระอะไรป๊าจะพามาด้วย..ตกลงมั้ย”
^^ “ค่ะ..วันนี้ม๊าจะอยู่กับป๊าตลอดทั้งวันอยู่แล้ว..ยังไงก็ต้องได้มารับส้มเช้งอยู่ดี” หันมาหาคนที่อุ้มตัวเองแล้วกดจมูกลงไป ฟอดดด!! “แก้มม๊าหอมจังเลย..ตัวก็หอมส้มเช้งชอบ”
ทิวไผ่ถึงกับทำหน้าไม่ถูกเมื่อลูกสาวหอมแก้มอาเจาหน้าโรงเรียน หนำซ้ำลูกสาวเขาก็พูดเสียงดัง หลายคนที่มาส่งเด็กๆ ในตอนสายต่างพากันหันมอง
อาเจายิ้มกว้างหอมแก้มส้มเช้งเด็กอ้วนเหมือนกัน ก่อนจะอุ้มไปส่งตรงหน้าประตูให้ส้มเช้งเดินต่อไปเอง
“บ๊ายบายค่ะป๊า ม๊า” ยิ้มหวานวิ่งอารมณ์ดีเข้าโรงเรียนไป
สถานการณ์กลับมาตึงเครียดอีกครั้งเมื่อคนที่ถูกเรียกว่าม๊ายืนทำตัวไม่ถูก ยิ่งคนเป็นป๊า...ก็ยิ่งไม่รู้จะเริ่มเรื่องนี้จากที่ตรงไหนก่อน สุดท้ายจึงเดินนำอีกฝ่ายไปขึ้นรถเพื่อเรียบเรียงเหตุการณ์
“ไปทำยังไงให้ลูกฉันติดเราได้ขนาดนี้” ทิวไผ่ถามทำลายความเงียบในรถที่กำลังวิ่ง
อาเจาหันขวับกลับมามอง “ไม่ได้ทำอะไรครับ แค่พาไปปลดหนักในห้องพักของพนักงานด้านหลังบริษัทและล้างก้นส้มเช้ง” อาเจาตอบหน้าซื่อ เอียงคอมองคนหน้าเข้ม ‘เป็นอะไรน่ะ’
ท่าทางน่ารักนั้นไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเคยใช้มันล่อลวงใครรึเปล่า ซึ่งทิวไผ่ไม่คิดที่จะถามเพราะเขามั่นใจว่าคนที่ถูกล่อลวงนั้นไม่ใช่เขาแน่นอน “เราชอบผู้ชายรึเปล่า” ถามเองก็ยังตกใจตัวเอง ‘แล้วนี่เขาถามบ้าอะไรวะเนี่ย’
อาเจาทำหน้าไม่เข้าใจเพราะคำถามนี้มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับที่เขามาส่งส้มเช้ง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังตอบไปตามความรู้สึก “ไม่รู้สิครับ อยู่มาตั้งนานผมก็ไม่เคยชอบใครสักที เลยไม่รู้ว่าตัวเองชอบผู้ชายรึเปล่า ทำไมครับ” ‘ตอนเป็นขันทีก็ไร้ความรู้สึก เขาจะไปชอบใครได้’
“ไหนต้นบอกฉันว่าเรามีแฟนอยู่กรุงเทพ” ทิวไผ่งงกับคำตอบของอาเจาและก็งงกับตัวเองที่ไปอยากรู้เรื่องของคนที่เพิ่งจะรู้จักไม่ถึงวัน
“ครับ..แม่แก้วบอกว่าผมมีคนรักอยู่กรุงเทพ” ทำหน้าซื่อ
คนฟังยิ่งทำหน้าไม่เข้าใจไปใหญ่เพราะถ้าหากขึ้นชื่อว่าแฟน มันก็ต้องแสดงออกว่ามีแล้วให้เห็นชัดๆ ไม่ใช่ตอบเหมือนขอไปทีและไม่มีความรู้สึก “อะไรของ..เร..า” ตรู้ดๆๆๆ ตรู้ดดๆ เสียงโทรศัพท์ของคนขับรถดังขัดขึ้น ซึ่งทิวไผ่ก็ยังคงเงียบฟังไปด้วย
“ครับผม..ครับๆ” ติ้ด “นายครับคุณบรรจงฝากบอกว่าให้รีบเข้าไปคุยเรื่องส่งออกส้มตอนนี้เลยครับ เพราะอีกครึ่งชั่วโมงต้องนั่งรถไปขึ้นเครื่องลงกรุงเทพครับ”
ทิวไผ่ ก้มมองนาฬิกาที่บอกเวลาสิบโมงครึ่งแล้ว “งั้นไปหาคุณบรรจงก่อน”
“ครับ”
&&&&
หลังจากคุยเรื่องส่งออกส้มร่วมกับคุณบรรจงเสร็จต่างคนก็ต่างแยกย้าย ตอนนี้ก็เกือบเที่ยงวันแล้ว
“เราหิวรึปล่าว” ทิวไผ่ถามพนักงานที่เขาหิ้วติดมาด้วยโดยที่ไม่ส่งขึ้นวินมอเตอร์ไซค์กลับไปก่อนทั้งๆ ที่เขาน่าจะทำแบบนั้นตั้งแต่แรก
“ไม่มากครับ”
“จอดกินก๋วยเตี๋ยวร้านประจำก่อนนะพล” ร้านประจำที่ทิวไผ่ว่าอยู่ภายในตัวอำเภอเป็นก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นรสเด็ด ผ่านทุกครั้งกินทุกครั้ง
“ครับนาย”
รถขนาดครอบครัวจอดลงหน้าร้านที่มีคนแน่นขนัด เจ้าของบริษัทส่งออกส้มลงจากรถมาพร้อมกับอาเจา ทุกสายตาภายในร้านต่างมองพ่อม่ายคนดังของอำเภอที่เดินนำเด็กหนุ่มหน้าตาค่อนไปทางสวยมากเข้ามาในร้านและเลือกนั่งโต๊ะที่จัดไว้สำหรับสองคน
“จะกินอะไรก็เลือกเอาฉันจ่ายให้”