อาเจาก็อาเจาสิ

1572 Words
"ผีเข้ากะเนี่ย" (ผีเข้าเหรอ) 'ผี?' เจากงกงส่ายหน้า “ไม่ๆๆ ข้ามิใช่ผีอย่างที่เจ้าว่า เพียงแต่ยามนี้ข้ารู้สึกว่าตนเองมาอยู่ผิดที่ซ้ำยังเยาว์วัยลงกว่าเดิม พาข้ากลับตำหนักได้หรือไม่” ทุกคำถามนั้น เขามั่นใจว่ามันน่าจะมีคำตอบ...หรืออาจจะไม่มี “ผีมะเข้ากะท่าจะเมาหนังจีนไปนักแก่..ปิ้กตำหนักไหน ปอย้างเล่น เยี่ยวเ**ยละตวยออกมา น้ำในโถหั้นมันตึงบ่ดูดไผลงไป..ตั้งแต่เกิดใหญ่มานี้ยังมะเกยได้ยินข่าวส้วมดูดคนสักเตื่อ” (ผีไม่เข้าก็คงจะดูหนังจีนมากไปหน่อย หยุดเล่นแล้วไปฉีละตามออกมา ตั้งแต่เกิดมานี่ยังไม่เคยได้ยินข่าวชักโครกดูดคนสักครั้ง) ชี้ไปที่ชักโครกแล้วเดินออกจากห้องน้ำ ‘เมาหนังจีนอย่างไร? ชักโครกมิดูดคนรึ?’ แม้จะยังไม่ได้คำตอบจากคำถามแต่ความปวดตรงส่วนนั้นมีมากกว่า สุดท้ายเขาจึงรีบดึงกางเกงลงเพื่อปลดเบา ฮึ่บบ!! จ่อก (กดปุ่มชักโครกแล้วถอยออกมา) ครึ่กกๆๆ ก โครกก..ก ‘อ่อ..มิดูดคนจริงๆ ด้วย..สิ่งนี้คือชักโครก คงจะมีไว้เพื่อปลดหนักเบาสินะ' พยักหน้าเข้าใจก่อนจะเดินออกไปด้านนอก เจอเข้ากับบุรุษวัยกลางคนที่เรียกเขาเมื่อเช้า “ออกมาพอดี ป้อจะได้เข้าต่อ” (ออกมาพอดีพ่อจะได้เข้าต่อ)บุรุษผู้นั้นเดินเข้าไปยืนหน้ากระจก เจากงกงยืนมองอีกฝ่ายอยู่หน้าประตู เขาเห็นชายผู้นั้นหยิบสิ่งที่เรียกว่า’ ยาสีฟัน’ และบีบอะไรสักอย่างสีขาวๆด้านใน ลงบนแปรงเล็กๆ แล้วยกขึ้นขัดฟัน ‘หืมม’ เจากงกงทำตาโตอย่างสนใจ “สิ่งนั้นมีไว้ขัดฟันรึ” อดใจถามออกมาไม่ได้ “อืม..มม” สีฟันไปเรื่อยๆ และบ้วนปาก “ถามจะได” (ถามยังไง) เจากงกงเดินเข้าไปหาและยื่นแปรงให้บุรุษผู้นั้น “ใส่..ยาสีฟันให้ข้าด้วย” ‘ใช่หรือไม่นะ’ “ใช้ป้อคิงกะไอ่เจา..เข้ามาจ้าดเมินบ่เยี้ยะคนเดว” (ใช้พ่อเรอะ เข้ามาตั้งนานไม่ทำเองล่ะ)บ่นไปแต่ก็บีบยาสีฟันใส่แปรงและยื่นให้เจากงกง “ระวังเหล็กหลุดเน่อ แปรงก่อยๆ ละก่อขะไจ๋เดวจะไปส่งตี้เยี้ยะก๋าน” (ระวังเหล็กดัดฟันหลุดนะ ค่อยๆแปรงแล้วก็ไวๆหน่อยจะไปส่งที่ที่ทำงาน) เดินออกห้องน้ำไป เจากงกงมองแปรงสีฟันในมือและใช้มันสีฟันเบาๆ ’ระวังเหล็กหลุด’ จนเสร็จจากนั้นก็บ้วนปากตามที่ได้เห็น ‘อืม มีกลิ่นหอมเย็นในปาก ดียิ่งๆ’ เดินยิ้มตามชายผู้นั้นไป ในใจคิดว่าหากเขาปรับตัวให้เข้ากับเหตุการณ์ได้ บางทีสถาณที่แห่งนี้ก็มิได้เลวร้ายนัก เจากงกงออกจากห้องน้ำแล้วเดินไปนั่งยังโต๊ะที่มีสำรับวางเอาไว้พลางมองผู้สูงวัยทั้งสองคนและเลียนแบบทำแบบ ‘รสชาติของอาหารในสำรับนี้ก็ใช้ได้’ เขาเคี้ยวหยับๆ ด้วยความรู้สึกจริงๆ ที่ไม่ใช่ความฝัน แม้เสี้ยวหนึ่งในความคิดจะยังไม่แน่ใจ...หรือถ้าสุดท้ายยังคงเป็นฝัน ก็คงเป็นฝันที่ดี “กำเดวไปเปลี่ยนชุดเ**ยเน่อ..มะไจ่ว่าลืมว่าต้องใส่ชุดอะหยังไปทำงาน” (ไปเปลี่ยนชุดด้วยไม่ใช่ว่าลืมนะว่าต้องใส่ชุดอะไรไปทำงาน) สตรีเพียงหนึ่งเดียวที่เจากงกงต้องเรียกว่า 'แม่แก้ว' เป็นผู้บอก ไหนจะเรื่องงานที่เขาผู้ไม่แน่ใจต้องไปทำนี่อีก มันคงมิใช่งานขันทีแบบเดิมเสียแล้วและเป็นอีกครั้งที่เขาเลือกที่จะถาม...ถามให้หมดทุกเรื่องที่ควรจะเกี่ยวข้องกับตัวเองในตอนนี้ที่น่าจะหลงเข้ามาอยู่ในร่างของคนอื่น “แม่แก้ว..ข้าลืมหมดทุกสิ่งทุกอย่างจะให้ไปเปลี่ยนชุดที่ใด? ทำงานที่ใด? ข้าเป็นใคร? ที่นี่คือที่ใด? ท่านพ่อชื่อใด? ยามนี้ข้ากี่หนาวแล้ว?” หลังจากจบคำถามทั้งพ่อคำปันและแม่แก้วต่างก็มองหน้ากัน “ปาไปหาหมอดีก้าปู่คำปัน” (พาไปหาหมอดีมั้ยพ่อคำปัน) “กะมันจะไปเยี้ยะก๋าน วันนี้เป๋นวันแรกตะวามันว่าถ้ามะได้งานตี้นี้กะท่าจะได้เสาะงานแหมใหม่คนตกงานนักจะต๋ายบอกหื้อมาจ่วยเก็บผลไม้ตี้บ้านกะมะเอา เอาอี้” (มันจะไปทำงานวันนี้เป็นวันแรกถ้าไม่ได้งานที่นี่คงจะได้หางานใหม่คนตกงานเยอะจะตายบอกให้มาช่วยเก็บผลไม้ก็ไม่เอา เอางี้)หันมองเจ้ากงกง “ไค่หู้แม่นก่อตี้ถามมาน่ะ” (อยากรู้ใช่มั้ยที่ถามน่ะ) “ขอรับ” เจากงกงตอบรับ “หื้ออู้ว่าครับ มะไจ่ขอรับ” (ให้พูดว่าครับ ไม่ใช่ขอรับ) “ครับ” เขาตอบอีกครั้ง “ลูกจื่อ อาเจา พรมแดน เป๋นลูกอิป่อ” ชี้ตัวเอง “พ่อหลวงคำปัน แม่หลวงแก้ว พรมแดน อยู่บนดอยxx ฝาง จังหวัดเจียงใหม่ กำเดวจะลงไปทำงานในตั๋วอำเภอ” (ลูกชื่ออาเจา พรมแดน เป็นลูกพ่อเลี้ยงคำปัน แม่หลวงแก้ว พรมแดน อยู่บนดอย- ฝาง เชียงใหม่ กำลังจไปทำงานในตัวอำเภอ) “อายุยี่สิบสองละมีแฟนอยู่กรุงเทพปุ้น จื่อใบหม่อนจะถามอะหยังแหม” แม่แก้วว่า (อายุ 22 มีแฟนแล้วอยู่กรุงเทพชื่อใบหม่อนจะถามอะไรอีก) เจากงกงมีใบหน้าเคร่งเครียด “ชื่ออาเจา…มีพ่อ มีแม่แล้วมีคนรักด้วยรึ” แม้จะแปลกใจที่เขาเข้าใจทุกคำพูดของแม่แก้วกับพ่อคำปันแต่เขาก็พูดตอบแบบนั้นไม่เป็น “แม่น แม่มะชอบตะใดเน่อแฟนคนนี้นะ มีก้าผิดกันละเ**ยซ้ำดี” (ใช่ แม่ไม่ชอบเท่าไหร่ แฟนคนนี้ชอบทะเลาะกันบ่อยเลิกกันเสียก็ดี)ได้ทีฟ้องลูกตัวเองตอนที่จำอะไรไม่ได้ “กิ๋นอิ่มละกะไปเปลี่ยนผ้า ขวายเหลือนี้จะเข้าก๋านมะตัน” (กินอ่มแล้วก็ไปเปลี่ยนชุดเลย)ชี้ไปทางห้องๆ หนึ่ง เจากงกงผู้รับรู้แล้วว่าตนเองคืออาเจาได้เดินเข้าประตูไปแล้วยืนนิ่งคิด หันมองไปรอบๆ ห้อง มีเตียงนอน ตู้เสื้อผ้า โต๊ะหนังสือ เครื่องดีดอะไรสักอย่าง (กีต้าร์) ห้องน้ำ อุปกรณ์มากมายสำหรับผู้ชาย และเดินไปหยุดตรงตู้เสื้อผ้าที่มีกระจกบานใหญ่ติดอยู่มองเงาตนเองที่สะท้อนออกมา ‘ยามนี้ข้าชื่ออาเจา หาใช่เจากงกงขันทีวัยกลางคนคนนั้นไม่’ ถอดชุดออกจนหมด บุรุษรูปร่างผอมบางผิวขาว ตรงกลางกายมีผ้าน้อยชิ้นปกปิดอยู่จึงใช้สองมือจับรูดกางเกงลง 'หืมม…ไม่ถูกตอน’ ยามปลดเบาเมื่อครู่ก็รู้สึกอยู่ว่ากลางกายแข็งเกร็งแต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร แต่เดิมขันทีอย่างเขาขาดลูกกลมๆ สองข้างไปก็เท่ากับว่าขาดความรู้สึกใคร่อยาก แต่ยามนี้ ^^ ‘หึหึ…ข้าทำอะไรกับสตรีเป็นที่ไหนกันเล่า’ ดึงผ้าชิ้นน้อยขึ้นปิดกลางกายไว้เช่นเดิม หลังจากทำความเข้าใจว่าเขาหลงมาอยู่ในร่างคนอื่น เขาก็ไม่ได้นั่งร้องไห้หรือคร่ำเครียดอะไร นอกจากยอมรับ ‘เอาล่ะ..สิ่งใดจะเกิดก็ต้องเกิด’ เขาเปิดตู้เสื้อผ้าออก มองดูทุกสิ่งอย่างภายในตู้ด้วยความแปลกใจปนตื่นเต้น ‘แล้วชุดทำงานเขาใส่ชุดเช่นใด??’ คิดอะไรไม่ออกก็หยิบเสื้อแขนยาวสีขาวมีขนนุ่มๆ (เสื้อกันหนาวไหมพรมแบบสวมสีขาวไม่หนามาก) ออกมาสวมใส่เพราะตอนนี้อากาศยังหนาวและหยิบกางเกงผ้ายืดสีดำขาตรงขึ้นมาสวม ก้มมองเท้าตนเองที่มีถุงเท้าอยู่ ‘อืม..แสดงว่าต้องมีถุงเท้าเยอะสินะ’ หันซ้ายขวา ขึ้นลง มองเห็นลิ้นชักด้านล่างก็ดึงออกมาแล้วก็พบ ถุงเท้ามากมาย เลือกมาสวมใส่หนึ่งคู่ แล้วเดินออกมาหน้าห้อง ภาพเด็กหนุ่มใบหน้าน่ารักสไตล์เกาหลีเดินออกมา แม่แก้วก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ลูกอิแม่ตึงหล่อขนาด” (ลูกแม่หล่อมาก) ยื่นกระเป๋าสะพายที่วางอยู่ตรงโซฟาด้านนอกให้กับอาเจา “จะไปลืมกระเป๋า ตังค์กับโทรศัพท์ บัตรอะหยังกะมีในหั้นหมดละ จำหยังมะได้กะโทรมาหาแม่ วันศุกร์มะแลงป้อจะไปฮับปิ้กมานอนบ้าน..ป้อสตาร์ทรถรอนอกปุ้น” (อย่าลืมกระเป๋าเงินกับโทรศัพท์ บัตรก็อยู่ในนั้นแล้วจำอะไรไม่ได้ก็โทรมาวันศึกร์ตอนเย็นพ่อจะไปรับมานอนที่บ้าน) แม่แก้วหอมแก้มอาเจาที่อ้าปากค้าง ฟอดดด!!! ก่อนจะจูงมือลูกชายออกไปด้านนอกเพื่อใส่รองเท้าผ้าใบ บรื้นๆๆ!!! บรื้นนๆๆ พ่อคำปันเหยียบคันเร่งเบาๆ อาเจาอ้าปากค้างยกมือชี้กับสิ่งใหญ่โตตรงหน้าที่ร้องดัง บรื้นๆ “นั่นคือสิ่งใด..แม่แก้ว”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD