ชีวิตที่ดีคือชีวิตใหม่?

1439 Words
"นั่นคือสิ่งใดแม่แก้ว" “เอ๋อ..รถยนต์อิป้อนะก่ะ ไอ่นี้กะหยังใด วันศุกร์ปิ้กมาท่าจะได้ปาไปสวนปรุง (รถพ่อน่สิ แกนี่ยังไงวันศุกร์กลับมาคงได้พาไปโรงพยาบาลรักษาโรคประสาท) ” เดินไปเปิดประตูรถข้างคนขับ “มาๆ ขึ้นรถ..จะสั่นจะกั๋วต๋ายอะหยัง ลมฮาจะขึ้นละ” (มาขึ้นรถจะตัวสั่นหรือจะกลัวอะไร อารมณ์จะไม่ดีละ) อาเจาเดินขาสั่นเกาะประตูรถแน่น แล้วขึ้น 'รถยนต์' ไปด้วยท่าทางทุลักทุเล ปึ่ง!! แม่แก้วปิดประตูรถตามหลัง แล้วยืนมองจนพ่อคำปันออกรถ ในรถยนต์ไร้เสียงพูดคุยใดๆ ซึ่งอาเจามองสองข้างทางด้วยความตื่นเต้น สิ่งนี้คือรถยนต์ที่ใช้แทนรถม้า ความรวดเร็วนั้นไม่ต้องพูดถึง เร็วยิ่งกว่าวิชาตัวเบาของรัชทายาทเสียอีก! “ป้อจะไปส่งตี้บ้านพักหลังตี้เยี้ยะก๋านหั้นเน่อเอากุญแจห้องมาก่อ” (พ่อจะไปส่งที่บ้านพักนะเอากุญแจห้องมาไหม) หันมองไปทางกระเป๋า อาเจามองตามและเปิดดูของข้างใน มีกุญแจคล้องติดกันอยู่สี่ดอก แผ่นพับอะไรสักอย่างสีดำหนาๆ(กระเป๋าเงิน) เปิดด้านในก็พบรูปใบหน้าของตนเอง อ่านออกว่าบัตรประชาชน มีชื่อ อายุ บ้าน และเลขอะไรไม่รู้เต็มไปหมด เรียงขึ้นไปมีบัตรอีกหนึ่งใบอ่านได้ว่าบัตรพนักงานบริษัท ทิวไผ่งาม จำกัด และอะไรมากมาย “แม่เอาตังค์ใส่หั้นสองปันปอก่อ” (แม่เอาเงินให้สองพันพอมั้ย) ลูกชายหันกลับมามอง คนเป็นพ่อได้แต่แอบกังวล เมื่อรถหยุดตรงไฟแดงจึงส่งเงินให้ลูกอีก “เอาะ เอาตังค์ไปแหม เดียวจะมะปอเผื่อจะซื้ออะหยัง” (เอาเงินไปเพิ่มอีกเผื่อจะซื้ออะไร) อาเจารับมาถือไว้ “ตังค์..?” ในความหมายของคำว่าตังค์ คืออยากได้อะไรก็ซื้อ เช่นนั้นตังค์คงจะหมายถึงตั๋วแลกเงิน เขาพลิกมันไปมาแล้วเก็บใส่กระเป๋า “โทรศัพท์มีในหั้นนะ มีหยังกะโทรมา” 'โทรศัพท์?' พลางล้วงไปด้านในและเจอกับอะไรสักอย่างที่มีรูปร่างสี่เหลี่ยมสีดำ มืดสนิท คิ้วเรียวสวยขมวดเป็นปมเพราะไม่เข้าใจว่าโทรศัพท์ที่พ่อคำปันว่านั้นมันใช้ยังไง แต่เขายังเก็บสิ่งนั้นไว้ในกระเป๋าเช่นเดิม ขับรถไปจนถึงที่ทำงาน คำปันจอดรถลงด้านหน้าของบริษัทที่เคยมาเมื่อไม่กี่วันก่อน ด้านหน้าติดป้ายอันใหญ่ไว้ว่า บริษัท ทิวไผ่งาม จำกัด มองจากตรงนี้เห็นสิ่งปลูกสร้างขนาดสองชั้นอาณาเขตกว้างขวางต้นไม้ปลูกโดยรอบดูแล้วสบายตา รปภ.ด้านหน้ามองเห็นรถของเขาเข้ามาจอดจึงเดินเข้ามาสอบถาม “สวัสดีครับ มาติดต่อเรื่องอะไรครับ บริษัทเปิดแปดโมงเช้ารอสักครู่นะครับ” “ลุงมาส่งลูกชายน่ะ เขาทำงานอยู่ที่นี่ว่าจะเข้าไปส่งที่ห้องพักทางด้านหลังของบริษัท” คำปันพูดเป็นภาษากลางตอบไป “ขอดูบัตรพนักงานครับ” รปภ.หันมองอาเจา ‘ก็นึกว่าดาราเกาหลี’ อาเจาหยิบบัตรในกระเป๋าส่งไปให้ผู้ชายที่ถาม ซึ่งอีกฝ่ายถือบัตรนั้นไปทำอะไรบางอย่างก่อนจะกลับมาถามเรื่องกุญแจห้องพักพนักงาน อดีตขันทีที่สำรวจทุกอย่างกระเป๋าไปแล้ว ได้ตอบกลับผู้ชายคนนั้นไป "มีครับ" พร้อมกับรับบัตรพนักงานคืน สองพ่อลูกนั่งอยู่ในรถเพื่อรอให้พนักงานรักษาความปลอดภัยคนนั้นเปิดประตู แค่เพียงห้านาทีจึงได้รับการอนุญาตให้เข้าไปด้านใน พ่อคำปันอธิบายให้ลูกตัวเองที่หลงลืมอะไรไปหมดได้ฟังว่า เมื่ออาทิตย์ก่อนได้ขนเสื้อผ้าและของใช้เข้าไปเก็บไว้ในห้องแล้ว และวันนี้คือวันทำงานเป็นวันแรก เมื่อรถจอดลงตรงที่จอดด้านหลังของบริษัทพ่อคำปันจึงเดินนำอาเจาไปยังห้องพักพนักงานที่มีอยู่ประมาณสิบห้าห้อง ซึ่งผู้เข้าพักส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานที่บ้านไกล และพนักงานอื่นๆ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคนในพื้นที่ ห้องพักด้านหลังนี้จึงไม่ค่อยมีใครอยู่มากนัก ผู้จัดการที่รู้จักกันบอกมาว่า รวมอาเจาด้วยแล้วมีพนักงานพักอยู่เพียงห้าคนเท่านั้น โดยจัดห้องให้อยู่สลับกันเป็นเลขคี่ เผื่อใครเปิดเพลงเสียงดังจะได้ไม่เป็นการรบกวนห้องข้างๆ อาเจามองสำรวจไปทั่วหอพักนั้นอย่างพึงพอใจ ห้องพักของเขาห่างจากบริษัทประมาณเจ็ดสิบก้าวเดิน ให้ความสะดวกสบายมาก เขาเดินมาจนถึงหน้าห้องและได้ยินพ่อคำปันบอกให้ใช้กุญแจไขประตู ไม่มีคำถามออกจากปากเขาเพราะเขาจำได้ว่าต้องใช้กุญแจห้องหมายเลขเจ็ด เขาหมุนลูกกุญแจไปมาจนได้ยินเสียงดัง กริ๊ก!! แอ้ดดด!!! พ่อคำปันเดินนำเข้าไปก่อน และเปิดไฟ อาเจาจดจำทุกสิ่งที่พ่อตนเองในตอนนี้ทำเผื่อว่าต่อไปเขาต้องอยู่คนเดียว ไฟในห้องให้ความสว่างจนมองเห็นทั่วทั้งหมด “เปิดผ้าม่านหน้าต่างเ**ยหื้อแสงลอดเข้ามาได้ปิดไว้มันเหม็นอับ เข้าใจ๋ก่อ” (เปิดผ้าม่านตรงหน้าต่างด้วยให้แสงมันลอดเข้ามากันกลิ่นเหม็นอับ) มองหน้าอาเจาเพราะเห็นว่าลูกยังดูสงสัยอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอธิบายไปแบบช้าๆ สภาพห้องไม่เล็กไม่ใหญ่ มีเตียงขนาดห้าฟุต ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง ด้านหลังเป็นห้องครัว มีตู้เย็น ของใช้ มีห้องอยู่น้ำใกล้ๆ กัน ก่อนจะละไปนั่งปล่อยให้อาเจาเดินสำรวจจนไปหยุดที่ทีวี แล้วชี้ เขาจึงบอกลูกว่าให้เสียบปลั๊ก และระวังอย่าให้มือเปียกน้ำเด็ดขาด ทันทีที่ทีวีถูกเปิด ลูกชายเขากลับมองตาโต ตกใจ ที่มีคนวิ่งไปมาอยู่ด้านในนั้น “ในหั้นเขาแสดง..ป่อท่าจะได้ส่งคิงไปหาหมอละไอ่เจา” (ในทีวีเขาแค่แสดง พ่อคงจะได้พาเอ็งไปหาหมอละอาเจา) “ไม่ๆๆ ลูกมิเป็นอะไร เพียงแค่มึนงงเล็กน้อย หลงลืมไปบ้างพ่อคำปันอย่าได้กังวล” ส่งสายตาเคลือบแคลงไปทางทีวีแล้วถามพ่ออีกรอบเพื่อความแน่ใจ “สิ่งที่อยู่ในทีวีจะมิออกมาด้านนอกใช่หรือไม่..คะะ ครับ” “เออะ ออกมาได้ก่อเป็นผีละ..ปอๆ จบๆ” (ออกมาได้ก็คงเป็นผีแล้ว พอๆจบๆ) สอนกดรีโมทและดึงปลั๊กออก “อะหยังกะจ่างตี้เสียบไฟไว้” (อะไรก็ตามที่เสียบไฟไว้) ชี้ปลั๊กไฟ “ก่อนออกจากห้องหื้อถอดออกหื้อหมด ยกเว้นตู้เย็นเข้าใจ๋ก่อ” (ก่อนออกจากห้องถอดออกให้หมด ยกเว้นตู้เย็นเข้าใจมั้ย) อาเจาพยักหน้าหงึกหงัก ‘ตู้เย็นมีไว้ใส่ของสดให้อยู่ได้นาน และใส่น้ำให้เย็นไว้เสมอ’ ยิ้มเต็มสองแก้ม ‘ฮิฮิ’ ที่นี่ช่างดีจริงๆ “ไอ่นี่ถ้าจะใกล้เป็นผีบ้าละ..ไปๆ จะแปดโมงละ” (ไอ้นี่คงจะใกล้เป็นบ้า ไปๆจะแปดโมงแล้ว) มองนาฬิกาบนผนังใกล้จะถึงเลขแปด อาเจามองตามและจดจำทุกอย่าง จนพ่อเขาพาออกมานอกห้องและปิดล๊อคประตู “พนักงานเริ่มมากั๋นละ ป่อไปละเน่อมีอะหยังกะโทรมา..สอนไปตะกี้เข้าใจ๋ก่อ” (พนักงานเริ่มมากันแล้ว พ่อจะไปละมีอะไรก็โทรมา สอนไปเมื่อกี้เข้าใจใช่มั้ย) “เข้าใจขออ..ครับ” เรื่องโทรศัพท์ที่พ่อเขาสอนเมื่อครู่ทำให้เขาตกใจไม่หาย เมื่อเปิดเครื่องได้ มันมีเสียงดังลอดออกมาจากข้างในซึ่งเป็นพ่อของเขาที่นั่งสอนอยู่ด้านหน้า ‘สิ่งที่ทำให้เราติดต่อกันได้โดยไม่ต้องเขียนข้อความฝากม้าเร็วหรืออะไรก็ตามแต่ เรื่องในอดีตถูกปัดทิ้งไปหมดเหลือเพียงโทรศัพท์หนึ่งอัน..ตอบโจษย์ทุกสิ่งอย่าง 'ชีวิตในร่างใหม่นี้ช่างดียิ่งนัก' อาเจายืนมองพ่อของตัวเองในตอนนี้เดินไปขึ้นรถคันใหญ่เพื่อเดินทางกลับไปด้วยรอยยิ้ม เขามีพ่อมีแม่และเหมือนมีชีวิตวัยเยาว์ครั้งใหม่ในสถานที่ใหม่ แน่นอนว่าเขาจะต้องพยายามปรับตัวและอย่าเผลอทำอะไรต่างๆ ให้คนอื่นได้สงสัยว่าเขาไม่ใช่เจ้าของร่างนี้ “อาเจา”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD