21.00 น.
ที่บ้านไร่ทิวไผ่งาม ด้านนอกระเบียงชั้นสองตรงเก้าอี้ยาวที่หันหน้าออกไปยังท้องนา เจ้าของบ้านอย่างทิวไผ่นั่งมองบรรยากาศยามดึกด้วยหัวใจปลอดโปร่ง ถามว่าปลอดโปร่งในเรื่องอะไร ก็คงไม่พ้นจะเป็นเรื่องเด็กหนุ่มหน้าใสที่เพิ่งเลิกกับแฟน แน่นอนว่าตอนนี้เด็กหนุ่มที่ว่าคงกำลังทำหน้าที่เป็นหม่าม๊าให้ลูกสาวเขาอยู่ 'และถ้าจะให้ครบสูตรไปเลย...ก็ควรจะจัดให้เป็นเมียเขาไปเลย' เสียงฝีเท้าแผ่วเบาเรียกสติให้เขาหันกลับไปยังห้องนอน ^^ ภาพอาเจาในชุดนอนกางเกงขายาวลายการ์ตูนหมีน้อยทำเอาเขาต้องหลุดยิ้ม “มานั่งนี่สิ” (ตบที่นั่งด้านข้างตัวเองดังปุปุ)
อาเจาเดินไปหาเจ้าของบ้านอย่างว่าง่ายก่อนจะส่งแก้วที่บรรจุน้ำสีขาวขุ่นไปให้พร้อมกับคำถาม “ดื่มนมไหมครับ” ซึ่งคนตัวสูงกว่าได้รับเอาไว้พร้อมกับเขานั่งลงด้านข้างก่อนจะวางแก้วของตัวเองลงบนโต๊ะกลมเล็กๆ ด้านหน้า
“ส้มเช้งหลับแล้วใช่มั้ย” ทิวไผ่ถาม ก่อนจะดื่มนมอุ่นๆ จนหมดแก้วทดแทนความใส่ใจของคนตัวเล็ก
“ครับ” ความเงียบระหว่างกันเพราะไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นพยังไงทำให้สายตาของอาเจาเฝ้าแต่มองท้องนาอันมืดมิดด้วยความประหม่า เสียงวางแก้วนมกับมือหยาบที่จับมือเขาทำเอาเจ้าตัวสะดุ้ง ก่อนจะเลื่อนสายตามองเจ้าของบ้านด้วยความตื่นเต้น
“อาเจา เรารังเกียจฉันมั้ย บอกมาตามตรงได้เลยฉันไม่ว่า”
อาเจาส่ายหน้ารัวเร็ว “จะรังเกียจอะไรล่ะครับ..คุณไผ่ออกจะเป็นคนดี หล่อ รวยแต่คุณจะโกหกส้มเช้งแบบนั้นไม่ได้นะครับ” ย้อนคำพูดที่ว่าอีกฝ่ายจะไปหาพ่อกับแม่เขาเพื่อต้องการจะถามย้ำว่ามันคือเรื่องโกหกหรือเรื่องจริงกันแน่ เขาเห็นอีกฝ่ายยิ้มเต็มแก้มก็ถึงกับหน้าแดงจัด
“อ่อ เรื่องนั้นเองเหรอ" ^^ "ฉันไม่ได้โกหกนะ..ก็ตั้งใจจะไปขอจริงๆ” รั้งร่างของคนตัวเล็กกว่ามากอดไว้ แม้จะมีการดิ้นน้อยๆ แต่ไม่ได้ต่อว่า มันคือสัญญาณที่ดีมากสำหรับเขาแล้ว "เข้าใจความหมายที่ฉันพูดนี่ไหมล่ะ"
“แต่เราเป็นเจ้านายกับลูกน้องกันนะครับ” พยายามแกะมือปลาหมึกตรงเอวตัวเองและเบี่ยงหน้าหนีจมูกโด่งๆ ที่เข้ามาคลอเคลียชิดติดใบหู การนัวเนียที่อาเจาไม่คิดรังเกียจ...แต่ทุกเรื่องที่กำลังจะเกิด เขาย่อมต้องการคำอธิบายที่ชัดเจนอีกหน่อย
“ก็ขยับฐานะขึ้นไง” ยกยิ้มมุมปาก “ฉันให้อาเจาเป็นทั้งลูกน้องเป็นทั้งแฟน..ได้ตังค์ด้วยเลยสองเด้ง” ^^
“แต่เราไม่ได้ชอบกันนี่ครับ” ถามออกไปดวยหัวใจเต้นแรง
“กำลังชอบกันอยู่นี่ไง..สำหรับฉันทุกอย่างที่เป็นอาเจา ฉันชอบมันทั้งหมดแล้วและกำลังจะ..รัก”
อาเจายกมือปิดปากคนพูด “โกหก…อะไรจะรวดเร็วขนาดนั้นครับ”
“ก็รวดเร็วเหมือนส้มเช้งไง..ชอบเราตั้งแต่แรกเห็นและอยากให้เรามาเป็นหม่าม๊า…ฉันก็อยากได้เราเป็น เมีย ง่ายๆ เลย”
“บ้าไปแล้ว…ผมยังไม่ถึงกับรักคุณนะ” หลบหน้าแดงๆ ไปด้านข้าง
“ไม่รักแต่ชอบใช่มั้ย..ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมให้ฉันกอดจูบหรอก จริงรึเปล่า” ยิ้มหวานใส่คนหน้าแดงด้านข้าง ก่อนจะเชยคางเรียวของอีกฝ่ายให้ขึ้นมองสบตากัน เขาก้มหน้าลงเพื่อหยั่งเชิงทีละนิดๆ เมื่อเห็นว่าอาเจาไม่ขยับหนีก็เริ่มจูบซับริมฝีปากเบาๆ ขยับเบี่ยงทิศทางแล้วสอดลิ้นเข้าไปชิมความหวานในปาก ลิ้นร้อนหยอกล้อเกี่ยวพันลิ้นเล็กช้าๆ เบาๆ เหมือนหยอกก่อนจะผละออกมองใบหน้าหวานซึ้ง ^^ “รอถอดเหล็กดัดฟันเมื่อไหร่ฉันจะจูบเราให้ปากเปื่อยเลยคอยดู” ปั่ก!! เสียงทุบหน้าอกอย่างแรง ทิวไผ่รั้งร่างอาเจามานั่งคร่อมตัก “เป็นแฟนฉันนะ” พูดจบก็หอมไปทั่วใบหน้าเนียน
อาเจาหัวใจพองโตก่อนจะผงกหัว “ครับ” เขารู้ว่าอีกฝ่ายขอให้เขาเป็นคนรักกัน ตัวเขาก็ไม่ได้รังเกียจคุณไผ่..ติดจะชอบด้วยซ้ำและหากชีวิตใหม่นี้เขาจะลองทำตามหัวใจตัวเองก็คงไม่ผิดอะไร “แล้วคุณก็จะหลอกงาบผม”
“อืม…เด็กมันน่างาบ” ก้มหน้าลงไปซุกไซร้ซอกคอหอมกรุ่น จากที่มีรอยจูบเล็กๆ ทิวไผ่ก็เริ่มทำรอยใหม่ทันที 'ใครจะได้ไม่ต้องมามอง คนของเขาอีก' จุ๊บ จู๊บๆๆ
“อื้มม…อย่าสิครับ มันเป็นรอย” พูดห้ามแต่ก็ยอมเอียงคอให้ทำเพราะตั้งแต่เกิดมาความรู้สึกแบบนี้ในยามที่เป็นเจากงกงขันทีจากแคว้นเจ้า เขาไม่เคยได้สัมผัสมันมาก่อนเลย ตอนนี้มีโอกาสแล้ว หากไม่ลองทดสอบดู ก็คงไม่รู้ไปทั้งชีวิตแน่ๆ “อื้ออ….อ่า” จับบ่าแกร่งแน่น บั้นท้ายก็ขยับถูไถส่ายไปมา จนไปสัมผัสกับสิ่งที่อยู่ในร่มผ้าของอีกคนที่ขยายใหญ่ขึ้นมาชนบั้นท้าย
“ซี้ดด..อย่าขยับเดี๋ยวเราจะเจ็บตัว” ก้มลงดูดไหปลาร้าไล่ลงมาถึงลาดไหล่ เสื้อนอนของอีกฝ่ายหลุดลุ่ย
“อื้ม...เจ็บอย่างไร อื้ออ” บิดกายสั่นสะท้านเมื่อแฟนหมาดๆ ก้มหน้าลงแล้วใช้ปากดูดเลียยอดอก เขาเผลอสะดุ้ง “ซี้ดด..ๆๆ ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนตั้งแต่เกิดมา อื้มม…ผมชอบ” หัวนมสีสดถูกดูดดึงจนตั้งชัน อารมณ์ของคนทั้งคู่สูงขึ้นจนแทบจะทนไม่ไหว
“ซี๊ด ช่วยฉันหน่อย” ทิวไผ่ปลดกางเกงนอนของตัวเองลง กลางกายแข็งขืนใหญ่ยาวผงาดออกพ้นขอบกางเกง “จับรูดให้ที”
อาเจามือสั่นน้อยๆ พลางใช้มือขวากำแท่งร้อนอันใหญ่อวบชักรูดขึ้นลงๆ หนุ่มหล่อตรงหน้าหลับตาครางยาว
“อ่าาา..าาซี้ดด” ฉืบๆๆ ๆๆ “ซี้ดดๆๆ ถอดกางเกงเราสิ” ทิวไผ่ปรือตามองอาเจาทำตามอย่างอยากรู้อยากเห็นจึงดึงกางเกงลงจนเห็นกลางกายที่ไม่เล็กไม่ใหญ่แข็งขึ้นเหมือนกัน ทิวไผ่เห็นอย่างนั้นจึงใช้มือจับ
“อ้ะ..” อาเจาร้องเสียงหลง ก่อนจะทำตามการชักนำของคนอายุมากกว่า แรงอารมณ์เร่งเร้าให้ขยับมือรัวเร็ว เสียงครางทุ้มต่ำสอดประสานจังหวะหนักหน่วง แค่เพียงสิบนาทีหยาดน้ำสีขาวขุ่นจากสองร่างก็พรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย "อ่า แฮ่กๆๆ" อาเจาเขินอายจนตัวแดง แต่ถึงอย่างนั้นเขายังคงแสร้งต่อว่าทิวไผ่ “คุณอ่ะ..มาชวนผมทำอะไรอย่างนี้ มันน่าอายนะครับ”
“แต่ก็มีความสุขใช่มั้ยล่ะ” ^^ เห็นอาเจาพยักหน้าหงึกหงักจึงพูดต่อ “ที่จริงมันยังมีอีกหลายเรื่องที่ฉันอยากจะทำ แต่ฉันไม่อยากให้เราเสียหายไปมากกว่านี้ รอไปคุยกับพ่อแม่เราเสียก่อน” จูบดูดดื่มอีกครั้งจนอีกฝ่ายอ่อนระทวย “ถึงตอนนั้นจะได้เป็นเมียฉันเต็มตัวแน่” ทั้งสองนัวเนียพลอดรักกันอยู่ตรงนั้นอีกร่วมหนึ่งชั่วโมง ก่อนจะแยกย้ายกลับห้องป้องกันการเลยเถิด
วันต่อมา 07.00 น.
ในห้องครัวของบ้าน ทิวไผ่เดินลงมาจากห้องชั้นสองก็เห็นภาพเดิมๆ ที่ทำให้เขายิ้มอยู่ทุกวันนั่นก็คือ ภาพอาเจาที่ใส่ชุดกันเปื้อนแล้วยืนทำอาหาร รอยยิ้มจุดขึ้นตรงมุมปากกับความสุข ยิ่งวันนี้ทั้งเขาและอาเจาตกลงเป็นแฟนกันแล้ว การถึงเนื้อถึงตัวย่อมต้องมีแน่ๆ และเมื่อเดินเข้าไปใกล้ จึงถือโอกาสกอดเอวอีกฝ่ายจากทางด้านหลังแล้วหอมแก้มเนียนดัง ฟอด!!
อาเจาสะดุ้ง “อื้ออ..อย่าทำแบบนี้สิครับเดี๋ยวข้าวต้มในหม้อร้อนหกหมด” บ่นห้ามแต่คนด้านหลังก็ยังไม่ยอมถอยห่าง
“ไม่หกหรอกหน่า” บอกแบบนั้นก่อนจะหอมซ้ำอีกครั้ง ฟอด!! “เช้านี้ไปส่งส้มเช้งที่โรงเรียนและไปบริษัทด้วยกันไหม”
^^ อาเจาพยักหน้า “ไปสิครับ ไม่เจอทุกคนเสียนาน” ตักข้าวต้มใส่ช้อนกลางเป่าเบาๆ แล้วยื่นให้คนด้านหลัง "ชิมหน่อยครับ"
“อื้ม..อร่อยแฟนใครไม่รู้ทำกับข้าวเก่งจัง”
ปุ่บ!! ตีแขนแกร่งไปหนึ่งที ก่อนจะสั่งเหมือนทุกวัน “ขึ้นไปปลุกส้มเช้งด้วยครับจะสายแล้ว”
“อื้ม…” ทิวไผ่ตอบรับด้วยความเคยชิน ก่อนจะเดินฮัมเพลงขึ้นไปบนชั้นสอง 'เขาชอบชีวิตในตอนนี้จังทุกอย่างมันลงตัวไปหมดขอให้ทั้งพ่อแม่เขา พ่อแม่อาเจาไม่มีเรื่องให้ติดขัดอะไรเถอะ ตัวเขาก็แก่แล้วชีวิตนี้จะอยู่ได้นานอีกสักเท่าไหร่เชียว'