มีแต่เรื่องจริงๆ

1361 Words
ท้ายไร่ทิวไผ่งามมีความชุลมุนเล็กน้อยเนื่องจากมีตำรวจหลายนายยืนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสามคน พร้อมอาวุธในมือและทั้งหมดอยู่ในอาการเมามายอย่างหนัก ทิวไผ่สอบถามก็ได้คำตอบอย่างที่เขาคิด ตอนนี้ 'ชัย' ผู้คุมงานในไร่ได้เอาตัวคนงานที่บาดเจ็บไปโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วทำให้ทิวไผ่หายกังวลไปมาก “คุณไผ่สามารถติดต่อเจ้าของที่นาได้หรือเปล่าครับ” ผู้กองนที นายตำรวจประจำอำเภอสอบถาม “ผมจะลองดูนะครับ” ทิวไผ่หันมองลุงพลแล้วพยักหน้า ซึ่งมือขวาได้กดสายโทรออกทันที ผ่านไปสักพักจึงยื่นโทรศัพท์ให้ผู้กองเป็นฝ่ายสอบถาม “ใช่ครับ ถึงยังไงคุณก็ต้องสั่งให้ทนายมาจัดการเพราะเหตุเกิดในที่นาของคุณ ครับๆ คุณสามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ ยินดีครับ” ผู้กองนทีมองเบอร์โทรศัพท์เจ้าของที่นาแล้วบันทึกไว้ในเครื่องตนเอง “เรียบร้อยแล้วครับ ทางคุณไผ่ไม่เรียกร้องค่าเสียหายอะไรใช่ไหมครับ” “ไม่ล่ะครับ ทางฝั่งคนของผมเดี๋ยวผมจัดการเอง” ทิวไผ่ตอบ 'จะเรียกร้องค่าเสียหายจากใครล่ะ ขี้ยาก็ถูกจับแล้วใครจะมาจ่ายเงิน' “ครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวเลยนะครับสวัสดีครับ” ทุกฝ่ายยกมือขอบคุณกันและกันแล้วแยกย้าย ทางเจ้าของไร่มองอาเจาแล้วถามขึ้นเมื่อเห็นแก้มอีกฝ่ายแดงๆ “ร้อนรึเปล่าน่ะเรา” “ไม่ครับ..เราจะไปบริษัทกันได้รึยังครับ” “ยัง ฉันจะเข้าไปดูคนงานที่โรงพยาบาลก่อนแล้วจะไปส่ง” เขาจับมืออาเจาเดินไปที่รถมอ’ ไซค์ “กอดแน่นๆ นะ” “อื้มม..จะกอดแน่นๆ เลยครับ” อดีตขันทีรับคำเพราะคิดถึงเหตุการณ์หวาดเสียวเมื่อก่อนหน้า พอขึ้นรถปุ๊บก็กอดปั๊บ กอดแน่นจริงๆ เพราะกลัวตก ^^ ทิวไผ่ขี่รถไปช้าๆ ในสมองปลอดโปร่ง ฮัมเพลงไปตลอดเส้นทาง ลุงพลขี่รถตามเจ้าของไร่ไป พลางมองสองคนด้านหน้าก็นึกว่าคู่รักที่ไหนมาขับรถชมวิวในไร่กัน ทันทีที่รถจอดลงหน้าบ้านอาเจาก็ลงจากรถทันทีแล้วถามว่า “สิ่งนี้เรียกว่าอะไร” ทิวไผ่มองคนตัวเล็กที่ชี้มอเตอร์ไซค์ ถึงกับทำหน้างง “มอเตอร์ไซค์...ถามอะไรของเราไม่รู้จักเหรอ” “ไม่..เห็นวิ่งไปมาสวนทางตอนที่พ่อคำปันมาส่ง ก็ไม่รู้ว่าจะต้องได้นั่ง..น่ากลัวจริงๆ” “พูดอะไรของเราน่ะ??” ทิวไผ่ยิ่งฟังก็ยิ่งงง “ขี่ไม่เป็นเหรอ” “ไม่เป็นหรอกคุณอย่าสนใจผมเลย..จะไปหาหมอมิใช่เหรอครับ นี่ยามใดแล้วเนี่ย” พูดไปก็งงตัวเองไปว่าที่พูดนี่มันถูกแล้วใช่รึเปล่า “ยามใดอะไร..เวลาเหรอ ตอนนี้สามโมงกว่าแล้ว” หันมองลุงพล “ไปรับส้มเช้งก่อนแล้วค่อยไปโรงพยาบาล” อาเจาหน้าเหวอ “คุณไผ่ครับ แล้วจะไปส่งผมกี่โมงล่ะผมต้องไปรูดบัตรห้าโมงนะ” เรื่องเวลารูดบัตรนั้น พี่ต้นเป็นคนบอกเขาว่าถ้าวันใดลืมรูด ไม่ว่าจะตอนเข้างานหรือออกงานก็เท่ากับว่าขาด เขาจะไม่ได้เงินนอกจากเข้าไปแจ้งฝ่ายการเงินพร้อมหลักฐานการทำงานในเวลานั้น “เฮ่ออ…อ ฟังนะอาเจา..ไม่ต้องสนหรอกว่าจะกลับทันหรือไม่ทัน” ทิวไผ่ชี้หน้าตัวเอง “เพราะฉันเนี่ยแหละที่รูดบัตรของเรา” จบคำก็จับมืออาเจาไปที่รถเก๋งคันใหญ่แล้วก้าวขึ้นไปนั่งด้านหลัง “ออกรถเลยพล ไปรับสายขนาดนี้ส้มเช้งต้องบ่นแน่ๆ” &&&& สี่โมงเย็นวันนั้นหน้าโรงเรียนอนุบาลในตัวอำเภอมีรถเก๋งสีขาวคันใหญ่จอดอยู่ริมฟุตบาท หนุ่มโสดพ่อม่ายเรือพ่วงเนื้อหอมก้าวลงจากรถด้วยท่าทีสุขุมเช่นเคย สาวๆ ทั้งโสดและไม่โสดไม่เว้นแม้แต่ครูบาอาจารย์ ต่างพากันมองด้วยสายตาเพ้อฝัน มีหลายคนที่พยายามทอดสะพานแต่ฝ่ายชายก็ไม่ได้เหลียวแลสนใจใคร เป็นอันรู้กันทั้งอำเภอว่าหนุ่มใหญ่คนนี้ไม่ใช่คนเจ้าชู้หากใครได้มาเป็นสามีก็ยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่งด้วยซ้ำ “ป๊าาาา…มารับส้มเช้งช้ามากเลยย” เอ่ยเสียงงอนน้ำตาคลอ มีคุณครูสาวยืนจูงมืออยู่ข้างๆ แอบเหลือบมองพ่อม่ายเรือพ่วงอยู่ตลอด “วันนี้มีแต่เรื่องน่ะ..เดี๋ยวป๊าต้องไปโรงพยาบาลต่อ” ส่งมือไปหาลูกสาว “แล้วหม่าม๊าไม่มารับส้มเช้งเหรอคะ..อะฮึฮึ..ฮือๆๆ” ส้มเช้งปล่อยมือคุณครูสาวที่ยืนอ้าปากหวอ ‘คุณทิวไผ่มีเมียแล้วเหรอ..เอ้ะ..เมื่อเช้าได้ยินครูเวรพูดว่ามีคนมาส่งน้องส้มเช้งกับคุณไผ่หน้าตาสวยคมไม่แน่ใจว่าใช่แฟนรึเปล่า’ หลายคนที่ได้ยินส้มเช้งพูดต่างพากันหูผึ่งยืนรีรอเพราะอยากฟังคำตอบ “อยู่ในรถน่ะ” ทิวไผ่อุ้มส้มเช้งแล้วบอกลาคุณครู “ขอบคุณนะครับ” ผงกหัวเดินมาไม่ได้สนใจคนรอบข้างที่ยืนจับตามอง “จริงนะ..ม๊าอยู่ในรถนะถ้าป๊าโกหกส้มเช้งจะไม่คุยด้วยทั้งวันเลย” เสียงพูดคุยกันงุ้งงิ้งดังมาเป็นระยะจนมาถึงประตูรถ ส้มเช้งลงจากอ้อมกอดเปิดประตูแล้วตะโกนออกมาเสียงดังอย่างดีใจ “หม่าม๊าาา….” โผเข้าไปด้านใน ตามด้วยทิวไผ่ ที่ปิดประตูรถ พร้อมกับรถเคลื่อนที่จากไป “หม่าม๊ามารับส้มเช้งจริงๆ ด้วย” เด็กน้อยนั่งตักอาเจาพลางกอดเอวไว้แน่น ^^ อาเจายิ้ม “วันนี้มีเรื่องเยอะน่ะเลยกลับไม่ถึงบริษัทสักที” หันมองทิวไผ่ “คุณแวะส่งผมเลยก็ดีนะครับ” การคำนวณเส้นทางจากโรงเรียนถึงบริษัทบวกกับการไปโรงพยาบาลแล้วเสียเวลา ทำให้เขาต้องตอบรับ “อืม…พลไปส่งอาเจาที่บริษัทก่อนนะ” ก่อนจะเงียบฟังลูกสาวที่ดูเหมือนจะติด 'ว่าที่แม่ใหม่เสียเหลือเกิน' “วันนี้ม๊าไปนอนที่บ้านส้มเช้งได้มั้ยคะ” เงยหน้าอ้อนวอนถูแก้มกับหน้าอกไปมา อาเจาทำตาล่อกแล่ก “เอ่อ..ไม่ดีมั้งครับ พี่เพิ่งมาทำงานวันแรก ห้องพักที่เก็บของก็ยังไม่เคยได้อยู่เลยสักวันหากไปนอนกับส้มเช้งแล้วมาทำงานสายล่ะครับไม่ดีแน่ ป๊าของส้มเช้งจะหักตังค์พี่น่ะสิ” เหลือบมองเจ้าของบริษัทที่นั่งกอดอกฟัง “คุณไผ่พูดอะไรหน่อยสิครับ” “แล้วจะให้พูดอะไรล่ะ” ตอบหน้าตาย ก่อนที่รถเก๋งสีขาวจอดลงหน้าบริษัทอย่างนิ่มนวล จังหวะพอดีกับที่อาเจารีบผละจากส้มเช้งและยกมือไหว้หนุ่มหล่อหน้าเฉยเจ้าของบริษัท “ขอบคุณที่มาส่งครับ” ลูบผมส้มเช้งแล้วก้มลงหอมแก้มป่อง ฟอดด! “พี่ไปทำงานก่อนนะครับสาวน้อย” ส้มเช้งได้ยินแบบนั้นก็งอแงขึ้นทันที “ไม่!!...ป๊า” หันมองพ่อตัวเอง “ส้มเช้งจะอยู่นี่ ทำการบ้านที่นี่ อยู่กับม๊า” “ไม่ได้” ทิวไผ่พูดเสียงเข้ม “พี่อาเจาต้องไปทำงานจะมาอยู่ดูแลส้มเช้งไม่ได้ ป๊าจ้างเขามาทำงานที่บริษัท..ลูกจะ..” “งั้นป๊าก็จ้างมาเป็นหม่าม๊าสิคะ…นมอุ่นก็ไม่อยู่บ้าน ป๊าก็ไม่ดูแลส้มเช้งอีก” ฮึฮึ..ฮือออ เด็กอ้วนเริ่มร้องไห้เสียงดัง ทิวไผ่นวดขมับพลางไล่คนหน้าขาวที่ทำให้เกิดประเด็นร้อน “ลงไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะจัดการเอง มัวแต่งอแงต่อรองกันไม่หยุดเย็นนี้ก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว” “ครับ...สวัสดีครับ” เปิดประตูลงอีกด้านและยืนมองจนรถสีขาวลับตาไป ใจหนึ่งก็สงสารเด็กน้อยแต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองจึงหันหลังแล้วเดินเข้าบริษัทไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD