ทิวไผ่กดรับโทรศัพท์นั้นแล้วเปิดเสียงลำโพง
ใบหม่อนตะคอกดังลั่น “ฮัลโหล..เจาเมื่อคืนเธอไม่ตอบคำถามอะไรสักอย่างเลยนะ..หมายความว่ายังไง เธอมีชู้จริงใช่มั้ย”
ทิวไผ่ทำหน้างง อาเจาแบมือออกสองข้าง พูดไม่ออกเสียงว่า ‘เธอหมาความว่าอะไร ทิวไผ่ชี้
“ชู้อะไร..ไม่เห็นรู้จัก” อาเจาตอบเสียงเรียบ
“ก็คนที่เธอไปซุกหัวอยู่ด้วยนั่นไง..อย่าให้ฉันจับได้นะ มีลูกด้วยใช่มั้ยฉันได้ยินนะเมื่อวานมีเด็กเรียกหาหม่าม๊า..พอ..ฉันจะไปวันนี้เลยเตรียมตัวให้ดี” กริ่ก ตุ้ดดดๆๆๆ วางสายไปแล้ว
“แฟนเราเรอะ ไร้สาระสิ้นดี"
อาเจาพยักหน้า “ครับ แม่แก้วบอกว่าผมมีแฟน…หน้าตายังไงผมก็จำเธอไม่ได้หรอก” ถอนหายใจยาวหันไปคนซุปในหม้อ
“บอกว่าเรามีชู้..มีเด็กเรียกหาหม่าม๊า คนที่ซุกหัวนอนอยู่ด้วย?” นิ่งคิดและประมวลผลในสมอง 'มัรคล้ายจะเป็นสถานการณ์ของเขากับอาเจาในตอนนี้ไม่มีผิด' ทิวไผ่จับคนตัวบางให้หันมา “ที่ยัยเด็กนั่นพูดมันหมายถึงฉันนะ…ฉันเป็นชู้เหรอ”
“ผมไม่รู้..คุณก็ได้ยินว่าเธอพูดเองหมดเลยแล้..วว.อ่ะ”
ทิวไผ่ก้มลงจูบปากแดงนุ่มที่ล่อตาล่อใจเค้าอยู่ทุกวัน เสียงดูดดึงริมฝีปากคนตัวบางดัง จ๊วบบๆ จู้บบๆ เรียวลิ้นพัวพันกันไม่หยุดสองมือเจ้าของบ้านโอบรัดเอวบางลูบไล้จนทั่ว จากที่เคยจูบกันครั้งแรกที่โรงพยาบาล คนทั้งคู่ก็คอยแต่จะคิดถึงริมฝีปากของอีกคนเสมอ
“อืมม…มม” เคร้ง!! เสียงทัพพีจากมือของอาเจาตกกระทบพื้นเรียกสติ
ทิวไผ่เลียริมฝีปากตัวเองแล้วรู้สึกปะแล่มๆ จึงมองดูปากคนตัวบางที่มีเลือดซิบๆ
“เอาอีกแล้ว!” เชยคางดูแล้วหาทิชชู่เช็ดริมฝีปาก “ดีนะที่ไม่มียางรัดฟันหลุดออกมา”
“ก็คุณจูบแรง..” หน้าแดงก้มหน้าลง “ใจผมสั่นไปหมด”
ทิวไผ่ได้ฟังก็ยกยิ้ม ^^ “ใจสั่นจริงเหรอ”
“อืม..เกือบจะหลุดออกมานอกอกแหน่ะ..นึกว่าจะตายซะแล้ว”
“ฮ่าๆๆ จะตายได้ยังไง แล้วเราไม่เคยจูบกับแฟนเหรอ”
“ไม่รู้สิ หน้าเธอผมก็จำไม่ได้..ใครจะไปเคยจูบ..รึเคย แต่ก็คงไม่ใจเต้นหรอกก็เต้นแค่กับคุณ” เงยหน้าขึ้นมอง
ทุกคำพูดนั้นทำเอาทิวไผ่ใจชื้น แน่นอนว่าเขาต้องรุกเข้าประเด็น “เอาล่ะ..งั้นฉันขอถามเราตรงๆ นะ” จับสองบ่าเล็ก “เรารักแฟนที่ชื่อใบหม่อนมั้ย” ถามไปก็ใจเต้นไป
“คงไม่หรอกครับ..ขนาดหน้าตายังจำไม่ได้เลยจะไปรักได้ยังไง..ขี้บ่นก็เท่านั้น ผมไม่ชอบหรอกนะครับ”
"แล้วกับ...ฉัน?" ทิวไผ่ชี้มาที่ตัวเอง "รู้สึกยังไง?"
อาเจาหน้าแดงกับคำถามและหลบสายตาคนหน้าหล่อที่อายุมากกว่า "เอ่อ..ไม่รู้หรอกคุณถามอะไรเนี่ยผมอายเป็นนะครับ" เม้มริมฝีปากพลางหันหน้าหนี
ทิวไผ่ยกยิ้มแล้วเชยคางคนสวยขึ้นมา 'อาการเราออกขนาดนี้ไม่ชอบฉันบ้างก็ให้มันรู้ไป' ตามองกัน “โอเคอายก็อาย ...เอาเป็นว่าถ้าใบหม่อนมาแล้วเราไม่รู้สึกใจเต้น ไม่รู้สึกรักแฟนคนนั้น ฉันจะช่วยเป็นชู้ให้เธอเองตกลงมั้ย” ยื่นข้อเสนอที่ไม่รู้หรอกว่าใครกันแน่ที่จะเสียเปรียบ
อาเจานิ่งคิดไปพักหนึ่งกับสิ่งที่อีกคนเสนอ “ครับ” ครางตอบรับ.. 'อืม..มีชู้ก็มีชู้’ เขาจะได้ตัดปัญหาจากผู้หญิงน่ารำคาญไปเลย
^^ ทิวไผ่ยิ้มกริ่มไหนๆ ก็ไหนๆ ‘หากไม่อยากงาบฉัน ฉันก็จะจัดการงาบเธอเอง’
&&&&
เย็นวันนั้นเอง ท่ารถในตัวอำเภอผู้หญิงอวบขาวใส่เสื้อสีแดงกางเกงยีนขาสั้นแต่งหน้าจัดยืนพัดอยู่ริมทางอย่างหงุดหงิด เธอหันมองซ้ายขวาและทำหน้ากรุ่นโกรธ ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงจนได้ยินเสียงเรียกแสนคุ้น
“ใบหม่อนใช่มั้ย” ทางด้านอาเจาที่จำได้ว่าอีกฝ่ายบอกสภาพของตัวเองว่าใส่เสื้อแดงกับกางเกงขาสั้น ถามไปอย่างไม่ค่อยแน่ใจ
ใบหม่อนวิ่งโผเข้าหาอีกฝ่ายทันที “เจา..ทำไมมารับใบหม่อนช้าจังเลยอ่ะ” ทำเสียงกระเง้ากระงอด
อาเจาดันตัวของอีกฝ่ายออกก่อนจะขยับถอย 'กลิ่นตัวแรงเป็นบ้าฉีดอะไรมาเยอะแยะเนี่ยเหม็นไปหมด’ “ไปรับส้มเช้งที่โรงเรียนก่อนน่ะเลยมาถึงช้าไปหน่อย ป่ะ..ไปกันเลยเธอจะไปนอนที่ไหนเหรอเช่าห้องไว้รึยัง” อาเจาหิ้วกระเป๋าและเดินนำอีกฝ่ายไปยังรถที่จอดรออยู่
“ก็ไปนอนกับเจานะสิ ถามอะไรแปลกๆ เราสองคนน่ะเป็นมากกว่าเพื่อนกันแล้วนะ”
อาเจาหันมองทำหน้าฉงน 'มากกว่าเพื่อนคืออะไรอีกล่ะ' ในความสงสัยนั้นถูกละไว้เมื่อเดินไปถึงรถคันหรู เขาเปิดประตูหลังก่อนจะส่งยิ้มเข้าไปข้างใน ^^
“ม๊าาาา…เร็วสิคะส้มเช้งหิวแล้ว”
เสียงเด็กที่เคยได้ยินในโทรศัพท์ดังขึ้นจากในรถเก๋งสีขาวคันหรูที่เปิดประตูหลังรออยู่ทำให้ใบหม่อนเบิกตากว้าง เมื่อเห็นเด็กน้อยตัวอวบขาวในชุดนักเรียนนั่งกอดอกอยู่ด้านใน ปากคอเธอก็เริ่มสั่น “ม๊าอะไรของเธอ..” หันมองซ้ายขวาเพื่อมองหาชู้รัก “นี่แฟนฉัน” กอดแขนอาเจาเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ แต่เด็กที่อยู่ในรถกลับสู้เธอ ในความว่องไวนั้น ใครจะรู้ว่าเธอจะพลาด!
“นี่ม๊าของส้มเช้ง" เดินลงจากรถแล้วดึงมือขาวของหม่าม๊าตัวเอง "ไปเถอะค่ะอย่าไปสนใจผู้หญิงบ้านี่เลย” ขึ้นรถเสร็จก็ปิดประตูเสียงดัง ปัง!! “ลุงพลออกรถ!”
บรื้นนนๆ ทิ้งใบหม่อนยืนอับอายกับกระเป๋าเอาไว้ตรงข้างทาง “อ๊ายยย..ยยย...คอยดูเถอะนังชู้" โบกวินมอเตอร์ไซค์แล้วโดดขึ้นรถอย่างรวดเร็ว “พี่วิน!! ตามรถเก๋งสีขาวนั่นไปด่วน!!”
&&&&
แว้นๆๆๆๆ ตลอดเส้นทางกว่าครึ่งชั่วโมงที่ใบหม่อนซ้อนท้ายรถและหิ้วกระเป๋าเดินทางใบโตอย่างทุลักทุเลไปจนถึงไร่ทิวไผ่งาม “ที่นี่เหรอพี่วิน” ใบหม่อนลงจากรถก็ถามเสียงดัง
“ใช่ครับ..รถคันนั้นในอำเภอนี้มีคันเดียวเป็นของไร่ทิวไผ่” วินมอ'ไซค์เอ่ยทวงค่าโดยสารและพูดต่อ "เขาไม่ให้บุคคลภายนอกเข้านะครับคุณ บุกเข้าไประวังจะโดนจับนะ" แบร้นๆๆๆ วืดดด ขี่รถออกไปทันที
ใบหม่อนยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “หน็อย!! ชู้รักคงรวยมากสิท่า..อย่าคิดว่ามีเมียรวยกว่าแล้วจะทิ้งฉันได้ง่ายๆ นะเจา” หยิบกระเป๋าสะพายหลังแล้วเดินเข้าไร่กว้างอย่างงงๆ 'เราจะได้เห็นดีกัน'
&&&&
“นั่นเหรอแฟนเรา” ทิวไผ่กับอาเจานั่งมองผู้หญิงอวบใส่กางเกงยีนขาสั้นเดินสะพายกระเป๋าเข้ามาตามถนน ผ่านกล้องวงจรปิด
“ครับ..ไม่เห็นจะงามเลยแม่แก้วคงจะพูดผิดแน่ๆ เนื้อตัวก็เหม็นกลิ่นอะไรก็ไม่รู้ผมไม่ชอบ เสียงก็ดังแสบแก้วหูไปหมดผู้หญิงที่ผมรู้จักไม่มีใครเป็นแบบนี้นะ” ในแคว้นเจ้ามีแต่ลูกคนมีตระกูล 'สตรีกรีดร้องราวกับคนบ้าเช่นนี้ไม่มีหรอก'
“ไม่รู้จัก..ไม่รู้สึกรัก ใจเต้นอะไรก็ไม่มีเหรอ” ทิวไผ่ถามย้ำด้วยหัวใจเต้นตึกตัก
อาเจาส่ายหัว “ไม่มีหรอกครับ..มีแต่ความรำคาญ” ก่อนจะถูกโอบเอวเข้าไปนั่งใกล้ๆ อีกฝ่ายก้มหน้าลงจนจมูกชิดกัน ถามเสียงอ้อน
“แบบฉัน..ไม่รำคาญเหรอ”
อาเจาขยับหน้าถอยห่าง ใบหูแดงก่ำเม้มริมฝีปากแน่น “ไม่หรอก…แต่อาย” ริมฝีปากหนาตรงหน้าฉกวูบลงมาอีกครั้ง “อะ..อื้มม..มม” จ๊วบๆๆ จู๊บบๆๆ เรียวลิ้นพัวพันกันอย่างระวัง “อื้อ..มมม” จากริมฝีปากเลื่อนลงต่ำมาบริเวณคอ ดูดดึงจนเกิดรอยเล็กๆ หลายรอย ในความพัวพันกันนั้น ยังคงได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา ตึ่กๆ ไม่รู้ว่าความตั้งใจนี้เป็นของใคร รู้แค่ว่า...แฟนอาเจาตั้งใจแน่นอน
“กรี้ดดๆๆๆๆ ..เจาาา กรี๊ดดดดด”