08.40 น.
หลังจากที่คู่รักมือใหม่ไปส่งลูกสาวที่โรงเรียนเสร็จแล้วจึงพากันนั่งรถส่วนตัวที่มีคนขับรถเจ้าประจำขับไปส่งจนถึงประตูบริษัท ทันทีที่เดินเข้าในอาคาร สายตาของพนักงานนับสิบก็หันไปมองทันที และจุดแรกที่ต้องเดินผ่านก็คือจุดของพนักงานต้อนรับที่กำลังอ้าปากค้างแต่ก็ยังรู้สึกตัวได้ว่าเจ้าของบริษัทกำลังเดินมาพร้อมกับหนุ่มหน้าใสตัวเล็กที่ทำงานในบริษัทได้ไม่กี่วันก็โชคดีได้เลื่อนขั้นเป็นพี่เลี้ยงซะแล้ว
“สวัสดีค่ะคุณไผ่ มาตรวจงานเหรอคะ” แตง พนักงานต้อนรับประจำบริษัทเอ่ยทักทายเจ้าของบริษัทพลางเลื่อนไปสบตากับอาเจา
“ใช่” ทิวไผ่แค่คำเดียวก่อนจะหันไปบอกแฟนเด็ก “ถ้าทักทายทุกคนเสร็จแล้วตามขึ้นไปข้างบนนะ”
“ครับ” ^^ อาเจายิ้มหวาน รอจนเจ้าของบริษัทสุดหล่อหายลับไปเขาก็ถูกสองสาวพนักงานต้อนรับรุมถามตามคาด
“เป็นยังไงบ้างไม่เจอกันเกือบสองเดือนอยู่ที่บ้านคุณไผ่ดีมั้ย” จุ๊บชิงถามขึ้นมาก่อน และเหลือบไปเห็นรอยแดงจางๆ ตรงช่วงคอ 'หืม?'
“ก็ดีครับ”
ทางด้านแตงที่มองตามสายตาของจุ๊บและเห็นร่องรอยนั้น แน่นอนว่าเธอต้องถาม “นั่นรอยอะไรน่ะ” ในความอึกอักของพี่เลี้ยงเด็กตามมาด้วยคำปฏิเสธและข้ออ้างที่ว่าต้องรีบไปชงกาแฟก่อนจะวิ่งหนีไป ทำให้สองสาวมองหน้ากัน...หนึ่งคนอมยิ้ม หนึ่งคนหน้าตึง สาเหตุหลักๆ ไม่ใช่อะไร ก็แค่งานนี้มีคนเสียเงินพนันหลายคนแน่ๆ
&&&&
ผลั๊วะ!!
เสียงเปิดประตูห้องอย่างแรงทำให้ทิวไผ่และต้นหันไปมอง
อาเจารีบเอ่ยคำขอโทษ ก่อนจะหนีไปนั่งหอบตรงโซฟารับแขกกลางห้องทำงานปล่อยให้เจ้าของบริษัทและต้นคุยงานกันต่อจนเสร็จ และต้นก็ขอตัวออกไปจากห้อง
“วิ่งหนีอะไรมาน่ะเรา” ทิวไผ่ที่นั่งหลังโต๊ะทำงานเอ่ยถามอาเจา พร้อมกับเซ็นเอกสาร
“ก็หนีพี่แตงกับพี่จุ๊บสิครับ..จู่ๆ ก็มาถามว่า..” เงียบเสียงรอให้ทิวไผ่เงยหน้าขึ้นมาก็ชี้ที่คอตัวเอง “ถามว่านี่รอยอะไร”
จบคำอาเจา ทิวไผ่ก็เงยหน้าหัวเราะ “ฮ่าๆๆ...ก็เราไม่ตอบไปเลยล่ะว่าเป็นรอยจูบของฉัน ฮ่ะๆๆ”
อาเจาหน้าบึ้ง “ใครจะหน้าหนาได้ขนาดนั้นล่ะครับ”
“ฮ่าๆๆ แล้วไม่ไปแผนกบัญชีเหรอ”
“ไม่อ่ะครับ..อาย ว่าแต่ คุณได้คนมาแทนผมรึยังครับ”
ทิวไผ่ส่ายหัว “ยังหรอก..แต่คงไม่หาแล้วล่ะเพราะอีกแค่สามเดือนคนที่ลาคลอดก็กลับมาทำงานแล้ว ช่วงนี้ก็คงให้ช่วยกันไปก่อน”
“ที่จริงช่วงกลางวันผมก็ว่าง คุณให้ผมมาช่วยพี่กุ๊กก็ได้นี่ครับ”
ทิวไผ่ที่นั่งเท้าคางมองปากจิ้มลิ้มมีเหล็กดัดฟันพูดอยู่ก็กวักมือเรียก ซึ่งอีกฝ่ายก็เดินมาหาอย่างว่าง่าย แน่นอนว่าคนหลงแฟนอย่างเขาก็ต้องดึงอาเจามานั่งซ้อนบนตักแล้วเอาคางเกยไหล่ พลางพูดเสียงอ่อน “ไมได้หรอก เราทำงานบ้าน ดูแลส้มเช้ง ดูแลฉันแล้วยังจะขอมาทำงานช่วยที่นี่อีก เหนื่อยตาย” หอมแก้มใส ฟอด!! “แล้วอีกหน่อยพอแต่งงานกัน เรายังต้องทำหน้าที่เมียบนเตียงอีก..แรงหมดแล้วรึเปล่า โอ๊ยย!” ทิวไผ่ร้องเสียงหลงเมื่อถูกคนบนตักหยิกไปเต็มแรง
“ใครจะแต่งงานกันล่ะครับ ขอก็ยังไม่ได้ขอ พ่อแม่ก็ยังไม่ได้คุยทำเป็นมาพูดดี” ยู่จมูกใส่ทิวไผ่ที่เอาแต่นัวเนียอยู่ตรงซอกคอ ยิ่งเบี่ยงหนีก็ยิ่งตามติดไม่หยุด ทั้งสองคนหยอกเย้ากันอยู่อย่างนั้นจนไม่ได้สนใจเสียงเคาะประตู แน่นอนว่ากว่าจะรู้ตัวก็ได้ยินเสียงของต้นเสียแล้ว
“เอ่อ…ขอโทษครับ” ต้นกับฝ่ายช่างพากันทำหน้ากระอักกระอ่วน หันซ้ายหันขวาอยู่อย่างนั้น
ทิวไผ่อมยิ้มให้กับแฟนเด็กที่รีบลุกออกจากตักเดินแกมวิ่งไปที่โซนชงกาแฟ ก่อนจะมองกลับมายังพนักงานของตัวเอง “เข้ามาเลย เอารูปมาด้วยใช่มั้ย” จากนั้นทั้งสามคนก็นั่งคุยงานกันต่อ โดยมีอาเจาเสิร์ฟน้ำกับขนมไม่ได้ขาด
&&&&
11.40 น.
หลังจากทำงานไปร่วมครึ่งวันทิวไผ่จึงบอกให้พักงานเอาไว้ก่อน จากนั้นเขาจึงชวนต้นและฝ่ายช่างอีกคนออกไปทานข้าว โดยมีเขาเป็นเจ้ามือ เขาลุกออกจากเก้าอี้ทำงานไปหาอาเจาที่นั่งดูทีวีตรงโซฟารับแขก “ไปกินข้าวกัน” ยื่นมือให้อีกฝ่ายจับแล้วพากันเดินนำพนักงานไปยังหน้าห้อง
ลูกน้องสองคนที่เดินตามหลังต่างมองหน้ากันเมื่อเห็นภาพนั้น และก็เป็นต้นนั่นเองที่เป็นฝ่ายเสนอหน้า “เอ่อ..ขอโทษนะครับคุณไผ่" เขาเว้นจังหวะไว้ รอจนเจ้าของชื่อหันกลับมา ก็เริ่มถามคำถาม "ผมอยากเสือกมาก”
“อืม ว่ามาสิ” ทิวไผ่ยกยิ้มมุมปากพลางจับมืออาเจาเดินลงบันไดไปเรื่อยๆ ในหูก็คอยฟังเสียงต้น
“เอ่อ..คุณไผ่กับอาเจานี่..ยังไงครับ??” ต้นถามเสียงไม่ดังไม่เบา แต่พนักงานด้านล่างที่ยืนอยู่ใกล้ๆ บันไดกลับเงี่ยหูฟังกันหมดเมื่อเห็นคนที่พวกเขาพนันกันไว้จับมือกันลงมา
ทิวไผ่ยิ้ม “ฮ่ะๆๆ...ยังไงล่ะ” ยกมือที่จับกันขึ้น “ก็กำลังจะเป็นคุณนายบ้านไร่น่ะสิ!!” จูบหลังมืออาเจาจนอีกคนต้องรีบดึงตัวเขาออกไปด้านนอกหนีเสียงเอะอะโวยวายด้านในที่ตามไล่หลังมา ^^ 'พนักงานในบริษัทเขา คงมีเรื่องให้เล่ากันอีกนานเลยสิ'
ต้นเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ จ่ายมาๆๆๆ ใครแพ้ก็จ่ายมาโว๊ย ไอ้จุ๊บแกเรียงคิวนับเงินเลยตอนเย็นค่อยคุยกัน ฮ่าๆๆ”
ทางด้านคนแพ้ต่างร้องกันระงม “อ๊ายยยย คุณไผ่ น้องอาเจาา” ฯลฯ
อาเจาบ่นในรถ “พูดอะไรแบบนั้นครับ...ผมอายนะ”
“อายอะไรกัน มันก็ความจริงทั้งหมด สู้บอกไปให้มันจบๆ จะได้เลิกสงสัยกันสักที” โอบไหล่คนตัวบางที่กำลังโมโหแล้วลูบเบาๆ “ฉันอายุสามสิบแปดแล้วจะมีเมียก็คงไม่ต้องอ้อมค้อมอะไรก็ได้มั้ง”
“วันนี้ผมไปคลีนิคทำฟันนะครับ เห็นใบนัดเมื่อวาน”
“อืม..ทานข้าวแล้วเดี๋ยวให้พลไปส่ง เสร็จแล้วกลับเข้าบริษัทมาหาฉัน” มองลุงพลในกระจกเหมือนสั่งงาน ซึ่งฝ่ายคนขับก็ตอบรับ
ด้านอาเจาที่ยังมีเรื่องติดค้างในใจ เขาจึงถามคนขับรถทันที “ลุงพลครับเมื่อวานนี้..เอาใบหม่อนไปทิ้งไว้ที่ไหนครับ”
“โรงพักครับ”
“จะไม่เป็นไรใช่มั้ยครับคุณไผ่” หันไปถามคนด้านข้าง
“อยู่กับตำรวจจะเป็นอะไรล่ะ..ถ้าเด็กนั่นไม่พยายามหาเรื่องใส่ตัวอีก ตอนนี้คงกลับกรุงเทพไปแล้ว..เป็นห่วงรึ”
พยักหน้า “ก็เค้าเป็นผู้หญิง..ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาผมก็รับผิดชอบไม่ไหวหรอกครับ”
“ไม่เกิดอะไรหรอก” ลูบหลังแฟนเด็กเบาๆ
“ก็ขอให้เป็นเช่นนั้น” เอนตัวซบอกแกร่งด้วยความเคยชิน
&&&&
เวลาผ่านไปจนถึงวันเสาร์ และเป็นวันที่อาเจาต้องเดินทางขึ้นดอย รถขนาดครอบครัวออกตัววิ่งไปตามเส้นทางตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ภายในรถนั้นมีเด็กน้อยคอยส่งเสียงเจื้อยแจ้วไม่หยุดพัก
“ป๊าคะ..ส้มเช้งต้องหยุดเรียนวันจันทร์มั้ยคะ”
“ถ้ากลับไปไม่ทันก็หยุด ไม่เป็นไรหรอก”
^^ “ส้มเช้งง่วงจังวันนี้ตื่นเช้ามากเลยขอนอนหน่อยนะคะ” ล้มตัวลงหนุนตักป๊าแล้วเอาขาอวบพาดหม่าม๊า ไม่ถึงห้านาทีก็หลับไปอาเจาหยิบเสื้อแขนยาวของตัวเองมาคลุมช่วงขาเด็กน้อย
“เราง่วงก็หลับเลยใกล้ถึงหมู่บ้านแล้วฉันจะเรียก”
“ครับ” หลับตาลงอย่างว่าง่าย