โรงไฟฟ้า
เพลิงพาพราวตะวันขับรถมาจอดบริเวณหน้าโรงไฟฟ้าของตนในช่วงบ่าย หญิงสาวมองเห็นบิดาซึ่งกำลังคุมงานอยู่กลางแจ้งก็นึกอยากเข้าไปช่วยอย่างที่เธอเคยทำมาจึงเปิดประตูลงจากรถ
"ไอ้ธาร! ไปตามคุณพายัพมาพบฉันในห้องทำงานด้วย" เพลิงเดินเข้าไปในในโรงงานและตรงไปยังห้องทำงานโดยไม่สนใจพราวตะวันเพราะเขาต้องการคุยกับผู้เป็นบิดาของเธอเป็นการส่วนตัว
"ไอ้ธาร" เขาเรียกลูกน้องที่กำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาตน
"คุณพายัพกำลังเดินมาครับนาย" ธารรายงาน
"มึงห้ามบอกพราวตะวันเด็ดขาดว่ากูเป็นใคร หรือถ้าจำเป็นต้องบอกก็ให้บอกว่าเป็นวิศวกรที่คุณทรงพลส่งมาคุมงาน เข้าใจหรือเปล่า?" ลูกน้องคนสนิทขมวดคิ้วสงสัยกับคำสั่งของเจ้านาย
"เอ่อ...ได้ครับได้ แต่ว่าทำไม..."
"มึงไม่จำเป็นต้องรู้" เพลิงพูดสวนขึ้น
"คุณเพลิงมีเรื่องด่วนหรือเปล่าครับ" พายัพเดินเดินมาหาเพลิงด้วยความเร่งรีบ
"เชิญที่ห้องทำงานดีกว่าครับ" เพลิงเดินนำหน้าพายัพไปยังห้องทำงานของตนด้วยสีหน้าจริงจัง
"ผมอยากให้พราวตะวันมาลองทำงานกับผมสักเดือนก่อนที่เธอจะไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯครับ" ชายหนุ่มเป็นคนตรงไปตรงมาจึงไม่พูดอ้อมค้อม
"มีเหตุผลอะไรหรือเปล่าครับ" พายัพรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากที่เพลิงใส่ใจเรื่องบุตรสาวของเขามากเป็นพิเศษ
"ผมเห็นแกเป็นเด็กดีและก็ดูฉลาดมาก อีกอย่างคือ...ผมเห็นว่าคุณเลี้ยงดูพราวตะวันมาเพียงลำพัง ผมจึงอยากสนับสนุนให้เธอได้เรียนมหาวิทยาลัยดีๆ และผมก็ยินดีส่งเสียเหมือนลูกสาวของผมเองครับ" เพลิงอยากไถ่โทษกับสิ่งที่เขาทำผิดพลาดลงไป
"ผมก็คงต้องถามแกดูก่อนเหมือนเดิมแหละครับ" พายัพไม่เคยบังคับบุตรสาวมาก่อนไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม
"อีกเรื่องที่ผมอยากขอร้อง คุณพายัพควรที่จะออกคำสั่งให้เธอทำตาม เพราะหากถามเธอคงไม่มีวันยอมมาแน่ๆ คุณก็น่าจะรู้จักนิสัยของคุณดี" เพลิงเตรียมคำพูดมาอย่างดี
"เอาแบบนั้นเลยหรอครับ" พายัพจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเพลิงซึ่งดูเหมือนจะไม่กล้าสบตาเขามากนัก
"ครับ อ้อ อีกเรื่อง ผมบอกเธอไปว่าผมเป็นวิศวกรไฟฟ้าเช่นเดียวกับคุณ เรื่องนี้ผมจะหาโอกาสบอกเธอด้วยตัวเองนะครับ"
"เอาแบบนั้นก็ได้ครับ แต่ดูเหมือนยัยพราวคงรู้ว่าคุณเป็นใครก็คงคืนนี้ล่ะมั้งครับ"
"ทำไมครับ" เพลิงขมวดคิ้วถาม
"คืนนี้คนงานจะเลี้ยงต้อนรับคุณเพลิง ฤตินาฏวรนันท์น่ะสิครับ" พายัพเองก็เห็นด้วยกับคนอื่นๆ
"ว้าว ขอบคุณครับ รู้สึกเป็นเกียรติที่สุดครับ" เพลิงยิ้มอ่อนให้พายัพทั้งที่กำลังเสียวสันหลังวาบ เขานึกภาพไม่ออกว่าถ้าหากเธอรู้ว่าเขาเป็นใครแล้วยังจะกล้าเถียงเขาทุกคำอยู่หรือเปล่า
"ไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะครับ" เพลิงพยักหน้าเบาๆ เขากวาดสายตามองหาพราวตะวันไปทั่วทว่ากลับไม่เจอจึงตัดสินใจเดินออกไปตามหาเธอ
"ทำอะไรน่ะ" เพลิงเดินเข้ามาหาพราวตะวันซึ่งนั่งอยู่บนแคร่ใต้ต้นไม้ใกล้ๆกับลานจอดรถของโรงงาน
"รอพ่อกลับบ้าน" เธอตอบเขาสั้นๆด้วยน้ำเสียงรำคาญที่เขายังจะอุตส่าห์เดินกลับมาหาเธออีก
"พูดดีๆไม่เป็นหรือยังไง" เพลิงเดินเข้ามานั่งลงข้างๆคนตัวเล็ก
"แล้วฉันพูดไม่ดีตรงไหน?" เธอหันขวับมาถามเขา
"ตรงที่แทนตัวเองว่าฉัน พ่อเธอมาได้ยินระวังจะโดนดุ" เพลิงบอกไม่จริงจังนัก
"แล้วคุณมีอะไรกับฉันอีก หมดธุระกันแล้วไม่ใช่หรอ" เธอขมวดคิ้วหน้ามุ่ย
"ยังไม่หมด คืนนี้คนที่นี่จะมีงานเลี้ยงต้อนรับฉัน ก็เลยจะชวนให้เธอไปด้วยกัน" เพลิงบอก
"ไม่ไป!" เด็กสาวปฏิเสธออกไปโดยไม่ต้องคิด
"ต้องไป! ไม่งั้นพ่อเธอรู้เรื่องของเราแน่" เขายกเรื่องนี้ขึ้นมาต่อรองกับเธออีกครั้ง
"นี่! นายมันใจร้ายที่สุด เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งกับชีวิตฉันสักที ฮะ?" พราวตะวันตะคอกใส่เขา
พายัพเห็นบุตรสาวนั่งคุยกับเพลิงอย่างออกรสก็รู้สึกแปลกใจ เขาตัดสินใจเดินเข้ามาหาสองหนุ่มสาวซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตนมากนัก
"พราว! ทำไมพูดเสียงดังแบบนั้นล่ะลูก อย่าเสียมารยาทกับคุณเพลิงอีกรู้ตัวหรือเปล่า" บิดาออกคำสั่ง
"ก็หนูอยากกลับบ้านนี่คะ ถ้าพ่อยังไม่กลับก็เอากุญแจรถมาแล้วเดี๋ยวตอนพ่อเลิกงานหนูจะกลับมารับ" เธอยื่นมือไปขอกุญแจรถจากบิดา
"เดี๋ยวผมไปส่งพราวเองรับ" เพลิงขันอาสา
"ไม่นะคะพ่อ" เธอค้าน
"ขอบคุณครับคุณเพลิง" พายัพพยักหน้าเบาๆให้เจ้านายหนุ่ม
"ถ้าให้เขาไปส่งหนูเดินกลับเองก็ได้" เธอหน้าบึ้งเหมือนเด็กเอาแต่ใจ
"พราว คุณเพลิงเขาก็เปรียบเสมือนพ่อของพราวนะ เขาจะส่งเสียพราวให้ได้เรียนดีๆแล้วเราก็ต้องมาฝึกงานกับคุณเพลิงด้วยระหว่างที่รอไปเรียนที่กรุงเทพฯ" พายัพตัดสินใจบอกความจริงกับบุตรสาว
"ทำไมต้องให้เขาส่งคะ ถ้าพ่อไม่มีเงินหนูยังไม่เรียนก็ได้" เธอยอมทิ้งความฝันหากต้องแลกกับการไม่ต้องเห็นหน้าเพลิง ชายหนุ่มที่เธอคิดว่าเธอเกลียดเขาที่สุด
“ไม่ได้! ยังไงพราวก็ต้องเรียนต่อ ไม่มีข้อแม้” แม้พายัพจะตามใจบุตรสาวเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อเวลาที่เขาจริงจังขึ้นมาก็ไม่มีใครหน้าไหนกล้าขัด
“ไปขึ้นรถสิ” เพลิงบอกคนตัวเล็กตรงหน้าก่อนจะเดินไปรอที่รถ พราวตะวันยอมจำนนเพราะเป็นประกาศิตของผู้เป็นบิดา
ระหว่างทาง
“ฉันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยหรอ ทำไมถึงไม่อยากเห็นหน้าฉัน” เพลิงหันมามองคนตัวเล็กสลับกับหันไปมองทางในขณะที่หญิงสาวเบือนหน้าออกไปทางกระจกรถเพื่อชมวิวทิวทัศน์
“ทำไมต้องมาส่งเสียฉันเรียนหนังสือและยังให้ฉันไปทำงานกับนายด้วย” เธอหันมาสบตาเขา
“ก็ฉันทำผิดต่อเธอก็เลยอยากจะชดใช้ให้บ้าง เพราะการที่เธอเสียความบริสุทธิ์ให้ฉันแล้วทำยังไงมันก็ไม่มีทางเอาคืนมาได้ ฉันก็เลยอยากจะชดใช้ให้เธอทุกอย่างเท่าที่ฉันจะให้ได้” เพลิงเน้นย้ำเรื่องที่เธอเป็นของเขาแล้วทว่าหญิงสาวกลับรู้สึกโกรธที่เขาพูดถึงเรื่องนี้ราวกับว่ายังไม่สามารถยอมรับความจริงได้
“เมื่อไหร่นายจะลืมๆเรื่องนี้ไป” พราวตะวันหน้าแดงเป็นลูกตำลึงโดยที่ไม่รู้ตัวเมื่อเขาพูดเรื่องนี้ขึ้นมา
“ใครจะไปลืมได้ลง หึหึ” เพลิงหัวเราะเบาๆในลำคอ