รุ่งสาง
เพลิงคงยังนอนอยู่บนที่นอนซึ่งเปื้อนรอยเลือดพรหมจรรย์ของเด็กสาวที่ทำให้เขากระวนกระวายใจไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืนจนกระทั่งตอนนี้
"บ้าชะมัด!" มือหนากุมศีรษะของตนไว้เพราะหนักเปลือกตาเกินกว่าจะลุกขึ้นไปทำงานได้
"คุณเพลิงครับ คุณเพลิง!" เสียงของธารซึ่งกำลังเรียกเขาอยู่ทำให้ชายหนุ่มต้องฝืนหยัดกายลุกขึ้นด้วยความเหน็ดเหนื่อยและอ่อนแรง
"เออ! อีกสิบนาทีกูลงไป!" เพลิงตะโกนออกไปและเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเพื่อเข้าไปอาบน้ำ
ภาพเปลือยเปล่าของเด็กสาวที่เขาถือตนว่าเป็นคนทำลายเยื่อพรหมจรรย์ของเธอยังคงผุดขึ้นมาในหัวสมองอย่างต่อเนื่อง
"ยัยเด็กบ้า!" เขาสบถและเอื้อมมือไปเปิดฝักบัวเพื่อชำระล้างร่างกายก่อนจะออกไปเริ่มงานวันแรก
บ้านของพราวตะวัน
พราวตะวันยังคงนอนอยู่ในห้องนอนของตนเองในช่วงสาย ในทุกเช้าหญิงสาวมักจะตื่นแต่เช้าและออกไปดูงานกับผู้เป็นบิดาเป็นประจำทุกวันแต่วันนี้กลับผิดปกติ
'ก๊อกๆๆ'
"พราว ทำไมวันนี้ยังไม่ตื่นล่ะลูก ไม่สบายหรือเปล่า" 'พายัพ' เดินมาเคาะประตูห้องนอนของบุตรสาว เขาเป็นวิศกรไฟฟ้าวัยสี่สิบปีซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวของพราวตะวันตลอดมา
"เมื่อวานตากฝนเลยรู้สึกไม่สบายนิดหน่อยค่ะพ่อ" เธอตอบบิดาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
"งั้นก็พักผ่อนเยอะๆนะ วันนี้อากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนอย่าออกไปไหนล่ะ พ่อต้องรีบไปต้อนรับเจ้านายที่มาใหม่ก่อน" พายัพเลี้ยงดูบุตรสาวเพียงคนเดียวมาเป็นอย่างดี เขารู้สึกผิดเสมอมาที่ไม่สามารถรักษาสถานะครอบครัวของตนไว้ได้เพราะความเป็นเด็กอ่อนเดียงสา
เมื่อสิบเก้าปีที่แล้วหลังจากที่เขาเรียนจบวิศวกรไฟฟ้า แพรวดาวแฟนสาวของเขาก็ตั้งท้องพราวตะวันในขณะที่ทั้งคู่ยังไม่พร้อม
ครอบครัวมหาเศรษฐีของแพรวดาวไม่เคยรู้เรื่องการเกิดมาของพราวตะวันเลยแม้แต่คนเดียวเพราะเป็นความต้องการของเธอ พายัพโกรธจัดในเรื่องนี้จึงได้พาแก้วตาดวงใจของเขากลับมาเลี้ยงดูที่แม่ฮ่องสอนและประคบประหงมเธออย่างดีตลอดมาจนกระทั่ง...
"ไอ้คนเลว! ฉันควรจะทำยังไงดี...ฮืออออ..." พราวตะวันร้องไห้ตลอดคืนจนหมอนเปียกไปหลายใบ เธอสับสนและเสียใจจนตอนนี้ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มทำอะไรก่อนเป็นอันดับแรกจึงได้แต่นอนร้องไห้เพื่อระบายความเจ็บปวด
โรงไฟฟ้า
"คุณเพลิงครับ นี่คือคุณพายัพเป็นวิศวะกรคนเก่งของพวกเรา ส่วนนี่คุณเพลิง ฤตินาฏวรนันท์ เจ้าของอาณาจักรการไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยครับ" ธารแนะนำตัวให้สองคนรู้จักกัน
"น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันนะครับ ยินดีที่ได้ร่วมงานกับคนเก่งๆอย่างคุณพายัพครับ" เพลิงยิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้าที่แลดูอ่อนเยาว์และหล่อเหลาเสียจนเขายังต้องชิดซ้าย
"โอย ไม่ใช่หรอกครับ คุณพายัพแกสี่สิบแล้ว อ้อ! คุณเพลิงจำเด็กสาวที่อยู่กับคุณเพลิงเมื่อคืนได้หรือเปล่าครับ นั่นแหละพราวตะวันลูกสาวของคุณพายัพครับ" ธารบอกเจ้านายหนุ่ม เพลิงแทบสำลักน้ำลายตนเองเมื่อได้ยินเช่นนั้น
"ผมไม่เห็นทราบว่ายัยหนูอยูกับคุณเมื่อคืน" พายัพขมวดคิ้วมองเพลิงอย่างรอคำตอบ
"อ๋อ เธอแค่มาช่วยดูไฟครับ พอดีเมื่อวานหัวค่ำผมติดธุระเลยไปตามลุงชิมจะให้มาดูไฟให้ แต่ไอ้พราวบอกว่าลุงชิมไปรับคุณพายัพอยู่ไอ้พราวเลยอาสามาดูให้" ธารอธิบาย
"ไม่น่าล่ะพราวถึงบอกว่าเมื่อวานตากฝนวันนี้เลยนอนซมอยู่บ้านโน่น" พายัพส่ายหน้าเบาๆให้กับความดื้อรั้นของบุตรสาว
"แล้วเธอเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ" เพลิงอดที่จะถามออกไปไม่ได้ ธารแปลกใจเพราะไม่คิดว่าเจ้านายหนุ่มจะใส่ใจเรื่องเล็กน้อยแบบนี้
"เด็กหัวเเข็งดื้อนั้นแบบนั้นไม่ป่วบง่ายๆหรอกครับ" พายัพพูดถึงกิตติศัพท์ของบุตรสาวก็ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆและยิ้มออกมาเล็กน้อย
"ไอ้พราวมันเป็นเด็กฉลาดครับ วิศวกรไฟฟ้านี่น่าจะเก่งกว่าพ่ออีกนะครับ คุณพายัพสอนเองกับมือแถมยังเลี้ยงแบบไข่ในหิน มดไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเลยล่ะครับ" ธารสาธยายเรื่องของสองพ่อลูกยิ่งทำให้เพลิงจุกแน่นหน้าอกเพราะความละอายใจกับสิ่งที่เขาทำลงไปเมื่อคืน
"ว่าแต่คุณเพลิงล่ะครับ ตอนนี้สภาพจิตใจดีขึ้นมามากแล้วใช่หรือเปล่าครับ" พายัพพอรู้ข่าวเรื่องหย่าร้างของเจ้านายมาบ้างแม้จะไม่เคยเจอกันเลยก็ตาม
"ดีมากๆเลยครับ ผมไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรในเรื่องนี้มานานมากแล้ว" เขาเล่าให้พายัพฟัง
"ดีแล้วครับ เปิดใจรับอะไรใหม่ๆแล้วคุณจะมีความสุขมากขึ้น" พายัพแนะนำ
"ครับ อ้อ ว่าแต่คุณอายุสี่สิบแล้วลูกสาวของคุณอายุเท่าไหร่กันครับเนี่ย" เพลิงเหงื่อแตกแม้อากาศจะค่อนข้างเย็น
"เดือนหน้าก็ครบสิบแปดแล้วครับ กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยปีหนึ่ง อีกเดือนกว่าก็จะเปิดเทอมแล้วครับ" พายัพตอบไปแม้จะสงสัยว่าทำไมเจ้านายหนุ่มถึงอยากรู้
"งั้นหรอครับ อ้อ เห็นบอกว่าเก่งให้ลองมาทำงานกับผมได้นะครับ ผมสนับสนุนคนเก่งและขยันทั้งเรื่องเรียนและเรื่องงานอยู่แล้วครับ" เพลิงหาช่องทางในการพบเด็กสาวอีกครั้ง เขาก็ไม่เข้าใจตนเองว่าทำไมถึงต้องการพบเธออีกครั้ง
"เห็นทีว่าจะมาป่วนคุณเพลิงเอาเสียเปล่าๆ แต่เดี๋ยวผมถามแกให้นะครับว่าอยากมาหรือเปล่า"
"ครับ ขอบคุณมากนะครับ" เพลิงหันมายิ้มให้พายัพเล็กน้อย
"คุณเพลิงขอบคุณผมทำไมครับ ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณ" พายัพรู้สึกว่าชายหนุ่มมีอาการแปลกๆ
"เอ่อ คือ...ผมรู้สึกอบอ้าวไปทั้งเนื้อทั้งตัวเหมือนจะเป็นลมยังไงไม่รู้ครับ" ชายหนุ่มแกะกระดุมเสื้อเม็ดบนสุดของตนออกเพื่อระบายความร้อน เปลือกตาของเขาค่อยๆปิดลง ร่างสูงเซถลาเกือบล้มลงไปกองกับพื้นหากพายัพประคองไว้ไม่ทัน ธารเห็นเจ้านายหนุ่มอาการไม่ดีจึงรีบวิ่งเข้ามาประคองอีกแรงและสั่งให้ลูกน้องออกรถเพื่อพาเขาไปโรงพยาบาล