ตอนที่ 6 โหมดจริงจัง

1253 Words
เสียงเครื่องยนต์รถกระบะของสันกฤตแล่นเข้ามาจอดตรงลานหน้าสวนมะพร้าว กรวิชญ์ยืนพิงเสาไม้หน้าบ้านพักคนงาน มือซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกง สายตากวาดมองไปรอบๆ เหมือนกำลังมองหาใครบางคน ไม่มีวี่แววของตุลยาอยู่แถวนี้เลย ไก่โต้งเดินเข้ามาตบไหล่เขาเบาๆ “โชคดีนะพี่วิชญ์ ไว้โอกาสหน้ามาเยี่ยมอีก” “ขอบใจมากที่ดูแลกันดีมาตลอด” กรวิชญ์ยิ้มจางๆ แต่ในใจกลับรู้สึกขมปร่า “โชคดีนะวิชญ์” โขงยกมือขึ้นโบก เขาพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปไหว้ลาดำเกิงที่ยืนมองด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ขอบคุณมากนะครับน้าดำ” “เออ โชคดีไอ้หนุ่ม” ดำเกิงตอบสั้นๆ แต่หนักแน่น กรวิชญ์สูดลมหายใจเข้าลึก แล้วเดินไปขึ้นรถของสันกฤต เสียงประตูรถปิดดังขึ้นเหมือนปิดทับความรู้สึกที่คั่งค้างในใจ “จะไป จะมาก็ไม่สำคัญสินะ” ความคิดนั้นดังขึ้นในหัวแบบหงุดหงิด รถแล่นออกจากสวนผ่านแนวต้นมะพร้าวที่เรียงรายสองข้างทาง เขายังเหลียวมองทางเข้าอยู่นานอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ เผื่อว่าเธอจะโผล่มาส่ง แต่ก็ไม่มีแม้เงา “เกิดอะไรขึ้นครับคุณวิชญ์ อยู่ดีๆ ก็หายไปตั้งหลายวัน โทรก็ไม่ติด นายหญิงอารียาแทบจะพลิกกระบี่หาเลยนะครับ” สันกฤตเอ่ยถามหลังจากขับรถมาได้พักใหญ่ กรวิชญ์พิงศีรษะกับพนักเบาะ ถอนหายใจยาว “โดนนักเลงท้องถิ่นเล่นงาน ได้เจ้าของสวนมะพร้าวช่วยไว้” “นักเลงเหรอครับ” สันกฤตเหลือบตามอง ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นเพราะเรื่องผู้หญิงแน่ เขายืมโทรศัพท์จากสันกฤตแล้วกดโทรหาบิดา เสียงของประณตดังขึ้นมาทันที หลังรู้ว่าคนที่โทรมาคือเจ้าลูกชายตัวดีที่หายหัวไปหลายวัน “วิชญ์ หายไปไหนมา ทำไมติดต่อไม่ได้ รู้ไหมว่าพ่อกับแม่แทบพลิกแผ่นดินหา” “ขอโทษครับพ่อ ผมเกิดเรื่องนิดหน่อย” “เรื่องอะไรไม่สำคัญ ลูกพลาดงานแต่งของน้องชาย รู้ไหมคุณย่าบ่นให้ลูกแค่ไหน” ประณตบ่นออกมา “เดี๋ยวนะ พ่อว่าอะไรนะครับ กวินแต่งงานแล้วเหรอ” วิชญ์ขมวดคิ้วทันที “ใช่ น้องแต่งไปเมื่อวันพุธก่อน พ่อติดต่อแล้วก็ติดต่อไม่ได้ ลูกมันน่านัก กลับมาแล้วค่อยคุยกัน ลูกสร้างเรื่องไว้เยอะแล้ว” ประณตพูดเสียงเข้ม ก่อนวางสายไป กรวิชญ์มองโทรศัพท์ในมือเงียบๆ ความรู้สึกหลายอย่างตีกันในอก ทั้งหงุดหงิด งุนงง และรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกทิ้งไว้ข้างหลัง นี่เขาละเลยครอบครัวถึงขั้นไม่รู้ว่าน้องชายแต่งงาน “ให้ตายสิ... กวินแต่งงานเนี่ยนะ” เขาพึมพำเบาๆ เอนหลังพิงเบาะ หลับตาลงช้าๆ ภาพใบหน้านิ่งๆ ของตุลยาลอยเข้ามาในหัวอีกครั้ง ////////// กรวิชญ์เดินเข้ามาในบ้านด้วยสภาพโทรม แต่แววตาแน่วแน่กว่าทุกครั้ง ประณตนั่งรออยู่ที่โซฟาหนัง สายตาคมเข้มจับจ้องลูกชายทันทีที่ก้าวเข้ามา ข้างๆ กัน อารียายืนกอดอก สีหน้ากังวลและผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด “วิชญ์ รู้ไหมว่าแกหายไปกี่วัน พ่อกับแม่แทบจะประสานงานตำรวจแล้ว” เสียงบิดาดังขึ้น “แล้วดูสภาพตัวเองสิ ลูกชายคนโตของตระกูลกลับมาสภาพนี้เนี่ยนะ” อารียาเอ่ยต่อ เสียงสั่นนิดๆ ด้วยความโกรธปนเป็นห่วง กรวิชญ์ยืนฟังนิ่ง ไม่โต้ ไม่ยียวนเหมือนแต่ก่อน เขาสูดหายใจเข้าลึก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ผมรู้ครับว่าผมทำให้ทุกคนผิดหวัง แต่ครั้งนี้ ผมอยากเริ่มใหม่” “เริ่มใหม่เหรอ” ประณตเลิกคิ้ว “ครับ” เขาก้าวเข้าไปใกล้พ่อกับแม่แล้วนั่งลง “ผมอยากเริ่มทำงานจริงจัง เรียนรู้งานทุกอย่างจากตำแหน่งเล็กๆ ก่อน ให้ผมเป็นผู้ช่วยผู้จัดการก็ได้ ผมอยากเรียนรู้จากคุณจริญญา” “นี่พูดจริงเหรอวิชญ์” อารียาหรี่ตามองลูกชายอย่างไม่อยากเชื่อ “จริงครับแม่ ผมไม่อยากเป็นภาระอีกแล้ว ผมอยากเป็นคนที่พ่อแม่ไว้ใจได้” เขามองสบตาเธอแน่วแน่ ห้องทั้งห้องเงียบลงไปในทันที ประณตกับอารียามองหน้ากัน สีหน้าที่เดิมเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจ ประณตเอนหลังพิงพนักโซฟา พ่นลมหายใจออกช้าๆ ก่อนพูดเสียงเรียบ “แกไม่เคยพูดอะไรแบบนี้มาก่อนเลยนะวิชญ์” “เพราะผมไม่เคยคิดจริงจังมาก่อน จนตอนนี้” “แล้วทำไมถึงเปลี่ยนใจขึ้นมาได้ล่ะ” อารียาค่อยๆ คลายวงแขนที่กอดอกไว้ “แค่รู้สึกว่าผมต้องโตสักที” กรวิชญ์นิ่งไปชั่วครู่ ก่อนตอบเรียบๆ พ่อกับแม่สบตากันอีกครั้ง สีหน้าดูไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก แต่ก็มีความหวังว่าลูกชายจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้จริงๆ “ก็ได้ พ่อจะรอดูการเปลี่ยนแปลงของแก” ประณตพูดช้าๆ “ถ้าแค่พูดแล้วไม่ทำเหมือนเมื่อก่อน อย่าหวังว่าพ่อจะใจอ่อนอีก” อารียาเสริมเสียงเข้ม แต่ในน้ำเสียงมีความโล่งใจซ่อนอยู่ “ครับ ครั้งนี้ผมพูดแล้วจะทำตามที่พูดแน่นอน” กรวิชญ์ยิ้มบางๆ พยักหน้ารับ ************************ ในโถงล็อบบี้ของรีสอร์ต จริญญาผู้จัดการหญิงวัยสี่สิบ ผมมัดเรียบ เสื้อเชิ้ตขาวเรียบกริบ กางเกงสแลคดำ เดินนำลูกชายของเจ้านายที่จะมาเรียนรู้งานกับตนเองอย่างมั่นคง กรวิชญ์ใส่เสื้อโปโลของพนักงานรีสอร์ต ป้ายชื่อห้อยอยู่ที่อกซ้าย ผมถูกเซตอย่างเรียบร้อย ดวงตานิ่งขรึม ไม่มีแววเจ้าชู้หรือว่าขี้เล่นแบบเดิม “วันนี้คุณไม่ใช่นายนะคะ คุณคือผู้ช่วยผู้จัดการฝึกหัด ที่ต้องเรียนรู้ทุกอย่างตั้งแต่พื้นฐานที่สุด” จริญญาหันมาพูดเสียงเรียบ “ครับ ผมเข้าใจ” เขาตอบเสียงหนักแน่น เธอชะงักเล็กน้อยกับท่าทีที่ไม่ใช่กรวิชญ์คนเดิม ก่อนจะพยักหน้า “ดีค่ะ งั้นเริ่มจากงานแม่บ้านก่อน ห้องสะอาดก็คือลูกค้าประทับใจ” ทั้งสองเดินผ่านโถงทางเดินไปยังโซนแม่บ้าน จริญญาอธิบายทุกขั้นตอน ตั้งแต่การทำความสะอาด การเช็กเตียง การเปลี่ยนผ้า กรวิชญ์ตั้งใจฟัง ไม่พูดแทรก และตั้งใจเรียนรู้เป็นอย่างมาก จากนั้น เธอพาเขากลับมาที่ล็อบบี้ ไปยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ต้อนรับ สอนการใช้ระบบเช็กสถานะห้องในระบบหลังบ้าน ก่อนจะผายมือไปยังพนักงานต้อนรับสองคนที่กำลังต้อนรับแขกชาวต่างชาติ “นี่คือหัวใจของรีสอร์ต การต้อนรับที่ดี จะทำให้ลูกค้ากลับมาอีก” จริญญากล่าว กรวิชญ์ยืนอยู่ด้านข้างเพื่อสังเกตขั้นตอนอย่างเงียบๆ ทั้งการเปิดโปรแกรมเช็กอิน จัดการเอกสาร จัดกุญแจ และยิ้มให้แขกอย่างสุภาพ “ยินดีต้อนรับค่ะ ห้องของคุณพร้อมแล้วนะคะ เชิญทางนี้ค่ะ” “ดูแล้วงานต้อนรับไม่มีอะไรยากนะครับ” เขามองตามพนักงานสาวที่ยิ้มแย้มตลอดเวลา “แต่ว่าไม่ได้ราบรื่นอย่างนี้ทุกครั้งหรอกนะคะ วันที่มีปัญหาก็ต้องรับมือกันหนักเลย พนักงานต้อนรับของรีสอร์ตเหมือนจะง่าย แต่ว่าจริงๆแล้วไม่มีตำแหน่งไหนง่ายหรอกค่ะ เดี๋ยวคุณวิชญ์ก็จะเห็นเอง” จริญญาบอกแล้วยิ้มเล็กน้อย แม้จะประหม่าที่ต้องสอนงานเขา แต่ก็โล่งใจไม่น้อยที่กรวิชญ์เอาจริงกับงานมากกว่าที่เธอคิด ************************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD